#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจาก พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนบางแห่งในระยะนี้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณหัวเกาะสุมาตรา ซึ่งจะส่งผลทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น อนึ่ง ในช่วงวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2563 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 28-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 8 - 9 พ.ค. 63 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้าปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ส่งผลทำให้มีบริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 10-13 พ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวจะเกิดพายุฤดูร้อนขึ้น โดยจะมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณหัวเกาะสุมาตราจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 8-11 พ.ค. 63 และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบน ส่งผลทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 10-13 พ.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมทั้งฟ้าผ่าไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในช่วงวันที่ 8-11 พ.ค. 63
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ฮ่องกงยึดหูฉลาม26 ตันซุกในตู้คอนเทนเนอร์ ศุลกากรฮ่องกงยึดหูฉลามล็อตใหญ่ 26 ตันซุกซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้ลอบนำเข้ามาจากเอกวาดอร์ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ว่า นายแดนนี ชุง เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงสามารถยึดสินค้าผิดกฎหมาย เป็นหูฉลามของสัตว์ป่าหายาก 38,500 สายพันธุ์ซุกซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ 2 ตู้นำเข้าจากประเทศเอกวาดอร์ นับเป็นการจับกุมสินค้าสัตว์ป่าคุ้มครองครั้งใหญ่สุดในฮ่องกง และยังสะท้อนให้เห็นว่า หูฉลามซึ่งชาวจีนถือว่าเป็นอาหารบำรุงชั้นยอดเหมาะสำหรับใช้ในการจัดงานเลี้ยงฉลองต่างๆของชุมชนชาวจีนนั้น ยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับผู้บริโภค เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงกล่าวอีกว่า ในตู้คอนเทนเนอร์พบหูฉลาม 13 ตัน จำนวน 2ตู้ รวมเป็น 26 ตัน ทำลายสถิติเดิมที่เคยยึดหูฉลามไว้ได้ 3.8 ตันเมื่อปีที่แล้ว ส่วนหูฉลามที่ยึดมาได้ส่วนใหญ่เป็นปลาฉลามเทรชเชอร์และฉลามเส้นไหม สัตว์ป่าหายาก พร้อมกับจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นชายวัย 57 ปี แต่ปล่อยตัวไปโดยให้ประกันตัวระหว่างสู้คดี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไวลด์ เอด ประเมินว่ามีฉลามถูกฆ่าตายในแต่ละปีเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย 73 ล้านตัว https://www.dailynews.co.th/foreign/773208
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เมืองพัทยาเอาจริง! 9 พ.ค.นี้ใช้กฎหมายเอาผิดผู้ฝ่าฝืนเข้าชายหาด 9 แห่ง ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยาเอาจริง! บังคับใช้กฎหมายผู้ฝ่าฝืนเข้าพื้นที่ชายหาดทั้ง 9 แห่ง เริ่ม 9 พ.ค.นี้ หลังผ่อนปรนพื้นที่ทางเท้าแนวชายหาดให้ออกกำลังกาย เผยจัดกำลังเจ้าหน้าที่เต็มอัตราเฝ้าระวังประชาชน และนักท่องเที่ยวจับกลุ่มหวั่นโควิด-19 ระบาดซ้ำ จากกรณีที่เมืองพัทยา ได้จัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามข้อกำหนดแห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 6) กรณีพื้นที่ชายหาดนเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยจะทำการผ่อนปรนให้มีการใช้พื้นที่ทางเท้าสำหรับออกกำลังกาย แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ชายหาดทุกแห่งเพื่อพักผ่อน หรือทำกิจกรรมใดๆ นั้น วันนี้ (7 พ.ค.) พ.ต.ต.จีรวัฒน์ สุคนธทรัพย์ หัวหน้างานเทศกิจเมืองพัทยา ได้กำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตพัทยา สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่สำนักการช่าง ส่วนวิศวกรรมจราจรและขนส่งเมืองพัทยา นำรั้วเหล็กและแผ่นเทปกั้นเขตห้ามใช้บริเวณพื้นที่ชายหาด ทั้ง 9 จุด ประกอบด้วย หาดพัทยา จอมเทียน หาดพระตำหนัก หาดโคซี่ หาดวงศ์อมาตย์ หาดกระทิงราย สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ และลานท่าเรือบาลีฮาย เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวจับกลุ่มรวมตัวกันสังสรรค์ หรือนั่งรับประทานอาหารบนชายหาด เพื่อระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องต่อคำสั่งผ่อนผันตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ในลักษณะการผ่อนปรนพื้นที่ให้ประชาชนได้ออกกำลังกายเฉพาะทางเท้า แต่ไม่อนุญาตให้ลงไปในพื้นที่ชายหาด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬากลางแจ้ง หรือการนำอาหารเข้าไปนั่งรับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมใดๆ ทั้งนี้ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การปิดพื้นที่ชายหาดทั้ง 9 แห่งของเมืองพัทยา จะเริ่มดำเนินการอย่างเข้มงวดและจริงจังตั้งแต่วันที่ 9-31 พ.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.ของทุกวัน ซึ่งเมืองพัทยา จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราเป็น 2 ผลัด โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลเป็น 3 จุด เนื่องจากชายหาดพัทยาเป็นหาดที่มีความยาว 2.7 กิโลเมตร ประกอบด้วย จุดที่ 1 ตั้งแต่โค้งโรงแรมดุสิตพัทยาเหนือ ไปจนถึงหน้าโรงแรมฮาร์ดร็อค รวมระยะทาง 1,100 เมตร จุดที่ 2 หน้าโรงแรมฮาร์ดร็อคไปจนถึงชายหาดซอย 10 รวมระยะทาง 750 เมตร และจุดที่ 3 หน้าซอย 10 ไปจนถึงท่าเรือพัทยาใต้ รวมระยะทาง 850 เมตร ส่วนบริเวณชายหาดจอมเทียน จะแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแล 3 จุดเช่นกันคือ จุดที่ 1 ตั้งแต่พัทยาปาร์ค ไปจนถึงซอย 5 จุดที่ 2 ตั้งแต่ซอย 5 ถึงซอย 12 และจุดที่ 3 ซอย 12 ถึงซอย 19 ขณะที่ชายหาดอื่นๆ จะจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราและดูแลความเรียบร้อยชายหาดละ 1 จุด และหากพบว่ามีประชาชนฝ่าฝืนคำสั่ง ก็จะว่ากล่าวตักเตือนในครั้งแรก แต่หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนซ้ำก็จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในทันที https://mgronline.com/local/detail/9630000047815
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ฮ่องกงยึดหูฉลามที่ตัดมาจากฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์กว่า 38,500 ตัว ฮ่องกง 7 พ.ค. - ฮ่องกงยึดหูฉลามลักลอบนำเข้าจำนวน 26 ตัน โดยเป็นหูฉลาม หรือครีบฉลาม ที่ตัดมาจากฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์ กว่า 38,500 ตัว และนับเป็นการยึดหูฉลามครั้งใหญ่ที่สุดในฮ่องกง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบหูฉลามจำนวนดังกล่าวในคอนเทนเนอร์ 2 ตู้จากเอกวาดอร์ และเป็นการตอกย้ำว่า ยังคงมีความต้องการหูฉลาม ซึ่งมักถูกนำไปปรุงเป็นอาหารเลี้ยงในงานแต่งงานของชนเชื้อสายจีน ศุลกากรของฮ่องกงระบุว่า หูฉลามที่ยึดได้ในครั้งนี้ทำลายสถิติการตรวจยึดล็อตใหญ่ที่สุดในครั้งที่แล้ว โดยในครั้งนี้ ยึดได้ถึง 2 ตู้ และแต่ละตู้มีหูฉลามมากถึง 13 ตัน ขณะที่สถิติเดิม เมื่อปี 2562 ยึดได้ 3.8 ตัน ไวลด์เอด องค์กรต่อต้านการฆ่าสัตว์เพื่อการค้าประมาณว่า แต่ละปีมีฉลาม ถูกฆ่าตายเพื่อการค้าประมาณ 73 ล้านตัว งานวิจัยของไวลด์เอดระบุว่า การบริโภคหูฉลามในจีนแผ่นดินใหญ่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในประเทศไทยเวียดนามและอินโดนีเซียกลับมีความต้องการมากขึ้น. https://www.mcot.net/viewtna/5eb3b699e3f8e40af943fe45
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
ฮ่องกงจับครีบฉลาม 26 ตัน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงจับครีบหูฉลามที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง โดยครีบฉลามส่วนใหญ่มาจากสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยเป็นการนำเข้าอย่างผิดกฎหมายจากเอลกวาดอร์ South china morning post รายงานว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงได้ทำการจับกุมครีบฉลามที่ใหญ่ที่สุดจำนวน 26 ตัน ถือเป็นการนำเข้าอย่างผิดกฎหมายจากเอลกวาดอร์ โดยครีบฉลาม 26 ตันนั้น แบ่งเป็นฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์ 38,500 ตัว มีมูลค่าสูงถึง 8.6 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เจ้าหน้าที่ป้องกันสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ Ken Chan Hon-ki จากกรมวิชาการเกษตรการประมงและการอนุรักษ์ประเมินว่าครีบฉลามที่มหาศาลนี้ มาจากฉลามพันธุ์ Thresher ประมาณ 31,000 ตัวและฉลาม พันธุ์ Silky อีก 7,500 ตัว โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าครีบฉลามจำนวนมากนั้นจะถูกส่งไปตามร้านอาหารในฮ่องกงและอาจจะมีการส่งต่อไปยังประเทศจีน ทั้งนี้ ตลอดปี 2019 มีการจับกุมครีบฉลาม 12 ตันมูลค่า 8.9 ล้านเหรียญฮ่องกงและมีผู้ถูกจับกุม 13 คน นับเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่นับจากปี 2018 เมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมครีบฉลาม 641 กิโลกรัมมูลค่า 510,000 เหรียญฮ่องกง และทำการจับกุมได้ถึง 5 ครั้ง Gloria Lai Pui-yin เจ้าหน้าที่อนุรักษ์อาวุโสเพื่อความยั่งยืนกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม WWF - ฮ่องกงกล่าวว่าขนาดของการจับกุม? แน่นอนมาเป็นความประหลาดใจสำหรับเรา แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าความต้องการบริโภคครีบฉลามนั้นมีมากขึ้น เพียงแต่ผู้ค้าขายเห็นโอกาสที่จะส่งครีบฉลามในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในประเทศอื่น ๆ กำลังหมกมุ่นอยู่กับความพยายามในการต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามจากการสำรวจ WWF จำนวน 859 คนยังพบว่าชาวฮ่องกง 7 คนจาก 10 คน ยังเลือกที่จะกินครีบฉลาม โดยส่วนใหญ่เลือกที่จะกินในวันสำคัญเช่น งานแต่งงาน งานสำนักงานและงานสังสรรค์ในครอบครัว " WWF - ฮ่องกงจึงขอให้โรงแรมและร้านอาหารหยุดขายครีบฉลามและให้ บริษัท ต่างๆให้คำมั่นสัญญาว่า ไม่มีหูฉลาม" https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/124957
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|