สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2563

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อน ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงในระยะนี้ เว้นแต่บริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง ระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในวันที่ 25 - 26 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 27 ? 30 มิ.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 28 ? 30 มิ.ย. 63 ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


พบไมโครพลาสติกในลำไส้สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วบนเกาะห่างไกลแถบขั้วโลกใต้



พบไมโครพลาสติกในลำไส้ของสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วบนเกาะห่างไกลแถบขั้วโลกใต้ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าภัยจากมลพิษพลาสติกกำลังขยายตัวไปถึงระบบนิเวศวิทยาในบริเวณห่างไกล

เอลิซา เบอร์กามี นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยซีนา ในอิตาลี เปิดเผยว่า จากการใช้เทคนิคอินฟราเรด สเปกโตรสโกปี ทดสอบสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋ว 18 ตัว ที่พบเกาะอยู่บนชิ้นโฟมโพลิสไตรีน (polystyrene) บนชายหาดเกาะคิง จอร์จ ทางตอนเหนือของทวีปแอนตาร์กติก เมื่อปี 2559 พบว่า มีไมโครพลาสติกอยู่ในลำไส้ของ "Cryptopygus antarcticus" แมลงหางดีดตัวจิ๋ว ขนาดลำตัวไม่เกิน 1 มิลลิเมตร ที่อาศัยอยู่แถบขั้วโลกใต้

การสำรวจชายหาดเกาะคิง จอร์จ ของนักวิจัยในอิตาลีมีขึ้นเพื่อศึกษาเส้นทางการแพร่กระจายของพลาสติกในสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่ห่างไกล โดยพบว่าแม้จะเป็นพื้นที่ห่างไกลแต่ก็มีมลพิษในระดับสูง มีเศษขยะพลาสติกให้เห็นทั่วไป

โดยนักวิจัยระบุว่า เชื่อว่าเจ้าตัว Cryptopygus antarcticus กินไมโครพลาสติกเข้าในระหว่างที่มันกำลังกินสาหร่าย มอส และไลเคนที่เกาะอยู่บนชิ้นโฟมโพลิสไตรีน และพบว่าไมโครพลาสติกสามารถเป็นตัวนำพา และทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วในห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศวิทยา

ผลการศึกษาครั้งนี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Biology Letters ซึ่งนับเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามของมลพิษพลาสติกที่ขยายไปถึงพื้นที่ห่างไกล.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1875257

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เปิด 8 ขั้นตอน จองเที่ยวอุทยานฯ ล่วงหน้าผ่านแอปฯ "QueQ"



กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดให้ประชาชนได้เข้าไปใช้บริการอุทยานแห่งชาติฯ ในวันที่ 1 ก.ค. 63 นี้? จำนวน จำนวน 127 แห่ง (ข้อมูล 22 มิ.ย.63) โดยนำแอปพลิเคชัน "QueQ" (คิวคิว) เข้ามาใช้ในการเปิดจองตั๋วล่วงหน้า และจะเริ่มทดลองระบบวันที่ 25 มิถุนายนนี้ เพื่อจำกัดจำนวนคนลดความแออัดในรูปแบบ New Normal โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ 15 วัน



โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวอุทยานฯ ผ่านแอปพลิเคชัน QueQ มีขั้นตอนดังนี้

1.เปิดแอปฯ QueQ
สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน QueQ ลงในโทรศัพท์มือถือได้ทั้งระบบ ios และ android

2.เลือกหมวดการจอง "อุทยานแห่งชาติ 155 แห่ง"
เมื่อเข้าแอปพลิเคชันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้เลือกหมวดการจองในช่อง "อุทยานแห่งชาติ 155 แห่ง"

3.เลือกอุทยานแห่งชาติ
ต่อมาให้กดเลือกพื้นที่อุทยานฯ ที่ต้องการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว โดยในช่วงนี้จะมีอุทยานฯ ให้เลือกจำนวน 127 แห่ง (ข้อมูล 22 มิ.ย.63)

4.เลือกวันที่ต้องการ และกรอกข้อมูล
เมื่อเลือกพื้นที่อุทยานฯ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้กดเลือกวันที่ที่ต้องการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยว ซึ่งในแอปพลิเคชันจะแสดงจำนวนคงเหลือที่สามารถรับได้ และกรอกเบอร์โทรศัพท์ และเลือกประเภทรถโดยสารที่นำเข้าอุทยาน



5.ระบุจำนวนคนและกรอกข้อมูลของแต่ละคน
กรอกจำนวนนักท่องเที่ยว ประเภทผู้เดินทาง และรายละเอียดข้อมูลของแต่ละคน เช่น ชื่อ-นามสกุล ของผู้ที่ต้องการเข้าไปท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ

6.เลือกช่วงเวลา
เลือกช่วงเวลาที่ต้องการเข้าไปท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ เมื่อกรอกข้อมูลครบเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้กด "ยืนยัน"

7.การจองสำเร็จ
เมื่อกดยืนยันข้อมูลการจองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าการจองสำเร็จ จากนั้นจะได้รับบัตรคิวซึ่งจะแสดงข้อมูลการจองและรายละเอียดต่างๆ

8.นำตั๋วการจองแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเช็ครายละเอียดการจอง
ขั้นตอนสุดท้ายนี้ให้นำข้อมูลการจองนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในวันเดินทาง เพื่อตรวจสอบรายละเอียด จากนั้นสามารถเข้าไปท่องเที่ยวภายในอุทยานได้แล้ว



สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติที่ไม่ได้จองล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ ก็ยังสามารถมาท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติได้ตามปกติ แต่จะให้สิทธิ์กับผู้ที่ทำการจองผ่านทางแอปพลิเคชั่น QueQ ก่อน และเมื่อผู้จองผ่านแอปฯ ไม่มาตามเวลาจอง เจ้าหน้าที่จึงจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้จองผ่านแอปฯ เข้าไปท่องเที่ยวได้ ในรูปแบบร้อยละ 70 และ 30 คือ จะรับนักท่องเที่ยวที่จองผ่านแอปพลิเคชั่น 70 % ส่วนอีก 30 % คือนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้จองล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ

นอกจากนี้ทางอุทยานฯ จะเปิดระบบจองที่พักออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http://nps.dnp.go.th ในวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 12:00 น.เป็นต้นไป


https://mgronline.com/travel/detail/9630000065104

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


มหัศจรรย์? "โคเบทุซ" ทะเลสาบสีชมพูดูน่าทึ่งแห่งคาซัคสถาน


"ทะเลสาบโคเบทุซ" ทะเลสาบสีชมพูแห่งคาซัคสถาน (ภาพ : ซินหัว)

สื่อจีนเผยภาพทิวทัศน์งดงามแปลกตาของทะเลสาบโคเบทุซ ทะเลสาบสีชมพูแห่งคาซัคสถาน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทะเลสาบอันน่ามหัศจรรย์ของโลก

นูร์-ซุลตัน, ซินหัว-สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการของประเทศจีน เผยภาพทิวทัศน์งดงามแปลกตาของทะเลสาบโคเบทุซ (Kobeituz Lake) ที่ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าสเตปป์คาซัค ในเขตเยเรเมนทาอู (Yerementau) แคว้นอักโมลา (Akmola Region) ทางตอนเหนือของประเทศคาซัคสถาน



ทะเลสาบโคเบทุซ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นจนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบมหัศจรรย์ของโลก นั่นก็คือน้ำที่ทะเลสาบแห่งนี้มีสีชมพูดูสวยหวานเนียนตา

สำหรับทะเลสาบสีชมพูที่ดูน่ามหัศจรรย์แห่งนี้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เกิดจากตะไคร่น้ำที่ชื่นชอบเกลือซึ่งอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ สามารถผลิตสีย้อมพิเศษที่ทำให้ทะเลสาบกลายเป็นสีชมพูหรือม่วง โดยขึ้นอยู่กับปริมาณแสงแดดในแต่ละวัน


https://mgronline.com/travel/detail/9630000064931

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


นักท่องเที่ยวมือบอนขีดเขียนทำลายผนังถ้ำพันปี จ.ตรัง

ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวอย่าขีดเขียนทำลายผนังถ้ำ วัดถ้ำเขาปินะ ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โบราณสถาน และโบราณวัตถุอายุกว่า 1,000 ปี หลังเจอเขียนชื่อ พ่นสี วาดภาพจนเกิดความเสียหาย จนต้องหามัคคุเทศก์จิตอาสาคอยสอดส่องพฤติกรรม



วันนี้(24 มิ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดถ้ำเขาปินะ ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมหินงอก หินย้อยภายในถ้ำ หลังคลายล็อกมาตรการป้งอกันโรค COVID-19 เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เพราะมีโบราณสถาน และโบราณวัตถุอายุกว่า 1,000 ปีที่พบในถ้ำ แต่กลับมีคนแอบปีนขึ้นไปเขียนชื่อตัวเอง ใช้ทั้งสีสเปรย์ ปากกา วาดภาพต่างๆ บนผนังถ้ำจนเกิดความเสียหาย

แม้ว่าทางวัดจะพยายามลบ แต่ก็ลบไม่ออกทางวัดจึงอาศัยจิตอาสาในพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ คอยให้ความรู้เรื่องประวัติความเป็นมา ของถ้ำเขาปินะ พร้อมๆ กับสอดส่องพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ป้องกันไม่ให้ผนังถ้ำ และหินงอกหินย้อยชำรุดเสียหายมากไปกว่านี้ และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว ช่วยกันอนุรักษ์และเคารพสถานที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวอื่นได้เที่ยวชม

นายเสถียร ศรีคง มัคคุเทศก์จิตอาสา ชาวตำบลนาวง กล่าวว่า ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวเวลามาเยี่ยมชม อยากให้เก็บความประทับใจไว้ อย่าขีดเขียนบนฝาผนังถ้ำ เพราะจะทำให้เป็นภาพที่ไม่ดีไม่สวยงาม และเสียดายที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่มีจิตสำนึกได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้




https://news.thaipbs.or.th/content/293970

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


"มีหน้ากากมากกว่าแมงกะพรุน" ขยะช่วงโควิด-19 จำนวนมากถูกทิ้งลงมหาสมุทร

พบหน้ากากอนามัยและถุงมือแบบใช้ครั้งเดียวจำนวนมากถูกทิ้งลงมหาสมุทรในช่วงที่โควิด-19 ระบาด



นักอนุรักษ์ออกมาเตือนว่า การระบาดของโรคโควิด-19 นั้น อาจส่งผลให้เกิดมลภาวะในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น จากขยะพลาสติกจำนวนมากที่คุกคามชีวิตในทะเล หลังมีการค้นพบหน้ากากอนามัยใช้แล้วลอยอยู่ในทะเล คล้ายกับแมงกะพรุน รวมถึงมีถุงมือยางกระจัดกระจายทั่วมหาสมุทร

Op?ration Mer Propre องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของฝรั่งเศส ซึ่งมักมีกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการเก็บขยะทั่วแนวชายฝั่ง C?te d?Azur ส่งเสียงเตือนเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

นักดำน้ำพบสิ่งที่ จอฟฟรีย์ เพลเทียร์ (Joffrey Peltier) ขององค์กรอธิบายไว้ว่าเป็น "ขยะโควิด" ไม่ว่าจะเป็น ถุงมือ หน้ากากอนามัย และขวดเจลล้างมือจำนวนมากภายใต้ท้องคลื่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผสมกับขยะที่พบเห็นทั่วไปอย่างถ้วยใช้แล้วทิ้ง และกระป๋องอลูมิเนียม

เพลเทียร์กล่าวว่า ปริมาณของหน้ากากและถุงมือที่พบนั้นมหาศาลมาก แต่สิ่งที่เขากังวลคือ การค้นพบดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นของมลภาวะระลอกใหม่ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่หลังจากที่ประชากรหลายล้านคนทั่วโลกหันมาใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 "มันเป็นสัญญาณถึงมลภาวะที่จะเกิดขึ้นหากเราไม่ทำอะไรบางอย่าง"

เฉพาะในประเทศฝรั่งเศส ทางการได้สั่งซื้อหน้ากาอนามัยสำรองมากกว่า 2 พันล้านชิ้น ลอเรนต์ ลอมบาร์ด (Laurent Lombard) จาก Op?ration Mer Propre กล่าวว่า "เมื่อรู้อย่างนี้?ในไม่ช้าเราจะเสี่ยงต่อการมีหน้ากากอนามัยมากกว่าแมงกะพรุนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" เขาเขียนลงในโซเชียลมีเดียควบคู่ไปกับวิดีโอการดำน้ำที่แสดงภาพหน้ากากอนามัยพันอยู่กับสาหร่าย และถุงมือยางในทะเลใกล้ Antibes



องค์กรหวังว่า ภาพดังกล่าวจะกระตุ้นให้ผู้คนเลือกใช้หน้ากากอนามัยที่ใช้ซ้ำได้ และจากการใช้ถุงมือยางมาล้างมือบ่อยขึ้นแทน เพลเทียร์กล่าวว่า "ด้วยทางเลือกทั้งหมดที่เรามี พลาสติกไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่จะปกป้องเราจากโควิด-19"

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก่อนการระบาดของโควิด-19 นักอนุรักษ์ได้เตือนถึงภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตในทะเลจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นของขยะพลาสติก ในแต่ละปีมีพลาสติกถึง 13 ล้านตันถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทร ขณะที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนก็มีขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นราว 570,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณที่เท่ากับการทิ้งขวดพลาสติก 33,800 ขวดลงสู่ทะเลทุกนาที

เอริก โปเชต์ (?ric Pauget) นักการเมืองฝรั่งเศสระบุในจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีว่า ตัวเลขเหล่านี้อาจเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 โดยหน้ากากอนามัยมักจะมีพลาสติกอย่างโพลีโพรพิลีน (Polypropylene) "ด้วยเวลาในการย่อยสลายที่ยาวนานถึง 450 ปี หน้ากากอนามัยเหล่านี้ไม่ต่างจากระเบิดเวลาทางสิ่งแวดล้อมที่สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธรรมชาติและโลก" พร้อมกันนี้เขายังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดจากหน้ากากอนามัยมากขึ้น

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา OceansAsia องค์กรในฮ่องกงก็เริ่มแสดงถึงความกังวลในลักษณะเดียวกัน หลังจากพบขยะพลาสติกอย่างหน้ากากอนามัยพัดเกยขึ้นชายฝั่งหมู่เกาะโซโกซึ่งไม่มีผู้อยู่อาศัย

แกรี สโตกส์ (Gary Stokes) จาก OceansAsia กล่าวว่า "บนชายหาดความยาวกว่า 100 เมตร เราพบหน้ากากอนามัยถึง 70 ชิ้น"

และหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เขาพบหน้ากากอนามัยริมหาดอีกราว 30 ชิ้น "และนั่นคือชายหาดบนเกาะกลางทะเลที่ไม่มีคนอยู่อาศัย"

ด้วยความสงสัยว่าหน้ากากอนามัยเหล่านั้นสามารถเดินทางได้ไกลแค่ไหน เขาได้เริ่มตรวจสอบหาดที่อยู่ไม่ไกลจากกัน "เราพบหน้ากากอนามัยแทบทุกแห่ง นับตั้งแต่เราเริ่มใช้หน้ากากอนามัย เราก็เริ่มเห็นผลกระทบของมันบนชายหาด"

เศษขยะบางส่วนอาจมีสาเหตุจากความไม่ระมัดระวัง นอกจากนี้ เขาคาดว่าด้วยลักษณะของหน้ากากอนามัยที่มีน้ำหนักเบา มันอาจถูกลมพัดหล่นจากแผ่นดิน เรือ หรือกระทั่งที่ทิ้งขยะ "นี่คืออีกหนึ่งของขยะพลาสติกในทะเล มันไม่ได้ดีกว่าหรือแย่กว่าขยะชนิดอื่น เป็นเพียงอีกหนึ่งอย่างที่เราจะทิ้งไว้ให้กับลูกหลาน"

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าเต่าทะเลและโลมาอาจคิดว่าหน้ากากอนามัยคืออาหาร อย่างไรก็ดียังไม่มีการค้นพบว่าการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นความจริง "เราพบพวกมันตายและเกยตื้นอยู่เสมอ เราเพียงแต่รอว่าเมื่อไหร่ที่เราจะชันสูตรแล้วพบว่ามันกินหน้ากากอนามัยเข้าไป สำหรับผม มันเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง"


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/127972