เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 6-10 มิ.ย. 63 โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 6 - 10 มิ.ย. 63

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6 - 10 มิ.ย. 63 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ทุนมาเฟีย vs ประมงถิ่น "ศึกชิงลูกหอยแครง" อ่าวบ้านดอน สุราษฎร์ฯ




https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000058208


*********************************************************************************************************************************************************


เต่าตนุกลับมาวางไข่ที่ "หาดม่วงงาม" ในรอบ 50 ปีก่อนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งได้ไม่นาน



ศูนย์ข่าวภาคใต้ ? พบเต่าตนุ สัตว์ป่าคุ้มครอง กลับมาวางไข่ที่หาดม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ในรอบ 50 ปี เผยคลิปลูกเต่า 68 ตัวคืนกลับทะเลไทย ติดแฮชแท็ก #saveม่วงงาม #saveหาดม่วงงาม คัดค้านการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Tonchirat Songsurin ได้โพสต์คลิประบุว่า เต่าตนุ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้กลับมาวางไข่ที่หาดม่วงงาม ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา ในรอบ 50 ปี และเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ลูกเต่าตนุจำนวน 68 ตัว กำลังถูกปล่อยลงทะเล พร้อมใส่แฮชแท็ก #saveม่วงงาม #saveหาดม่วงงาม ซึ่งหมายถึงการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมชายหาดม่วงงาม อ.สิงหนคร ระยะทาง 710 เมตร เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและปรับปรุงภูมิทัศน์ริมชายหาดม่วงงาม

ทั้งนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sayan Thongsri ได้โพสต์เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ว่า เช้าวันนี้ 10 เมษายน 2563 บันทึกไว้ว่า ชายหาดจังหวัดสงขลาได้พบการวางไข่ของเต่าตนุ ณ บริเวณชายหาด หน้าสำนักสงฆ์บ้านในไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลม่วงงาม อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งประธานกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) ม่วงงาม (กะยะห์) ได้รับการแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน นายวรพล ใสสะอาด ได้พบร่องรอยของเต่าขึ้นมาวางไข่ จึงประสานไปยังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง เพื่อมาตรวจสอบและให้คำแนะนำในการเฝ้าระวังการฟักไข่ในระยะฟักพบไข่ประมาณ 50-60 ฟอง



ด้านเพจ Beach for life ได้แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sayan Thongsri ดังกล่าว โดยระบุว่า "เต่าตนุวางไข่บนชายหาดม่วงงาม ในขณะที่กรมโยธาธิการฯ กำลังเตรียมสร้างกำเเพงกันคลื่นริมชายหาดม่วงงาม"


https://mgronline.com/south/detail/9630000058113

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ดินถล่มสูบบ้านหลายหลัง หายลงทะเล นอร์เวย์ไม่เคยเจอใหญ่ขนาดนี้



ดินถล่มสูบบ้านหลายหลัง - ซีเอ็นเอ็น รายงานเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. เกิดดินถล่มไหลลงทะเลสูบเอาบ้านบริเวณนั้นหายวับไปกับตาที่เทศบาลเมืองอัลตา ทางเหนือของประเทศนอร์เวย์

เหตุการณ์ดังกล่าวมีภาพวิดีโอบันทึกไว้ พร้อมกับนายแอนเดอร์ส ยอร์ดัล วิศวกรสำนักงานน้ำและพลังงานนอร์เวย์ที่เล่าเหตุการณ์ที่เห็นกับตาตนเองว่า ดินสไลด์กินพื้นที่ใหญ่มาก ช่วงเวลา 4 โมงเย็นของวันพุธที่ 4 มิ.ย.

นายยอร์ดัลได้รับแจ้งจากตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้รุดไปดูเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อจะได้แนะนำการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี

ต่อมา เจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย พบว่าดินสไลด์เป็นระยะกว้าง 650 เมตร ลึก 150 เมตร สูบทำลายบ้านเรือน 8 หลัง เคบินสำหรับเป็นที่พักช่วงสุดสัปดาห์อีก 4 ตู้ แต่โชคดีว่า ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะอพยพออกไปทัน

นายยอร์ดัล กล่าวว่า เหตุการณ์ดินโคลนถล่มที่กินพื้นที่กว้างขนาดนี้แทบไม่เกิดขึ้นในนอร์เวย์ ปีหรือสองปีจะมีสักครั้ง และสำหรับเทศบาลเมืองอัลตาแล้ว ไม่เคยเกิดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน




อัลตาเป็นเทศบาลเมืองที่อยู่เหนือสุดของประเทศ มีชื่อเสียงว่าอุดมไปด้วยป่าเขา มีทิวทัศน์ชายฝั่ง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ชมแสงเหนือ

จากนี้ไป เจ้าหน้าที่จะจับตาว่าดินจะเคลื่อนตัวอย่างไรในสองสามวันข้างหน้า เช่นเดียวกับทะเล และระดับพื้นทะเล จากนั้นสัปดาห์หน้าจึงจะสำรวจดิน


https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4256537

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


รัสเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน ดีเซล20,000ตันรั่วใกล้อาร์กติกเซอร์เคิล

รัสเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน ดีเซล20,000ตันรั่วใกล้อาร์กติกเซอร์เคิล
เหตุนี้เกิดขึ้น 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ผู้นำรัสเซียเพิ่งได้รับรายงาน



ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมระดับประเทศที่เมืองโนริลสค์ เมืองเขตอุตสาหกรรมอันห่างไกลในแถบไซบีเรีย หลังได้รับรายงานว่าคลังเก็บน้ำมันดีเซลของบริษัท Norilsk Nickel ผู้ประกอบการเหมืองแร่และโลหะรายใหญ่ของรัสเซีย เกิดพังทลายลงมาเป็นเหตุให้มีน้ำมันดีเซลล็อตใหญ่ไม่น้อยกว่า 20,000 ตัน รั่วไหลลงแม่น้ำใกล้เคียงหลายสายแถบเขตอาร์ตติกเซอร์เคิลส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแม่น้ำดังกล่าวมีปลายทางไหลลงทะเลคาราของมหาสมุทร์อาร์กติก

รายงานระบุว่า ผู้นำรัสเซียได้ตำหนิผู้บริหารโรงไฟฟ้านี้ รวมถึงหน่วยงานในท้องถิ่นถึงการรับมือที่ล่าช้า เนื่องจากเหตุดังกล่าวคาดว่าเกิดตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ผู้นำรัสเซียเพิ่งได้รับรายงานเหตุใน 48 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ โดยไม่ชัดเจนว่าจะมีการดำเนินคดีต่อผู้บริการดังกล่าวหรือไม่

ภาพจากหน่วยงานท้องถิ่นแสดงให้เห็นสภาพของแม่ในสายสำคัญใกล้เคียง แปรสภาพเป็นสีแดงจากน้ำมันที่รั่ว

นาย Yevgeny Zinichyev รัฐมนตรีกระทรวงบริการเหตุฉุกเฉินของรัสเซียกล่าวว่า เบื้องต้นได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แล้ว 100 คนเพื่อรับมือสถานการณ์ในการกักกันน้ำมันที่รั่วลงแหล่งน้ำ แต่ยอมรับว่าอาจต้องพึ่งการสนับสนุนจากหน่วยงานของกองทัพในการรับมือด้วย เนื่องบริเวณที่ได้รับผลกระทบกินวงกว้างมาก โดยเฉพาะแม่น้ำ Ambarnaya และ Daldykan ซึ่งไหลลงสู่ทะเล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อาจต้องใช้สารเร่งปฏิกิริยาให้น้ำมันระเหย แต่สิ่งสำคัญคือการกักกันน้ำมันไม่ให้น้ำมันไหลออกทะเลให้มากที่สุด


https://www.posttoday.com/world/625220

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก บ้านเมือง


สลด! โลมาเกยตื้นหาดซันไรซ์ เมืองคอน



เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 3 มิ.ย.63 นายสุพงษวิณัย ชูยก นายอำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบซากโลมาเกยตื้นนอนตาย ริมชายหาดซันไรซ์ พื้นที่หมู 9 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานหน่วยงานด้านประมงที่เกี่ยวข้องและจนท.กู้ภัยต่างในพื้นที่ร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบซากโลมาสีดำ ลักษณะโตเต็มวัย ไม่ทราบเพศจำนวน 1 ตัว วัดความความยาวได้ 150 เซนติเมตร น้ำหนัก 33 กิโลกรัม

