#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในวันที่ 23-24 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีฝนลดลง ส่วนภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 25 ? 28 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 25 ? 28 มิ.ย. 63 ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ศรชล.ภาค 2 ส่งทหารเรือ พร้อมเรือตรวจการณ์เข้าประจำการอ่าวบ้านดอน เร่งปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ชุมน้ำนานาชาติ สุราษฎร์ธานี - ศรชล.ภาค 2 ส่งกำลังทหารเรือกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธและยุทโธปกรณ์ เรือตรวจการณ์ เข้าประจำการอ่าวบ้านดอน เร่งปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ชุมน้ำนานาชาติ ขณะที่หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งดำเนินคดีต่อผู้ที่บุกรุกสร้างขนำ พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผบช.ทัพเรือภาค 2 หรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค 2) ส่งกำลังทหารเรือกว่า 100 นาย เข้าประจำการในอ่าวบ้านดอน เพื่อเร่งดำเนินการนำพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ อ่าวบ้านดอน ในพื้นที่อำเภอพุนพิน และพื้นที่อำเภอเมือง ที่มีกลุ่มผู้ประกอบการ หรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลบุกรุกครอบครองปักไม้ไผ่ พร้อมก่อสร้างขนำเฝ้าหอยกลางทะเล มานานกว่า 10 ปี จนเกิดเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงแย่งชิงผลประโยชน์จากลูกหอยแครงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ระหว่างผู้ประกอบการและกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านมาก่อนหน้านี้จนเป็นข่าวต่อเนื่องมานานกว่า 1 เดือน เพื่อนำพื้นที่กลับคืนมาให้ประชาชนใช้ร่วมกัน วันนี้ (22 มิ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมกรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกปฏิบัติการตรวจยึดขนำกลางทะเลในพื้นที่อำเภอเมืองเพิ่มขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 26 หลัง โดยในวันนี้การตรวจยึดและแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีก 12 หลัง รวมทั้งที่แจ้งความแล้วจำนวน 38 หลัง และยังอยู่ในการตรวจยึดและจะแจ้งความอีก 12 หลัง สำหรับขนำเฝ้าคอกหอยในพื้นที่อำเภอเมืองมีทั้งหมด 70 หลัง ในพื้นที่ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน 90 หลัง รวมทั้ง 2 อำเภอ จำนวน 160 หลัง ทางทหารเรือได้เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่จะได้ใช้โดรนบินเก็บภาพทางอากาศในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอเมือง และอำเภอพุนพิน เพื่อนำไปตรวจสอบอีกรอบว่าขณะนี้เจ้าของมีการรื้อถอนไปแล้วจำนวนเท่าไร และยังคงเหลือเท่าไร เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 หรือผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค 2) จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์มีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน พร้อมกับปล่อยกำลังพลลงปฏิบัติการในอ่าวบ้านดอน https://mgronline.com/south/detail/9630000064395
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก
ชื่นชมไกด์หนุ่ม จิตอาสาพายคายักเก็บขยะในทะเล อึ้ง! พบพลาสติกจำนวนมาก ชื่นชมไกด์หนุ่ม จิตอาสาพายคายักเก็บขยะในทะเล หวังช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล ป้องกันสัตว์ทะเลได้รับอันตราย อึ้ง! พบพลาสติกจำนวนมาก เก็บได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 1 ตัน ไกด์หนุ่มบนเกาะไหง จิตอาสาพายคายักเก็บขยะทะเล อึ้ง! พบขยะพลาสติกจากประเทศเพื่อนบ้าน ลอยมาติดทะเลเกาะไหง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ จำนวนมาก ไกด์นำเที่ยวเกาะไหง เผยพบมากช่วงมรสุมทุกปี เก็บได้ปี ละไม่ต่ำกว่า 1 ตัน ส่วนใหญ่มาจากประเทศ มาเลเซีย วันที่ 22 มิ.ย.63 ขยะพลาสติกจำนวนมากบนเรือคายัก เช่น ขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม กล่องนม ถุงพลาสติก และเศษอวน เป็นต้น ที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ค ?Sea Man Koh Ngai? เป็นไกด์นำเที่ยวของรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนเกาะไหง ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ได้โพสต์ในโลกออนไลน์ ขณะใช้เวลาว่าง นั่งเรือคายักตระเวนเก็บขยะในทะเลรอบๆ เกาะจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 3 กระสอบ เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม หวังช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล ป้องกันสัตว์ทะเลได้รับอันตราย โดยนำขยะที่เก็บได้มาคัดแยก และรีไซเคิล ทำเป็นกระถางต้นไม้ ภายในรีสอร์ท นายทวิช สุวรรณเปี่ยม พนักงาน Coco Cottage Resort บนเกาะไหง ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุคดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงมรสุมทุกปี จะมีขยะพลาสติกจำนวนมากลอยกลางทะเล ห่างจากชายหาดเกาะไหงประมาณ 200 เมตร ซึ่งในช่วงที่ว่างงานไม่มีนักท่องเที่ยว ตนก็จะนั่งเรือคายักออกมาเก็บจนเต็มลำเรือ ก่อนนำกลับเข้าฝั่ง ส่วนใหญ่จะเป็น ขยะพลาสติก โฟม ขวดน้ำอัดลม กล่องนม เศษโฟม เชือก อวน เป็นต้น ซึ่งจะเก็บได้วันละไม่ต่ำกว่า 20 กก. หลังจากนั้นก็จะนำไปคัดแยก ให้พนักงานในรีสอร์ท ช่วยกันทำกระถางต้นไม้ โดยใช้ โฟมที่ลอยน้ำมาผสมกับขี้เลื่อย และปูนซีเมนต์ แต่ไม่ผสมหินทรายทำให้กระถางมีน้ำหนักเบา นายทวิช กล่าวอีกว่า การเก็บขยะในทะเล ตนจะทำเป็นประจำ ติดต่อกันมานานกว่า 6 ปี แล้ว โดยเฉพาะช่วงที่มีมรสุมตะวันตกพัดเข้าชายฝั่ง จะมีขยะพลาสติกจำนวนมาก เก็บได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 1 ตัน ซึ่งสังเกตจากผลิตภัณฑ์พลาสติกที่พบส่วนใหญ่ เช่น ขวดน้ำอัดลม กล่องนม จะมีแหล่งผลิตมาจากประเทศ เช่น มาเลเซีย เนื่องจากประเทศชายฝั่งอยู่ติดทะเลอันดามัน ซึ่งเกรงว่าถ้าปล่อยไว้ก็จะเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล เช่น ที่ผ่านมา มีเต่าทะเลติดซากอวนตาย และพะยูนกินพลาสติกตายมาแล้ว จึงต้องเร่งเก็บออกจากพื้นที่ เพื่อรักษาระบบนิเวศของท้องทะเล ซึ่งยังไม่รวมตามเกาะอื่นๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง คาดว่าคงจะมีขยะอีกจำนวนมาก จึงอยากฝากทุกคนที่พบให้ช่วยกันเก็บขยะเหล่านี้ออกไปจากทะเลกระบี่ https://www.komchadluek.net/news/lif...B8%B5%E0%B9%89
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์
เขตขั้วโลกเหนือร้อนที่สุด อุณหภูมิพุ่ง38องศา ภาวะโลกร้อนเลวร้ายขึ้นทุกที เขตขั้วโลกเหนือทำลายสถิติร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ AFP PHOTO / NASA เมืองเวอร์โคยันสก์ (Verkhoyansk) ในเขตไซบีเรีย ประเทศรัสเซียมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 38 องศาเซลเซียส โดยเมืองนี้ตั้งอยู่เหนือวงกลมอาร์กติกอาร์กติก (Arctic Circle) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งสภาพภูมิอากาศที่อยู่ในเขตขั้วโลกเหนือ และตามปกติจะมีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นแม่แต่ฤดูร้อนเช่นในตอนนี้ อณหภูมิเฉบี่ยของเมืองนี้ในช่วงฤดูร้อนเริ่มจากเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 13.2 องศาเซลเซียสเท่านั้น แม้แต่กลา.ฤดูร้อนคือกรกฎาคมยังสูงแค่ 16.4 องศาเซลเซียสโดยเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ยังเป็นเจ้าของสถิติโลกกินเนสในฐานะเมืองที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกันสุดขั้วที่สุดในโลก โดยในฤดูหนาวอุณหภูมิเคยลดต่ำลงถึง -68 องศาเซลเซียส และในฤดูร้อนเคยร้อนถึง 37.2 องศาเซลเซียส แต่ล่าสุดอากาศร้อนทุบสถิติใหม่เรียบร้อยแล้วที่ 38 องศาเซลเซียส ถือเป็นสภาพอากาศที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกกันมาในเขตขั้วโลกเหนือ นอกจากนี้พื้นที่อื่นๆ ของไซบีเรียยังร้อนผิดปกติจนทำให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในสาธารณรัฐซาคาที่ตั้งของเมืองเวอร์โคยันสก์ ไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วถึง 1,718,750 ไร่ https://www.posttoday.com/world/626635
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
The Exit : พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจกระทบปากน้ำปราณ ตอน 1 ตามแผนพัฒนาพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระเบียงเศรษฐกิจเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีก 5 ปี ข้างหน้าเฉพาะในเขตเทศบาลปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการเตรียมการใช้งบประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล โครงการพัฒนาพื้นที่ที่เตรียมไว้มีทั้งท่าเรือเฟอร์รี่ ศูนย์การเรียนรู้ประมง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ศูนย์กีฬา รวมถึงการสร้างเขื่อนคอนกรีตและปรับภูมิทัศน์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแต่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างหลายคนอยากให้พัฒนาพื้นที่โดยเร็วแต่ก็มีอีกหลายคนที่หวั่นจะเกิดผลกระทบต่อทรัพยากรชายฝั่งโดยเฉพาะหาดทรายที่อาจไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต หาดทรายเนื้อที่มากกว่า 40 ไร่ บริเวณปากแม่น้ำปราณ แม้จะเป็นหาดทรายที่เพิ่งงอกใหม่หลังการสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นร่องน้ำปราณบุรี เมื่อปี 2542 แต่ที่นี่กลับกลายเป็นหาดทรายเพียงแห่งเดียวของตำบลปากน้ำปราณ ที่ผู้มาพักผ่อนริมชายฝั่งทะเลสามารถสัมผัสผืนทรายได้ทันทีที่เดินผ่านขอบถนนโดยไม่ผ่านเขื่อนคอนกรีตกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง เพราะตลอดแนวชายหาดอำเภอปราณบุรีระยะทางมากกว่า 8 กิโลเมตร มีเขื่อนลักษณะนี้แล้วแทบทั้งหมด ชาวปากน้ำปราณหลายคน มีความกังวลหาดทรายบริเวณนี้อาจเปลี่ยนสภาพไป หลังลานจอดรถถูกสร้างขึ้น และปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ ยอมรับ มีโครงการจะก่อสร้างท่าเรือเฟอร์รี่และพัฒนาพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว "เรามีแผนพัฒนาเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ ขณะนี้นโยบายก็เงียบ ๆ ไปอยู่ แต่เราได้เข้ามาทำบางส่วนไว้แล้วเช่นเทลานเพื่อรองรับท่าเรือ แล้วกรมเข้าท่าจะทำที่จอดเรือก่อนในบริเวณดังกล่าว " นายธงชัย สุณาพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ ไม่เพียงท่าเรือเฟอร์รี่เท่านั้น แต่ตลอดแนวชายฝั่งในเขตเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ ยังมีโครงการก่อสร้างที่ต้องใช้งบประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระเบียงเศรษฐกิจเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งการซ่อมแซมท่าเรือที่มีอยู่เดิม สร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ศูนย์กีฬา ลานคนเมือง ศูนย์เรียนรู้ประมง และศูนย์ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก ปากน้ำปราณ รวมถึงการซ่อมแซมเขื่อนคอนกรีตป้องกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่งที่เสียหายและสร้างเพิ่มเติมในส่วนที่เหลืออีก 900 เมตร ซึ่งยังมีชาวปากน้ำปราณอีกหลายคนไม่เห็นด้วย เพราะเกรงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนชายฝั่ง "เมื่อก่อนนี้ทุกเช้า ชาวประมงเรือเล็กจะตกหมึกขึ้นมาบริเวณนี้แล้วขายโดยตรง แต่ตอนนี้หมึกไม่มีแล้วต้องไปขึ้นที่ท่า เมื่อก่อนนี้การออกหาหมึก เมื่อเรือจะออกเห็นไฟสีเขียวเต็มไปหมดแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ก็จะไปหาแถวประจวบคีรีขันธ์ เขาสามร้อยยอด กุยบุรี มากกว่า" นายชัยทัต เถาลิโป้ ชาวบ้านปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าว ชาวประมงคือกลุ่มแรกๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาชายฝั่งที่นี่ เพราะโครงการก่อสร้างท่าเรือและศูนย์เรียนรู้ประมงอาจทับพื้นที่จอดเรือ ขณะที่เขื่อนคอนกรีตอาจเป็นอุปสรรคทำให้พวกเขาไม่สามารถนำเรือเข้าจอดริมชายฝั่งได้ https://news.thaipbs.or.th/content/293888
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
ออสเตรเลีย ช่วยวาฬติดตาข่ายป้องกันฉลาม เจ้าหน้าที่ทางการออสเตรเลียเข้าช่วยเหลือวาฬเคราะห์ร้ายที่ว่ายไปติดตาข่ายป้องกันนักท่องเที่ยวถูกฉลามกัด ทีมช่วยเหลือ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสวนน้ำ ซี เวิลด์ และเจ้าหน้าที่กรมประมง ลงพื้นที่นอกชายฝั่งเมืองโกลด์โคสต์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนแลนด์ เพื่อช่วยเหลือวาฬเคราะห์ร้ายตัวหนึ่ง หลังมันว่ายไปติดทุ่นตาข่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่นำมาติดตั้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวถูกฉลามกัด สำนักข่าว สกาย นิวส์ ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้กินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ช่วยวาฬดังกล่าวให้เป็นอิสระ กลับลงสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัย วาฬดังกล่าวถือเป็นวาฬตัวที่ 3 ที่ว่ายมาติดตาข่ายในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เพิ่งจะช่วยวาฬ 2 แม่ลูก ที่ว่ายมาติดตาข่ายกันฉลามในบริเวณนี้เช่นกัน แต่การช่วยเหลือเมื่อวันศุกร์ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง แม้จะมีคลื่นลมแรง https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/127845
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|