เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยยังคงมีฝนต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 19 ? 20 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ส่วนในช่วงวันที่ 21 ? 24 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 21 ? 24 มิ.ย. 63 ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เฉลยแล้ว ไข่ฟอสซิลปริศนา เป็นไข่สัตว์เลื้อยคลานทะเลยักษ์ 68 ล้านปีก่อน

นักวิทย์ เฉลย ฟอสซิลไข่ปริศนา "เดอะ ธิง" พบในทวีปแอนตาร์กติก 9 ปีที่แล้ว เชื่อเป็นไข่สัตว์เลื้อยคลานทะเลยักษ์ อายุ 68 ล้านปีก่อน



(18 มิ.ย.63) นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเทกซัส ในเมืองออสติน รัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ เปิดเผยงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า ฟอสซิลไข่ปริศนาที่ถูกค้นพบในทวีปแอนตาร์กติกาเมื่อ 9 ปีก่อน แต่ยังไม่เคยมีใครระบุได้แน่ชัดว่าเป็นไข่อะไร จนกลายเป็นหนึ่งในปริศนาลี้ลับ และฟอสซิลไข่ฟองนี้ได้รับชื่อเรียกขนานนามในหมู่ผู้ที่สนใจเรื่องไซไฟว่า "เดอะ ธิง" แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันคือไข่ของสัตว์เลื้อยคลานทะเลยักษ์ ที่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 68 ล้านปีก่อน

งานวิจัยชิ้นนี้จะถูกตีพิมพ์ลงในวารสารเนเจอร์ ฉบับสัปดาห์นี้ โดยมีรายละเอียดของการเปรียบเทียบขนาดของสัตว์เลื้อยคลานหลายร้อยสายพันธุ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันพร้อมกับขนาดไข่ของมัน ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า "เดอะ ธิง" เป็นไข่ของสัตว์ที่น่าจะมีขนาดลำตัวยาวไม่ต่ำกว่า 7 เมตร

นอกจากนี้ การศึกษาฟอสซิลอื่นๆ ที่ถูกพบในบริเวณเดียวกันในแถบแอนตาร์กติกา ยังทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าฟอสซิลไข่ "เดอะ ธิง" อาจเป็นไข่ของสัตว์เลื้อยคลานทะเลยักษ์ ที่เรียกว่า "โมซาซอร์" สัตว์เลื้อยคลานทะเลดึกดำบรรพ์ที่มีวิวัฒนาการมาจากกลุ่มกิ้งก่าและงู เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายยุคครีเทเชียส เมื่อประมาณ 65-89 ล้านปีก่อน

นักวิจัยด้านโบราณคดีชาวชิลี ค้นพบ "เดอะ ธิง" ในทวีปแอนตาร์กติกา เมื่อปี 2554 แต่ยังไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งมีการยืนยันในปี 2561 ว่ามันคือ "ฟอสซิลไข่ฝ่อ" ของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ซึ่งยังเป็นปริศนามายาวนาน

นายลูคัส เลลเจเดร นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเทกซัส เปิดเผยว่า ฟอสซิลไข่ฟองนี้มีขนาด 28 คูณ 18 เซนติเมตร นับเป็นไข่ของสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ขนาดที่ใหญ่ของมันทำให้เชื่อได้ว่าอาจเป็นไข่ไดโนเสาร์ตัวใหญ่ แต่เปลือกของมันกลับมีลักษณะนิ่ม แตกต่างจากไข่ของไดโนเสาร์ทั่วไป นอกจากนี้มันยังมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นไข่ของสัตว์เลื้อยคลานอย่างจระเข้และงู เลยทำให้ยังไม่มีใครสามารถหาข้อสรุปได้.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1871380

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


รื้ออีกขนำเฝ้าคอกหอยแครงนอกพื้นที่อนุญาต ชาวประมงพื้นบ้านยังออกทะเลจับลูกหอยขาย สร้างรายได้งาม



สุราษฎร์ธานี - เจ้าของคอกหอยในอ่าวบ้านดอน เริ่มทยอยรื้อขนำที่สร้างนอกเขตอนุญาต หลังจังหวัดประกาศให้รื้อภายใน 60 วัน แต่ส่วนใหญ่ยังเฉย ด้านชาวประมงพื้นบ้านกว่า 100 ลำ ยังออกทะเลจับลูกหอยขายมีรายได้วันกว่า 500-1,000 บาท

จากกรณีทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกประกาศให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อาคาร (ขนำเฝ้าหอย และโฮมสเตย์) หรือสิ่งใดๆ ที่ได้ก่อสร้างหรือติดตั้งในที่จับสัตว์น้ำอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ลงวันที่ 12 มิ.ย. โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ เป็นผู้ลงนาม และให้รื้อถอนให้เสร็จภายใน 60 วัน

แต่ไม่ยากให้มีเหตุพิพาทกันอีก จึงยอมถอยออกมา

ล่าสุด วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่บริเวณอ่าวบ้านดอน ในพื้นที่ อ.เมือง อ.พุนพิน และ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครง ได้ส่งคนเข้ารื้อขนำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นขนำขนาด 2 ชั้น และขนาดกลางที่เป็นชั้นเดียว เนื่องจากสร้างในพื้นที่นอกเขตที่อนุญาตให้เลี้ยงหอยแครงในพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนและเป็นสถานที่ลูกหอยแครงเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งในวันนี้ทั้ง 3 อำเภอ ได้รื้อขนำอำเภอละ 1 แห่ง



หลังจากทางจังหวัดได้ออกประกาศให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อาคาร (ขนำเฝ้าหอย และโฮมสเตย์) หรือสิ่งใดๆ ที่ได้ก่อสร้างหรือติดตั้งในที่จับสัตว์น้ำอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนขนำอื่นๆ นั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือรื้อถอนแต่อย่างใด

สำหรับขนำที่มีการถอนในวันนี้ (18 มิ.ย.) และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นขนำที่ถูกรื้อถอนในพื้นที่ตำบลลีเล็ด อ.พุนพิน และในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ เป็นขนำของผู้ประกอบการซึ่งเป็นหุ้นส่วนของกำนันคนดังในพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ส่วนขนำในพื้นที่ อ.เมือง เป็นของกำนันคนดังในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี

ส่วนบรรยากาศการหาหอยของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านกว่า 100 ลำ หรือกว่า 300 คน ยังคงออกทะเลจับลูกหอยในพื้นที่ อ.เมือง มีรายได้วันละกว่า 500 บาท ซึ่งการหาในวันนี้มีลูกหอยที่เพิ่งเกิดใหม่และหอยขนาดใหญ่คละปะปน โดยมีพ่อค้าแม่ค้านำเรือมารับซื้อที่กลางทะเล ราคาหอยใหญ่จะรับซื้อในกิโลกรัมละ 110 บาท ส่วนลูกหอยรับซื้อในกิโลกรัมละ 200-300 บาท



ส่วนพื้นที่ตำบลลีเล็ด อ.พุนพิน ที่มีเหตุพิพาทกันระหว่างผู้ประกอบการและกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ปรากฏว่าในพื้นที่เงียบสงบไร้เรือประมงพื้นบ้านเข้ามาจับลูกหอยเหมือนหลายวันที่ผ่านมา มีเพียงผู้ประกอบการส่งคนมาเฝ้าดูแลอยู่บนขนำ

โดยชาวประมงพื้นบ้าน บอกว่า วันนี้ยังมีผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.เมือง มาขอร้อง และขับไล่ไม่ให้ลงหาหอยแครงในทะเล โดยอ้างว่านำหอยขาวมาปล่อยเลี้ยง ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งลูกหอยเกิดขึ้นเอง


https://mgronline.com/south/detail/9630000063156
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตื่นเต้น! "วาฬหลังค่อมสีขาว" วาฬเผือกที่หายาก โผล่โชว์ตัวนอกชายฝั่งออสเตรเลีย


Migaloo วาฬหลังค่อมสีขาวชื่อดัง (ภาพ Twitter : Migaloo the Whale)

นักดูวาฬรายงานการพบเห็น "วาฬหลังค่อมสีขาว" หรือวาฬหลังค่อมเผือกที่พบเห็นได้ยาก ในบริเวณนอกชายฝั่งของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดยคาดว่าน่าจะเป็นเจ้า "Migaloo" วาฬหลังค่อมสีขาวชื่อดังแห่งมหาสมุทร

สำนักข่าว Daily Mail รายงานข่าวว่านักดูวาฬออสเตรเลีย รายงานการพบ "วาฬหลังค่อมสีขาว" บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นเจ้า "Migaloo" วาฬหลังค่อมสีขาวชื่อดังหรือไม่