ตรวจสอบบริเวณลำตัวพบว่ามีบาดแผลหลายแห่งคล้ายกับติดอวนดักปลาของชาวประมง เบื้องต้นเสียชีวิตไม่เกิน 1 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพลำตัวยังไม่เน่าเปื่อย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ทราบแน่ชัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะนำไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไป สอบถามชาวบ้านที่แจ้ง ทราบว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีชาวบ้านเห็นโลมาสีดำตัวหนึ่ง แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่ ว่ายเล่นน้ำวนเวียนอยู่ในทะเล ห่างจากริมฝั่งจุดที่พบซากประมาณ 100 เมตร กระทั้งช่วงเย็น มีชาวบ้านพบซากโลมาลอยเกยตื้นตายดังกล่าว


https://www.banmuang.co.th/news/region/194794

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ปะการังอ่อน 7 สีฟื้นตัว หลังปิดตะรุเตา 2 เดือน



สตูล 4 มิ.ย.- หลังจากปิดการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล เจ้าหน้าที่พบว่าทรัพยากรธรรมชาติฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแนวปะการังอ่อน 7 สี และปะการังเขากวาง ที่เจริญเติบโตดี สีสันสวยงาม และเป็นแหล่งอาศัยของฝูงปลาสวยงามที่หาดูยาก

นี่เป็นภาพหมู่ปะการังใต้ท้องทะเลในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งนักวิทยาศสตร์ทางทะเลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำน้ำลงไปสำรวจสภาพทรัพยากรธรรมชาติ หลังมีคำสั่งให้ปิดแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่าผ่านมา 2 เดือนเศษๆ สภาพทรัพยากรมีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะแนวปะการังที่เคยเป็นแหล่งดำน้ำและจุดท่องเที่ยวสำคัญในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา มีการฟื้นฟูเกือบ 100%

นายกาญจนพันธ์ คำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา บอกว่า นับเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจากการสำรวจพบว่าปะการังส่วนใหญ่ได้ฟื้นตัว และกลับมามีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มปะการังอ่อน เช่น ปะการังอ่อน 7 สี ซึ่งเป็นปะการังที่มีสีสันสวยงาม อยู่บริเวณร่องน้ำจาบัง เห็นชัดเจนถึงการเจริญเติบโตและเปล่งสีเป็นประกายสายรุ้งงดงาม รวมถึงปะการังเขากวาง ก็กลับมางอกงามสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังพบฝูงปลานานาชนิด โดยเฉพาะปลาสวยงามแหวกว่ายมาอาศัยในหมู่ปะการัง ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่กำลังกลับมาอีกครั้ง

และเพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเตรียมความพร้อม ทั้งปรับปรุงบ้านพัก เส้นทางชมธรรมชาติ และเตรียมจัดระบบการท่องเที่ยวที่เหมาะสม เพื่อให้การท่องเที่ยวหลังจากนี้เป็นการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่คำนึงถึงความปลอดภัย และสอดคล้องกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย.


https://www.mcot.net/viewtna/5ed90cbfe3f8e40af9451441


*********************************************************************************************************************************************************


แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟฟอกขาวครั้งร้ายแรงเป็นประวัติการณ์



ออสเตรเลีย 4 มิ.ย.- สภาพอากาศร้อนจัดส่งผลให้แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟในออสเตรเลีย เกิดภาวะปะการังฟอกขาวครั้งร้ายแรงเป็นประวัติการณ์ บรรดานักวิทยาศาสตร์หวั่นจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อนได้

ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาแนวปะการัง มหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ในออสเตรเลีย ระบุว่า ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวตามแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟในออสเตรเลีย เป็นครั้งที่ 3 ในช่วง 5 ปี ส่งผลให้บรรดานักวิทยาศาสตร์วิตกว่าแนวปะการังแห่งนี้จะไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์

แทรี ฮิวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวปะการัง ระบุว่า นับวันปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้นจากปัญหาโลกร้อน และเขามั่นใจว่าสภาพของแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟจะไม่สามารถฟื้นฟูจนกลับไปอยู่ในสภาพเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 2443 ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำตลอดแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ครอบคลุมพื้นที่ถึง 348,000 ตารางกิโลเมตร ถูกจัดเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2524.


https://www.mcot.net/viewtna/5ed90c78e3f8e40af844d395

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


น้ำมันรั่ว 20,000 ตัน! รัสเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน

ประธานาธิบดีวลาดิเมีย ปูติน ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองโนริลสก์ ทางตอนเหนือของรัสเซีย หลังน้ำมันดีเซลรั่วไหลถึง 20,000 ตันตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำสิ่งแวดล้อมเสียหายหนัก



สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมีย ปูตินแห่งรัสเซีย ได้ตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินของรัฐบาลกลางในเมืองโนริลสก์ ซึ่งอยู่ในภูมิภาคครัสโนยาสค์ ทางตอนเหนือของรัสเซีย หลังจากเกิดการรั่วไหลของน้ำมันดีเซลในพื้นที่ดังกล่าว

ในระหว่างการประชุมออนไลน์เมื่อคืนวานนี้ (3 มิ.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำจัดน้ำมันที่รั่วไหลนั้น ปธน.ปูตินได้สอบถามนายเยฟเจนี ซินิเชฟ รัฐมนตรีฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย เกี่ยวกับแนวทางในการรับมือกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งนายซินิเชฟให้คำตอบว่า เมื่อประเมินขอบข่ายความเสียหายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลกลางจะต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

มีรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุน้ำมันดีเซลราว 20,000 ตัน ได้รั่วไหลในเขตอุตสาหกรรมของ Nadezhdinsky Metallurgical Plant ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ Nornickel ผู้ประกอบการเหมืองแร่และโลหะรายใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโนริลสก์ และส่งผลให้เกิดมลภาวะในแม่น้ำสายต่างๆ ในท้องถิ่น

บริษัท Nornickel แถลงบนเว็บไซต์ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ มาจากความร้อนใต้ภาวะชั้นดินเยือกแข็ง(Permafrost) ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวภายใต้ถังกักเก็บเชื้อเพลิง และทำให้น้ำมันรั่วไหลออกมา

เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ค. หน่วยงานท้องถิ่นของคณะกรรมาธิการการตรวจสอบของรัสเซียได้เปิดการพิจารณาคดีอาญาเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการจัดเก็บเชื้อเพลิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดมลภาวะ และความเสียหายอื่นๆ ต่อสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากสารเคมีที่มีอันตรายร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม ปธน.ปูตินได้สั่งการให้นายซินิเชฟจัดตั้งคณะทำงานเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมกับสั่งการให้หน่วยงานด้านกฎหมายทำการประเมินการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้

ทั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 ปีหลังสุดแล้ว ที่บริษัท Nornickel เกิดเหตุสารพิษรั่วไหลจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


https://www.nationtv.tv/main/content/378779518/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 05-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


งานเข้ารับวันสิ่งแวดล้อมโลก น้ำมันรั่วที่ไซบีเรีย อาจารย์จุฬาฯ ชี้ งานนี้ฟื้นฟูยาก ................ โดย ปรัชญ์ รุจิวนารมย์

รัสเซียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน น้ำมันดีเซล 20,000 ตันรั่วไหลลงแหล่งน้ำในขั้วโลกเหนือ กระทบระบบนิเวศและสัตว์ขั้วโลกหายาก คาดสาเหตุเพราะชั้นดินน้ำแข็งใต้คลังน้ำมันละลายเพราะโลกร้อน อาจารย์วิทยาศาสตร์ทะเล จุฬาฯ ชี้ ทีมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเจองานหินแน่ เหตุอาร์กติกช่วงฤดูร้อนสั้น มีเวลาทำความสะอาดคราบน้ำมันเพียง 3 เดือน

เพียง 2 วันก่อนหน้าวันสิ่งแวดล้อมโลกในวันนี้ (5 มิถุนายน) สำนักข่าว The Guardian ประเทศอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2563 ว่า Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากน้ำมันดีเซลกว่า 20,000 ตันรั่วไหลลงแม่น้ำ Ambarnaya ในไซบีเรีย ทางตอนเหนือของรัสเซีย ซึ่งไหลลงสู่มหาสมุทรอาร์กติก เกิดเป็นคราบน้ำมันสีแดงปกคลุมทั่วแม่น้ำและจุดไฟติดได้


น้ำมันรั่วไหลลงแม่น้ำ Ambarnaya // ขอบคุณภาพ: The Siberian Times

เหตุเกิดเพราะคลังเก็บน้ำมันในโรงไฟฟ้าใกล้เมือง Norilsk พังทลาย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม แต่บริษัท Norilsk Nickel ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้รายงานเหตุการณ์ล่าช้า เป็นเหตุให้กว่ารัฐบาลรัสเซียจะทราบเหตุก็ล่วงเวลาไปแล้วถึง 2 วัน จากภาพความเสียหายจากน้ำมันรั่วที่มีผู้เผยแพร่ไปทั่วบนโซเชียลมีเดีย

ด้านสำนักข่าว BBC รายงานว่า ประธานาธิบดี Putin ได้แสดงความไม่พอใจอย่างมาก ที่กว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับรู้เหตุน้ำมันรั่วก็เป็นเวลาล่วงกว่า 2 วันหลังเกิดเหตุแล้ว จนน้ำมันได้รั่วไหลลงแม่น้ำ Ambarnaya กระทบพื้นที่ไปไกลกว่า 12 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุ เปลี่ยนแม่น้ำเป็นสีแดงเข้ม และปนเปื้อนระบบนิเวศทุ่งทุนดราในเขตขั้วโลกกว่า 350 ตารางกิโลเมตร

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ประธานาธิบดี Putin ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเร่งส่งกำลังพลเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความสะอาดน้ำมันที่รั่วไหลโดยเร็วที่สุด

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยสาเหตุที่คลังเก็บน้ำมันระเบิด สำนักข่าว The Siberian Times เผยว่า จากคำอธิบายของบริษัทผู้รับผิดชอบ สันนิฐานว่า เหตุน้ำมันรั่วครั้งร้ายแรงนี้อาจเกิดจากชั้นดิน Permafrost ทรุดตัว จากสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติ จนทำให้คลังน้ำมันชำรุดและเกิดการรั่วไหล

"ชั้นดิน Permafrost ที่รองรับคลังเก็บน้ำมันมากว่า 30 ปีโดยไม่มีปัญหาทรุดตัวกะทันหัน เป็นเหตุให้ถังเก็บน้ำมันดีเซลชำรุดและรั่วไหล" บริษัท Norilsk Nickel ผู้ประกอบการเหมืองแร่นิกเกิลและแพลเลเดียมรายใหญ่แถลง

ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว หรือ Permafrost คือลักษณะพื้นดินที่คงสภาพเยือกแข็งอยู่ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่พบได้ทั่วไปในแถบขั้วโลกและภูเขาสูง อย่างไรก็ดี อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปัจจุบัน ชั้น Permafrost ทั่วโลกกำลังละลายอย่างรวดเร็ว จนทำให้พื้นดินในบริเวณดังกล่าวทรุดตัว สร้างความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อีกทั้งยังปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาศาลที่กักเก็บไว้สู่ชั้นบรรยากาศ เร่งให้อุณหภูมิโลกยิ่งสูงขึ้น

ขณะที่ กรีนพีซ รัสเซีย กล่าวกับสำนักข่าว Forbes ว่า เหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อาร์กติก ร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลจากเรือ Exxon Veldes บริเวณชายฝั่งอลาสก้า เมื่อปี พ.ศ.2532 ซึ่งคร่าชีวิตสัตว์กว่าสองแสนตัว แม้ปริมาณน้ำมันรั่วไหลรอบนี้จะปริมาณน้อยกว่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นั้นกว่า 10 เท่า เพราะน้ำมันที่รั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมรอบนี้เป็นน้ำมันดีเซลที่มีความเป็นพิษมากกว่าน้ำมันดิบ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงกว่า


น้ำมันรั่วที่ไหลลงแม่น้ำ Ambarnaya เปลี่ยนลำน้ำให้กลายเป็นสีแดงทั้งสาย // ขอบคุณภาพ: The Siberian Times

ด้าน รศ.สุชนา ชวนิชย์ หัวหน้าภาคและอาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในนักวิจัยไทยที่เคยเดินทางไปศึกษาผลกระทบสภาวะโลกร้อนที่ขั้วโลกเหนือ แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์นี้ โดยระบุว่า งานทำความสะอาดน้ำมันรั่วไหลในเขตอาร์กติกทำได้ยาก และอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศที่เปราะบางของขั้วโลกเหนือ

"เหตุน้ำมันรั่วไหลที่เกิดในเขตหนาวจะเสียหายมากกว่าเวลาเกิดในเขตร้อน เนื่องจากเขตหนาวจะมีฤดูร้อนสั้นแค่ 3 เดือน (มิถุนายน ? สิงหาคม) เลยมีช่วงเวลาทำความสะอาดน้ำมันที่รั่วไหลสั้น บางครั้งแม้หน้าร้อนก็ยังมีน้ำแข็งอยู่ ดังนั้นจึงเป็นอุปสรรคให้เก็บกวาดได้ยาก" รศ.สุชนา กล่าว

เธอชี้ว่า วิธีทำความสะอาดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล คือต้องนำน้ำมันออกจากพื้นที่ให้มากที่สุด สำหรับกรณีนี้ มีผู้เสนอให้ปล่อยให้น้ำมันดีเซลระเหยเองหรือจุดไฟเผาเพื่อผลาญเชื้อเพลิงทั้งหมด ทว่ารัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมรัสเซียแย้งความคิดดังกล่าวว่าจะเกิดผลกระทบระบบนิเวศที่ยากจะคาดคิดและเสนอให้เร่งศึกษาหาวิธีอื่น

"นอกจากผลกระทบต่อพื้นที่แล้ว เหตุน้ำมันรั่วยังกระทบกับสัตว์ขั้วโลกที่เป็นสัตว์หายาก เช่น นกและวาฬ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนนี้ ซึ่งเป็นหน้าร้อน สัตว์จะอพยพจากบริเวณเหนือลงมาทางตอนกลางและล่างที่อุ่นกว่าเช่นบริเวณที่เกิดเหตุ แม้ว่าโอกาสที่สัตว์สปีชีส์หนึ่งจะสูญพันธุ์ไปเลยจากผลกระทบน้ำมันรั่วครั้งนี้จะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากสิ่งมีชีวิตอาจกระจายอยู่บริเวณอื่นด้วย" เธอกล่าว

"ถ้าสัตว์ยังไม่ตาย เราสามารถช่วยอนุบาลพวกมัน เช่น นกปีกมันเต็มไปด้วยน้ำมัน ก็จะทำความสะอาด แต่ถ้าสัตว์ตายและสูญหายไปจากบริเวณนั้นแล้วจะนำมาปล่อยคืนพื้นที่ได้ยาก เพราะสัตว์หลายอย่างที่นั้นเรายังเพาะพันธุ์ไม่ได้และต้องคำนึงว่าเป็นสายพันธุ์ในพื้นที่นั้นไหม"

รศ.สุชนา ย้ำว่า สำหรับคนไทยเราอาจจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เหตุน้ำมันรั่วไหลมีผลกระทบกับธรรมชาติโดยรวมของโลก และพฤติกรรมการใช้พลังงานของเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตสิ่งแวดล้อมครั้งนี้

"คำถามสำคัญคือทำไมต้องขุดเจาะน้ำมันที่อาร์กติกแต่แรก ถ้าคนไม่ใช้มาก เราคงไม่ต้องไปขุดเยอะ อาร์กติกมีสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น ธุรกิจขุดเจาะน้ำมันเลยยังทำได้ค่อนข้างยาก แต่นับได้ว่าเป็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันที่ถูกจับตา เพราะมีปริมาณมาก" เธอกล่าว


https://greennews.agency/?p=21152
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:38


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger