#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 24 เมษายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 24 ? 26 เม.ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่า และลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนคลายความร้อนลง ส่วนช่วงในวันที่ 27 - 29 เม.ย. 63 ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น ในช่วงวันที่ 25 - 28 เม.ย. 63 กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 24 ? 26 เม.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 25 - 29 เม.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบถึงวันที่ 26 เมษายน 2563)" ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 24 เมษายน 2563 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และทะเลจีนใต้ คาดว่าจะแผ่เข้าปกคลุมภาคกลางในวันนี้ (วันที่ 24 เมษายน 2563) ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ส่งผลทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบถึงวันที่ 26 เมษายน 2563 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันที่ 25-26 เมษายน 2563 โดยมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และคลื่นลมจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ วันที่ 24 เมษายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ในช่วงวันที่ 25-26 เมษายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ภาคกลาง: จังหวัดสุพรรณบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
อดีตอ่าวมาหยากำลังกลับมา พบฝูงฉลามหูดำกว่า 70 ตัวโผล่หากิน กระบี่ - อดีตอ่าวมาหยากลับมาแล้ว หลังไร้นักท่องเที่ยวรบกวน พบฝูงฉลามหูดำกว่า 70 ตัว โผล่หากินแนวปะการังน้ำตื้น ระบุมากที่สุดตั้งแต่มีการปิดอ่าว เชื่อเกิดจากสภาพธรรมชาติฟื้นตัว ทำให้มีสัตว์น้ำเข้ามาหากินมาก วันนี้ (23 เม.ย.) เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยาน อ่าวมาหยา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้บันทึกภาพฝูงฉลามหูดำ หรือฉลามครีบดำ จำนวนมากกว่า 70 ตัว แต่ละตัวมีขนาดความยาว 1-1.5 เมตร ขณะโผล่หากินบริเวณแนวปะการังน้ำตื้น หน้าหาดอ่าวมาหยา สร้างความตื่นเต้นแก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีการสำรวจพบอยู่บ้าง หลังกรมอุทยานฯ ปิดอ่าวหมาหยาเมื่อกลางปี 2561 แต่เนื่องจากวันนี้พบจำนวนมากกว่าทุกครั้ง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 70 ตัว ด้านนายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า หลังจากดูภาพฝูงฉลามหูดำที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานอ่าวมาหยาบันทึกไว้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะมีจำนวนมากกว่าทุกครั้ง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 70-100 ตัว โดยเมื่อวานนี้ก็พบเช่นกัน แต่มีไม่มาก นับว่าวันนี้มีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ ภายหลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศปิดอ่าวมาหยา ห้ามทำกิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 เป็นต้นมา เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและบนบกได้มีการฟื้นตัว ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ฝูงฉลามหูดำเข้ามาหากินบริเวณอ่าวมาหยาจำนวนมากกว่าทุกครั้ง เนื่องจากสภาพธรรมชาติบริเวณอ่าวมาหยา ปะการังก็มีการฟื้นตัวได้ดีทำให้มีแหล่งอาหารของสัตว์น้ำมากขึ้น และประกอบกับในช่วงนี้ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นักท่องเที่ยวงดการเดินทาง ทำให้ทะเลเงียบสงบไม่มีเรือวิ่งผ่านบริเวณอ่าวด้านหน้าและด้านหลังอ่าวมาหยา จึงทำให้ฝูงฉลามหูดำเข้ามาอาศัยมากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากนี้สภาพธรรมชาติของอ่าวมาหยาจะฟื้นฟูกลับมามีสภาพที่สวยงามอีกครั้งเหมือนในอดีต https://mgronline.com/south/detail/9630000042694 ********************************************************************************************************************************************************* ตื่นเต้น! พบวาฬเพชฌฆาตดำฝูงใหญ่โผล่ทะเลกระบี่ครั้งแรก หลังปิดท่องเที่ยวจากโควิด-19 กระบี่ - โควิด-19 ทำทะเลเกาะลันตาฟื้น พบฝูงวาฬเพชฌฆาตดำขนาดใหญ่ กว่า 10-15 ตัว ที่อ่าวหินงาม เกาะรอก อ.เกาะลันตา กระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เป็นครั้งแรก คาดจากการประกาศปิดการท่องเที่ยวในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ไม่ถูกรบกวนจากการท่องเที่ยว วันนี้ (23 เม.ย.) นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ นำเรือตรวจการณ์ออกไปลาดตระเวนตามปกติ บริเวณอ่าวหินงาม เกาะรอก ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งห่างจากฝั่งเพียง 400 เมตร ได้พบฝูงวาฬเพชฌฆาตดำ ฝูงใหญ่ 10-15 ตัว แต่ละตัวความยาวประมาณ 3-4 เมตร โดยฝูงวาฬเพชฌฆาตดำที่ปรากฏตัวขึ้นมาฝูงใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพและวิดีโอ ขณะที่ฝูงวาฬเพชฌฆาตดำเล่นน้ำอยู่บริเวณดังกล่าวนานประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการพบเจอวาฬเพชฌฆาตดำในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ คาดว่าเนื่องจากการประกาศปิดการท่องเที่ยวในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ธรรมชาติเริ่มมีการฟื้นตัว ไม่ถูกรบกวนจากการท่องเที่ยว สำหรับวาฬเพชฌฆาตดำเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดหนึ่ง ในวงศ์โลมามหาสมุทร (Delphindae) เป็นวาฬมีฟัน จัดเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Pseudorca ที่ยังสืบเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน มีลักษณะลำตัวยาวสีดำคล้ายกันมากกับวาฬนำร่องครีบสั้น (Globicephala macrorhynchus) ต่างกันที่ลักษณะครีบหลังตั้งอยู่กึ่งกลางลำตัว (วาฬนำร่องครีบสั้นจะตั้งเยื้องมาทางส่วนหัว) และส่วนหัวไม่โหนกมากปลาวาฬนำร่องครีบสั้น สีดำทั้งตัว ส่วนท้องจะเทาจางเล็กน้อย ครีบข้างโค้งหักข้อศอกเรียวยาวค่อนข้างแหลม หน้าผากกลมมนไม่มีจะงอยปาก มีจำนวนฟันทั้งหมด 7-12 คู่ ในปาก ซึ่งอาหารของวาฬเพชฌฆาตดำ คือ ปลาและหมึก มีขนาดโตเต็มที่ยาวถึง 6 เมตร ลูกแรกเกิดยาว 1.5-2 เมตร การตั้งท้องใช้เวลา 12-14 เดือน เป็นโลมาที่พบกระจายพันธุ์ทั่วทั้งโลก โดยมากจะอยู่รวมเป็นฝูงในทะเลใกล้ชายฝั่ง ในประเทศไทยมีรายงานพบในหลายจังหวัดทั้งในอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน และจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง https://mgronline.com/south/detail/9630000042692
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
จำคุก "ดีเจภูมิ" กับพวก 6 คน ล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติ จ.ชุมพร คนละ 4 ปี รอลงอาญา 2 ปี พิพากษาจำคุก "ดีเจภูมิ" กับพวก 6 คน ล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร คนละ 4 ปี ปรับ 40,000 บาท รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง และให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมทำคลิปรักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เผยแพร่ช่องยูทูป หรือเฟซบุ๊ก 2 คลิป จากกรณีเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา นายภูมิใจ หรือ ดีเจภูมิ ตั้งสง่า อายุ 41 ปี ได้ลงคลิปเปิดเผยภาพที่ดีเจภูมิ และพวกเดินทางไปฟังคำพิพากษา กรณีช่วงเดือน ส.ค. 2562 ดีเจภูมิและพวกได้ไปตกปลาในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้โพสต์คลิปวิดีโอช่องทาง DJPOOM CHANNEL จนถูกตั้งข้อหา และศาลมีคำพิพากษาในวันดังกล่าว ล่าสุด วันนี้ (23 เม.ย.) นางวิไล สารประดิษฐ์ ผู้อำนวยการศาลจังหวัดชุมพร ได้เปิดเผยว่า คดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดชุมพรได้ยื่นฟ้อง นายภูมิใจ หรือ ดีเจภูมิ ตั้งสง่า กับพวกรวม 5 คน เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2563 เป็นจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติรวม 2 กระทง ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งหมด กระทำความผิดจริง จำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 40,000 บาท จำเลยให้การสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี และให้จำเลยทั้งหมดรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกระยะ 2 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดคนละ 1 ปี กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคม หรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 36 ชั่วโมง ให้จำเลยจัดทำสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเผยแพร่ต่อสาธารณชน เช่น ช่องยูทูป หรือ เฟซบุ๊ก เป็นต้น อย่างน้อย 2 คลิปความยาวแต่ละคลิปไม่น้อยกว่า 10 นาที ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งหมด ละเว้นการกระทำใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันนี้อีก หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา https://mgronline.com/crime/detail/9630000042652
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
ศาลชุมพรพิพากษาคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่น 'ดีเจภูมิ-พวก' ตกปลาในเขตอุทยาน จากกรณีเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ดีเจภูมิ หรือ นายภูมิใจ ตั้งสง่า อายุ 41 ปี ได้ลงคลิปเปิดเผยภาพที่ดีเจภูมิและพวกเดินทางไปฟังคำพิพากษา กรณีช่วงเดือน ส.ค. 2562 ดีเจภูมิและพวกได้ไปตกปลาในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรโดยไม่ได้รับอนุญาต จนถูกตั้งข้อหา และศาลมีคำพิพากษาในวันดังกล่าว ล่าสุด วันนี้ (23 เม.ย.) นางวิไล สารประดิษฐ์ ผู้อำนวยการฯศาลจังหวัดชุมพร ได้เปิดเผยรายงานคดีที่ประชาชนสนใจ ระบุว่า วันที่ 18 มี.ค. 2563 พนักงานอัยการจังหวัดชุมพรได้ยื่นฟ้องนายภูมิใจ หรือ ดีเจภูมิ ตั้งสง่า กับพวกรวม 5 คน ความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติรวม 2 กระทง ศาลพิพากษาจำเลยทั้งหกมีความผิด จำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 40,000 บาท จำเลยทั้งหกรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ให้จำเลยทั้งหกไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกระยะ 2 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดคนละ 1 ปี กับให้จำเลยทั้งหกกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยทั้งหกเห็นสมควร เป็นเวลา 36 ชั่วโมง ให้จำเลยทั้งหกจัดทำสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเผยแพร่ต่อสาธารณชน เช่น ช่องยูทูป เฟซบุ๊ก เป็นต้น อย่างน้อย 2 คลิป ความยาวแต่ละคลิปไม่น้อยกว่า 10 นาที ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ให้จำเลยทั้งหกละเว้นการกระทำใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันนี้อีก หากจำเลยทั้งหกไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 https://www.thaipost.net/main/detail/64046
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|