รายงานดังกล่าวทำให้เหล่านักดูวาฬเตรียมตัววางแผนเพื่อเฝ้ารอชมวาฬชื่อดังตัวนี้

ดร. Vanessa Pirotta นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลของมหาวิทยาลัย Macquarie กล่าวว่าเป็นการยากที่จะระบุว่าเป็นเจ้า Migaloo จริงหรือไม่เมื่อสังเกตจากชายฝั่ง โดย Migaloo เป็นหนึ่งในวาฬหลังค่อมจาก 40,000 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นตัวที่มีความพิเศษเนื่องจากสีที่ผิดปกติ

มีการพบ Migaloo ครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 รอบอ่าว Hervey Bay และนักวิจัยได้ติดตามมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก เชื่อว่าเป็นวาฬสีขาวตัวแรกในประชากรวาฬหลังค่อมตะวันออก และชื่อ Migaloo ก็มีความหมายว่า "เจ้าตัวขาว" ในภาษาของชนพื้นเมือง

ระหว่างเดือนพฤษภาคม-พฤษจิกายน ของทุกปี จะเป็นฤดูกาลอพยพของวาฬหลังค่อม จากทวีปแอนตาร์กติกา ไปยังเขตน้ำอุ่นทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย จากนั้นก็จะมีการผสมพันธุ์กัน ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่ทางใต้พร้อมกับประชากรรุ่นใหม่


https://mgronline.com/travel/detail/9630000063086


*********************************************************************************************************************************************************


"Wi-Fi ใต้น้ำ" แจ้งเกิดครั้งแรก ปูทางนักดำน้ำออนไลน์ผ่านเลเซอร์



นักวิจัยซาอุฯ แจ้งเกิดอุปกรณ์กระจายสัญญาณเครือข่ายข้อมูลไร้สายไว-ไฟ (Wi-Fi) ใต้น้ำ สานฝันนักดำน้ำแชร์ภาพเรียลไทม์ผ่านระบบออนไลน์ เบื้องต้นใช้คลื่นวิทยุและลำแสงเลเซอร์จากแอลอีดี (LED) ในการส่งข้อมูลจากน่านน้ำสู่ภาคพื้นดิน ความเร็วถ่ายโอนข้อมูลเบื้องต้นวัดได้ 2.11 เมกะไบต์ต่อวินาที

อุปกรณ์ส่งสัญญาณ Wi-Fi ใต้น้ำมีชื่อเรียกว่า "อะควา-ไฟ" (Aqua-Fi) เป็นผลงานของบาเซ็ม ชิฮาดา (Basem Shihada) นักวิจัยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคิงอับดุลาห์ (King Abdullah University of Science and Technology) นักวิจัยรายนี้อธิบายแนวคิดการพัฒนาว่าเป็นการหาทางตอบโจทย์ภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการติดตามและสำรวจสภาพแวดล้อมใต้น้ำ ทำให้เกิดการพัฒนาระบบเชื่อมต่อไร้สายใต้น้ำที่สามารถรับส่งข้อมูลได้ตามต้องการ

รายละเอียดที่ทางมหาวิทยาลัยเผยแพร่บนเว็บไซต์ IEEE Xplore ระบุว่า Aqua-Fi ใช้คลื่นวิทยุในการส่งข้อมูลจากสมาร์ทโฟนของนักดำน้ำไปยังอุปกรณ์รับส่งข้อมูลหรือ "เกตเวย์" ที่ติดอยู่กับอุปกรณ์ใต้น้ำ ทั้งหมดนี้จะมี LED เป็นอุปกรณ์ยิงลำแสงเลเซอร์ในการส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์บนบกหรือภาคพื้นดิน ซึ่งจะมีระบบแปลข้อมูลเป็นรูปภาพหรือวิดีโอที่ปลายทาง

สถิติขณะนี้ถูกบันทึกว่านักวิจัยระบบสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลดมัลติมีเดียผ่าน Aqua-Fi ด้วยการถ่ายโอนข้อมูลที่ความเร็ว 2.11 เมกะไบต์ต่อวินาที

รายงานยังย้ำว่า Aqua-Fi ส่งข้อมูลโดยใช้ลำแสงเลเซอร์เชื่อมคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งบนผิวน้ำซึ่ง เข้ากับอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม จากนั้นคอมพิวเตอร์จึงจะแปลงข้อมูลภาพถ่ายเป็นชุดข้อมูลศูนย์และหนึ่งจำนวนมหาศาล ซึ่งจะถูกแปลเป็นการเปิดปิดลำแสงเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้

นอกจากการอัปโหลดและดาวน์โหลดเนื้อหาระหว่างคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องที่ถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 2.11 เมกะไบต์ต่อวินาที การสำรวจยังพบความล่าช้าหรือดีเลย์เฉลี่ย 1.00 มิลลิวินาทีสำหรับการรับส่งข้อมูลไปกลับ

ทีมพัฒนาย้ำว่า ความสำเร็จนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นักดำน้ำสามารถใช้อินเทอร์เน็ตใต้น้ำแบบไร้สายได้อย่างสมบูรณ์ โดยยอมรับว่าความท้าทายที่ทีมกำลังเผชิญ คืออุปสรรคเรื่องลำแสง LED ที่ต้องสอดคล้องกับเครื่องรับในน้ำที่กำลังเคลื่อนหรือกระเพื่อม ทำให้ทีมต้องแน่ใจว่าต้องออกแบบอุปกรณ์ให้เป็นทรงกลม ซึ่งจะช่วยให้การจับแสงทำได้จากทุกมุม

ทีมวิจัยทิ้งท้ายถึงความหวังให้ Aqua-Fi ถูกใช้อย่างกว้างขวางใต้น้ำ เป็นการอุดช่องว่างที่ Wi-Fi สามารถทำงานได้เหนือน้ำเท่านั้น


https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9630000062898

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


โลมาหัวบาตรตายคู่ริมทะเลบางปู



สมุทรปราการ 18 มิ.ย.-เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบซากโลมาหัวบาตร ขนาดโตเต็มวัย 2 ตัว ลอยอยู่ริมฝั่งทะเลบางปู จ.สมุทรปราการ สัตวแพทย์เผยตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ เตรียมนำซากไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุ

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบซากโลมาหัวบาตร ขนาดโตเต็มวัย 2 ตัว ลอยอยู่ริมฝั่งทะเลบางปู ภายในซอยเทศบาลบางปู 128 อำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยซากโลมาตัวแรกยาวประมาณ 120 เซนติเมตร ซากตัวที่ 2 ยาวประมาณ 150 เซนติเมตร โดยพบห่างกันประมาณ 300 เมตร ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เมื่อ 2-3 วันก่อน เพิ่งเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และพบซากเต่าตนุขนาดใหญ่ ลอยอยู่ชายฝั่งบริเวณใกล้เคียงกัน จึงสันนิษฐานว่าโลมาอาจเกิดอาการหลงน้ำ เพราะเบื้องต้นไม่พบรอยตาอวนและบาดแผลอื่นใด

ด้านสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก เปิดเผยว่าซากโลมาทั้ง 2 ซาก ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ และจากสภาพผิวหนังที่เปื่อยยุ่ย ทำให้ไม่สามารถมองเห็นบาดแผลได้ จึงต้องนำซากไปผ่าพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้ง.


https://www.mcot.net/viewtna/5eeb9276e3f8e40af94594e3

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


แม่เต่าทะเล(ตัวที่ 5) ขึ้นหาดวางไข่ที่เกาะสมุย

เจ้าของรีสอร์ทริมชายหาดบนเกาะสมุย สุดดีใจเมื่อแม่เต่าตนุ ขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งนี้อีกครั้ง หลังเฝ้าคอยวันนี้มากว่า 50 ปี ซึ่งเป็นการขึ้นมาวางไข่เป็นรังที่ 16 ของปี



วันที่ 18 มิ.ย.2563 นายธีระพงศ์ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย นายสุทธิพงษ์ ทองเรือง ปลัดอำเภอ นายเชาวลิต เพชรน้อยประมงอำเภอเกาะสมุย และ น.ส.เทพสุดา ลอยจิ้ว ได้เดินทางมายังชายหาดอ่าวท้องยางหรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า ชายหาดอ่าวคอรัลโคฟ โดยแม่เต่าตนุได้ขึ้นมาวางไข่บริเวณายหาดหน้าคอรัลโคฟ บีช แอนด์ รีสอร์ท ม.4 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีหลังได้รับแจ้งจากเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ว่ามีร่องรอยของเต่าทะเลขึ้นมาขุดหลุมวางไข่ ที่บริเวณชายหาดหน้ารีสอร์ทแห่งนี้ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบเมื่อนางโกสุม เค้าอุทัย อายุ 75 ปี เจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ เปิดกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าอาคารที่พัก ก็พบว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพแม่เต่าตนุ อายุประมาณ 30ปีมีขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 100กิโลกรัม คลานวนเวียนไปมาบริเวณชายหาด ที่เป็นพื้นที่ลานหน้าที่พักเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.14 น. ของวันที่ 18 มิ.ย.2563 เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการวางไข่จนแม่เต่าตนุตัวนี้คลานมาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวบริเวณชายหาดและได้ทำการวางไข่ตรงจุดดังกล่าว

เมื่อเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันขุดหลุมตรงจุดเป้าหมาย ก็พบไข่เต่า ประมาณ 60-70ฟอง ที่แม่เต่าตนุตัวนี้ได้วางไข่ไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจวัดขนาดไข่ เพื่อเก็บบันทึกเป็นข้อมูล ก่อนนำทรายฝังกลบหลุมไข่เต่าให้อยู่ในสภาพเดิม เพื่อให้ไข่เต่ามีโอกาสฟักไข่ตามธรรมชาติ



ขณะที่คุณยาย โกสุมเล่าให้ฟังว่าเมื่อช่วงเช้าระหว่างที่คุณยายเดินออกมาที่ริมชายหาด ก็พบรอยเท้าเต่าเป็นทางยาวจากริมหาดมาถึงลานหน้าบ้าน จึงเรียกให้ลูกๆ ออกมาดู จากนั้นก็ได้แจ้งยังเจ้าหน้าที่อำเภอเกาะสมุยให้ทราบ ด้วยความรู้สึกดีใจมาก ที่แม่เต่ากลับขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งนี้อีกครั้ง หลังจากเฝ้ารอมานานกว่า 52ปี ตั้งแต่เมื่อครั้งยังอายุเพียง23 ปี เพราะเชื่อเหลือเกินว่า แม่เต่าจะต้องกลับขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งอีก

คุณยายโกสุม ยังบอกอีกว่า ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่ามีแม่เต่าขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดเกาะสมุยหลายจุด จึงบอกให้ลูกชายปิดไฟที่อยู่บริเวณริมชายหาดทั้งหมดในช่วงกลางคืน เพื่อไม่ให้แม่เต่าตกใจกลัวจนไม่กล้าขึ้นมาวางไข่ และในที่สุดแม่เต่าก็ขึ้นมาวางไข่จริงๆ"ยายดีใจมากสมกับที่ยายตั้งหน้าตั้งตารอคอยแม่เต่าที่ขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งอีกครั้งแม้จะเป็นรอค่อยที่ยาวนานกว่า 50 ปี" คุณยายโกสุม กล่าว

ขณะที่นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย กล่าวว่า การขึ้นมาวางไข่รังนี้ นับเป็นแม่เต่าตัวที่5ที่ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดของเกาะสมุยในปีนี้ และเป็นรังที่16ของปีที่มีแม่เต่าขึ้นมาวางไข่บนเกาะสมุย ซึ่งแม่เต่าตนุตัวนี้ เพิ่งขึ้นมาวางไข่บนชายหาดแห่งนี้เป็นรังแรก และเชื่อว่าหลังวันนี้แม่เต่าตนุตัวนี้ คงจะกลับขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งอาจจะถึง 5 - 6รังด้วยกันวันนี้จึงถือว่าเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ของเกาะสมุย เราจะประกาศให้ทุกคนได้รับทราบว่าเกาะสมุยอนุรักษ์แน่เรื่องเต่า และอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องช่วยกันอนุรักษ์ คือ ระบบธรรมชาติ ไม่ให้ถูกทำลาย จึงอยากขอร่วมมือจากทั้งผู้ประกอบการ และพี่น้องประชาชนบนเกาะสมุยให้ช่วยกันดูแล เพื่อให้เกาะสมุยได้กลับมามีความสมบูรณ์ทางธะรมมชาติเหมือนเดิม จนชั่วลูกชั่วหลาน


https://www.nationtv.tv/main/content/378781281/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 19-06-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


สัญญาณเตือน คลื่นความร้อนทำลายสถิติในไซบีเรีย

รัสเซียและไซบีเรียเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น แต่ความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น เมื่อคลื่นความร้อนทำให้ในบางพื้นที่มีอุณหภูมิพื้นผิวสูงขึ้นมากกว่า 20 องศาเซลเซียส


ภาพจาก NASA Earth Observations (NEO)

นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศกล่าวว่า คลื่นความร้อน (Heat Wave) ที่ยาวนานในพื้นที่แถบไซบีเรียนั้น "น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย" การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่ประหลาดนั้น คาดว่าเชื่อมโยงกับไฟป่า การรั่วไหลของน้ำมัน และแมลงกินต้นไม้

ในระดับโลก ความร้อนจากไซบีเรียดึงค่าเฉลี่ยความร้อนของโลกในปี 2020 ให้ก้าวสู่การเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้การปล่อยคาร์บอนจะลดลงชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม

โดยอุณหภูมิในบริเวณขั้วโลกนั้นเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด เนื่องจากกระแสน้ำในมหาสมุทรนำพาความร้อนเข้าหาบริเวณขั้วโลก ทำให้น้ำแข็งและหิมะละลาย

นิซห์เนียยา เปชา (Nizhnyaya Pesha) เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซียในเขตอาร์กติก ซึ่งเป็นเขตหนาว ได้บันทึกอุณหภูมิที่ผิดธรรมชาติ โดยแตะหลัก 30 องศาเซลเซียส ในวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ขณะที่ คาตันกา (Khatanga) เมืองทางภาคเหนือ ซึ่งโดยปกติจะมีอุณหภูมิในช่วงกลางวันอยู่ที่ประมาณ 0 องศาเซลเซียส กลับแตะที่ 25 องศาเซลเซียส ในวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ข้อมูลจาก Copernicus Climate Change Service (C3S) ของสหภาพยุโรป ระบุว่า ในเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิพื้นผิวในบางส่วนของไซบีเรียสูงถึง 10 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ย

ด้าน มาร์ติน สเตนเดล (Martin Stendel) จากสถาบันอุตุนิยมวิทยาเดนมาร์ก กล่าวว่า อุณหภูมิเดือนพฤษภาคมที่ผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นในไซบีเรียน่าจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบ 100,000 ปีแม้มนุษย์ไม่ก่อให้เกิดความร้อนระดับโลก

เฟรยา แวมบอร์ก (Freja Vamborg) นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของ C3S กล่าวว่า มันเป็นสัญญาณที่น่าตกใจ แต่ไม่เพียงแค่ในเดือนพฤษภาคมเท่านั้นที่อากาศอบอุ่นขึ้นในไซบีเรีย แม้แต่ในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิบนพื้นผิวก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยเช่นกัน

"แม้ว่าโลกโดยรวมจะร้อนขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ร้อนขึ้นอย่างเท่าเทียมกันทั้งโลก ไซบีเรียโดดเด่นจากภูมิภาคอื่นเพราะมีแนวโน้มที่อากาศจะร้อนอบอุ่นมากขึ้น และอุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผิดปกติคือระยะเวลา โดยสภาพอากาศผิดปกติเฉลี่ยแล้วคงอยู่นานขึ้น"

มารินา มาคารอฟ (Marina Makarova) หัวหน้านักอุตุนิยมวิทยาของ Rosgidromet หน่วยงานด้านสภาพอากาศของรัสเซีย กล่าวว่า "ฤดูหนาวนี้เป็นฤดูหนาวที่ร้อนที่สุดในไซบีเรียนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสภาพอากาศ 130 ปีก่อน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 6 องศาเซลเซียส สูงกว่าฤดูกาลปกติ"

ในเดือนธันวาคม 2019 วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้ความเห็นเกี่ยวกับความร้อนที่ผิดปกติของพื้นที่แถบรัสเซียและไซบีเรียว่า "เมืองของเราบางแห่งถูกสร้างขึ้นทางตอนเหนือของวงกลมอาร์กติก (Arctic Circle) บนถนนที่เป็น ?ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว (Permafrost)? หรือชั้นดินที่เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง ซึ่งหากมันเริ่มละลาย คุณไม่อยากจินตนาการหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันร้ายแรงมาก"

การละลายของชั้นดินเยือกแข็งคงตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรั่วไหลของน้ำมันดีเซลในไซบีเรียเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2020 ซึ่งทำให้ปูตินต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

ขณะที่อีกสาเหตุมาจากไฟป่า ซึ่งโหมกระหน่ำบนพื้นที่ป่าของไซบีเรียหลายล้านตารางกิโมเมตร เนื่องจากเกษตรกรมักจะจุดไฟในฤดูใบไม้ผลิเพื่อเตรียมปลูกพืชชุดใหม่

นอกจากนี้ รัสเซียยังพบ ฝูงมอดไหมไซบีเรีย เติบโตและขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วในอุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยป่าที่มีตัวอ่อนของมอดไหมไซบีเรียนั้น จะทำให้ต้นไม้อ่อนแอต่อไปได้มากขึ้น


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/127613

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:34


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger