เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #6  
เก่า 06-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


วันสิ่งแวดล้อมโลก : แอมะซอน ผืนป่าสำคัญของโลกกำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งตัดไม้ ไฟป่า และโควิด-19


Image copyright GETTY IMAGES

ป่าฝนแอมะซอน - ป่าซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลภูมิอากาศโลกและช่วยต่อสู้กับภาวะโลกร้อน กำลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีปัจจัยหลายอย่างที่กดดันให้ผืนป่าแห่งนี้ต้องเดินไปสู่ภาวะใกล้ล่มสลาย รวมทั้งการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

การตัดไม้ทำลายป่าใน 4 เดือนแรกของปี 2020 เพิ่มขึ้นถึง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากผู้คนพากันฉวยโอกาสใช้วิกฤตครั้งนี้เข้าถางป่าอย่างผิดกฎหมาย

ก่อนหน้านี้การตัดไม้, การลักลอบทำเหมืองแร่, การบุกรุกถางป่าให้เป็นที่ดินเปล่าและไฟป่า ล้วนแต่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปีอยู่แล้ว นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเรากำลังขยับเข้าใกล้ "จุดที่ไม่อาจหวนคืน" อย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงจุดนั้น แอมะซอนจะไม่สามารถทำหน้าที่สำคัญของมันได้อย่างที่ควรจะเป็นอีกต่อไป

ในบราซิล สถิติการตัดไม้ทำลายป่าในเดือนมีนาคมพุ่งพรวดขึ้นถึง 64% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นนี้ได้จากภาพถ่ายดาวเทียมของสถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติบราซิล (INPE)

ทางการบราซิลได้กำหนดให้ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดการเดินทางเคลื่อนย้ายผู้คน เพื่อสกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ภาคสนามซึ่งดำเนินภารกิจปกป้องป่าสงวนมายาวนานต้องถอนกำลังออกไป

บราซิลและโบลิเวียเป็น 2 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มสูญเสียพื้นที่ป่าปฐมภูมิ (primary forest) ไปมากที่สุดห้าอันดับแรกในปี 2018 ทั้งยังประสบเหตุไฟป่ารุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้วด้วย

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเดียวที่เกิดขึ้น

ดร. อันโตนิโอ โดนาโต นอบรี นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศของบราซิลบอกว่าหากเอาแต่อ้างถึงการตัดไม้ทำลายป่าเพียงอย่างเดียว เวลาที่เราคุยกันเรื่องสาเหตุของการสูญเสียผืนป่าแอมะซอน ผมขอเรียกคำพูดเช่นนี้ว่า โกหกสีเขียวคำโต"

จำเป็นต้องนำเอาปัจจัยอื่น ๆ ที่ร่วมกันทำให้ป่าเสื่อมสภาพเข้ามาพิจารณาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไฟป่าหรือการลักลอบล่าสัตว์โดยผิดกฎหมาย ซึ่งสภาพการณ์เหล่านี้ขัดขวางไม่ให้ระบบนิเวศทำหน้าที่ของมันอย่างที่ควรจะเป็น

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าหากเราไม่สามารถแก้ไขระดับความรุนแรงของการตัดไม้ทำลายป่าและการเสื่อมสภาพของป่าให้เปลี่ยนแปลงไปจากอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปด้วย


พื้นที่สูญเสียต้นไม้ปกคลุม Image copyright REUTERS

วิธีวัดความรุนแรงของการตัดไม้ทำลายป่าที่นิยมใช้กันทั่วไปมากที่สุด คือการหาความกว้างของพื้นที่สูญเสียต้นไม้ปกคลุม (tree cover loss) ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่ไม่หลงเหลือพืชพรรณใด ๆ อยู่อีกเลย

องค์กรพิทักษ์ป่าโลกหรือ Global Forest Watch รายงานว่าในปี 2018 เพียงปีเดียว ได้เกิดพื้นที่สูญเสียต้นไม้ปกคลุมในผืนป่าแอมะซอนไปแล้วถึง 40,000 ตร.กม.

ในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่ของป่าปฐมภูมิราว 17,000 ตร.กม. โดยป่าปฐมภูมินั้นคือผืนป่าที่ยังอยู่ในสภาพดั้งเดิมและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง

ผู้เชี่ยวชาญอย่าง ดร. อันโตนิโอ นอบรี เชื่อว่าการตัดไม้ทำลายป่าเพียงอย่างเดียว ไม่อาจแสดงให้เราเห็นภาพของความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ และเราควรจะต้องนำปัญหาการเสื่อมสภาพของผืนป่าที่แอบแฝงอยู่มาพิจารณาร่วมด้วย


จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อต้องสูญเสียป่าไป

หากปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและป่าเสื่อมสภาพ ยังคงดำเนินต่อไปในระดับเดียวกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แอมะซอนในฐานะระบบนิเวศเขตร้อนอาจหยุดทำงานลง แม้ป่าบางส่วนจะยังคงมีต้นไม้อยู่ก็ตาม

เราอาจเสี่ยงเข้าใกล้สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "จุดพลิกผัน" (tipping point) อย่างน่าหวาดเสียว โดยจุดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ จะทำให้ลักษณะทางธรรมชาติของแอมะซอนแปรสภาพไปอย่างสิ้นเชิง

การคาดการณ์เช่นนี้จะกลายเป็นจริง หากอัตราการตัดไม้ทำลายป่าแตะถึงระดับ 20%-25% ซึ่งมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ในอีก 20-30 ปีข้างหน้า

ในตอนนั้นแอมะซอนอาจต้องเผชิญกับฤดูแล้งที่ยาวนาน อุณหภูมิภายในผืนป่าสูงขึ้นจนต้นไม้เริ่มตายลง และในที่สุดป่าฝนเขตร้อนก็อาจจะกลายสภาพเป็นทุ่งหญ้าที่แห้งแล้ง คล้ายกับทุ่งหญ้าสะวันนา

ผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป สามารถจะนำหายนะมาสู่ระบบเศรษฐกิจของท้องถิ่นได้ การที่อุณหภูมิสูงขึ้นและฝนตกน้อยลงหมายถึงภาวะขาดแคลนน้ำที่ใช้เลี้ยงสัตว์และปลูกพืชอย่างถั่วเหลือง




โรคภัยชุกชุมยิ่งขึ้น

งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า การตัดไม้ทำลายป่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับโรคภัยที่แพร่ระบาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะ เช่นไข้มาลาเรียและโรคลิชมาเนีย (Leishmaniasis)

การที่ป่าเสื่อมสภาพยังทำให้บรรดาแมลงต่าง ๆ ต้องมองหาแหล่งอาหารใหม่ และอาจทำให้พวกมันเริ่มออกหากินเข้ามาใกล้กับเขตเมืองและที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มากขึ้น

นอกจากนี้ ดร. เบียทริซ การ์เซีย เด โอลิเวียรา จากเครือข่ายสืบสวนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Red-Clima) ของบราซิลยังบอกว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นยังนำไปสู่การเกิดโรคที่สัมพันธ์กับอวัยวะอย่างหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคของระบบทางเดินหายใจอีกด้วย




เราจะหลีกเลี่ยงจุดพลิกผันได้ไหม

ศ. คาร์ลอส นอบรี บอกว่ายังพอมีหนทางอยู่

"อันดับแรก เราต้องประกาศนโยบายห้ามตัดไม้ทำลายป่าอย่างสิ้นเชิงในแถบ Panamazonas ทันที รวมทั้งดำเนินโครงการปลูกป่าในทางตอนใต้ ทางตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้ของแอมะซอน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการถูกทำลายมากที่สุด"

"หากเราสามารถฟื้นฟูให้ป่ากลับคืนมาได้ราว 60,000 หรือ 70,000 ตร.กม.ในบริเวณอันกว้างใหญ่ที่มีช่วงฤดูแล้งยาวนานขึ้นกว่าเดิมไปแล้วนี้ เราอาจช่วยให้กลไกของป่ากลับมาทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยให้ป่าสามารถปรับตัวทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ดีขึ้นด้วย" ศ. นอบรีกล่าว

แต่ดูเหมือนว่าแผนการเหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ในอนาคตอันใกล้


https://www.bbc.com/thai/features-52924564
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:16


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger