เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 23-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฏาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 23 - 24 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง

ส่วนในช่วงวันที่ 25 - 28 ก.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกจะเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 25 - 28 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 23-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เปลี่ยนแผ่นดินจะนะ ผุดนิคมอุตสาหกรรม



ที่ว่ากันว่า "นิคมอุตสาหกรรมจะนะ" จังหวัดสงขลา...มีจุดเด่นที่สุดคือการจ้างงาน 100,000 ตำแหน่ง เรื่องนี้จริงหรือไม่? และการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรม ต้องแลกกับการสูญเสียอะไรบ้าง ... ยังมีรายละเอียดลึกเร้นที่ต้องพูดคุยกันยาวๆเลยทีเดียว

อาจารย์ท่านหนึ่งทักมาว่า "นิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต"

น่าจะแปลว่าเป็นโรงงานไฮเทค...ใช้ AI...ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม ...ใช้คนที่มีความรู้สูงๆในการทำงาน แล้วจะจ้างงาน 100,000 ตำแหน่งได้อย่างไร เพราะงานตั้ง 100,000 ตำแหน่งนั้น แปลว่าเป็นโรงงานสายพาน โรงงานรุ่นเก่าที่ใช้แรงงานคนเป็นหลัก

ประเด็นคือ สองเงื่อนไขข้างต้นนี้ "อุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตกับจ้างงานแสนคนนั้น" ไปด้วยกันไม่ได้

แน่นอนทุกโครงการมีได้...มีเสีย ได้คุ้มเสียหรือไม่นี่คือประเด็น เมื่อเป็นเช่นนั้น...การได้มาซึ่งนิคมอุตสาหกรรมเป็นหมื่นไร่ ท่าเรือใหญ่อีกสามท่า โรงไฟฟ้าขนาดยักษ์อีกขนาด 2 เท่าครึ่งของโรงไฟฟ้าจะนะ



ผลกระทบจะมีอะไรบ้าง?...ทะเลจะยังสมบูรณ์ไหม? อากาศจะยังใสไหม? คลองนาทับคลองสะกอมน้ำใต้ดินจะแห้งไหม? วิถีคนจะนะจะเปลี่ยนไปไหม?

"คนจะนะ" มีสิทธิออกแบบอนาคตตนเองไหม? นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาหลายปีแล้วในฐานะผู้เปลี่ยนหลังคาโรงพยาบาลให้เป็นหลังคาโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าแต่ในอีกมุมหนึ่งก็ได้รับการกล่าวขานให้เป็นเอ็นจีโอ หนึ่งในบุคคลที่มีข้อมูลในเรื่องนี้อยู่เต็มมือ ตั้งข้อสังเกต

คำถามสำคัญวันนี้มีว่า...ก้าวใหญ่ของจะนะอาจต้องก้าวเดินเหมือนแบบรุ่นพี่ของเรา "ภาคตะวันออก"...เครือข่ายประชาชนภาค ตะวันออก เดินหน้าฟ้องศาลปกครองสูงสุด เรื่องการเปลี่ยนผังเมืองในภาคตะวันออกเป็นสีม่วง ทำลายชีวิต ทำลายชุมชน ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยไม่สนใจไม่เห็นหัวชาวบ้านในพื้นที่เลย

แม้คำตอบของรัฐจะบอกว่า พื้นที่ "สีเขียว" ยังมีกว่า 80% แต่ "สีม่วง" ที่เข้ามาและกระจายไปทั่วนั้นก็มากพอที่จะทำร้ายภาคตะวันออกไปตลอดกาล

"กรณีของนิคมอุตสาหกรรมจะนะก็คล้ายๆกัน มาแบบเดียวกัน กรุงเทพฯคิดมา แล้วมาวางทับความสมบูรณ์ในพื้นที่ทั้งจะนะและภาคตะวันออก...อนาคตอันใกล้ เส้นทางจะนะอาจต้องเดินสู่การฟ้องศาลปกครองเช่นเดียวกับภาคตะวันออก"

ย้ำว่า...การจะตั้งนิคมอุตสาหกรรมให้ได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขผังเมืองจะนะจากเดิมที่คนจะนะลงมติให้เป็นสีเขียวคือ... "เกษตรกรรม" ต้องเปลี่ยนให้เป็นสีม่วงก่อนคือพื้นที่ที่สามารถตั้งนิคมอุตสาหกรรมได้ ซึ่งต้องใช้เวทีการมีส่วนร่วมจริงๆ ไม่ใช่แบบจัดตั้งมายกมือและให้ความเห็นพอเป็นพิธี

หลังจากที่ น้องไครียะห์ ระหมันยะ ได้ประกาศคัดค้านการเปลี่ยนสีผังเมืองจะนะที่หน้าศาลากลาง จนเกิดกระแสขึ้น และ ศอ.บต.ต้องถอย บัดนี้ดูเหมือนว่า ศอ.บต.พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าขั้นตอนสำคัญที่สุดที่ติดขัดให้สำเร็จ นั่นก็คือ...แก้ผังเมืองให้เป็นสีม่วง

พลังประชาชนยังคงสำคัญในดินแดนประชาธิปไตย...เราคนจะนะทุกคนจะต้องช่วยกันระดมความร่วมมือในการ "SaveChana"




"จะนะ"...มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ไม่ควรถูกเปลี่ยนผืนดินอันอุดมเป็นนิคมอุตสาหกรรม 16,753 ไร่ ทะเลจะนะยิ่งสมบูรณ์ ยิ่งไม่ควร สร้างท่าเรือน้ำลึกใหญ่ 3 ท่า เพื่อรองรับอุตสาหกรรม พร้อมโรงงานโรงไฟฟ้าริมชายฝั่งใหญ่โต "เราคนไทยต้องการการพัฒนาแบบไหน คงต้องเริ่มช่วยกันส่งเสียงและกดดันรัฐบาลกันอย่างหนัก"

เปิดบันทึกเส้นทางการเดินหน้าให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมในอำเภอจะนะนั้นยังถือว่ายาวไกล...เริ่มจากโครงการนี้มาเงียบๆ ครม.คสช.นัดสุดท้ายลักไก่มีมติไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 อนุมัติในหลักการ

และ...ชงให้ ศอ.บต.เดินหน้า หลังจากนั้นก็มีการกว้านซื้อที่ดินกันขนานใหญ่ มีการจัดตั้งแกนนำท้องที่ท้องถิ่นเป็นกำลังหลักในการผลักดัน จนมกราคม 2563 ก็มีมติ ครม.ซ้ำ ให้...จะนะเป็น "เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ" เค้าลางเมฆทมึนจึงชัดเจนขึ้นเมื่อต้นปีนี้เอง

การคัดค้านโครงการจะนะอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตนั้น เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่กี่เดือน เพราะกว่าเราจะรู้รายละเอียดในโครงการศึกษา และหารือในหลายกลุ่ม จนมั่นใจว่า..."เสียมากกว่าได้ หายนะมากกว่า พัฒนา ก็ล่วงเลยมาอีกหลายเดือน"

ต้องย้ำว่าที่ผ่านมา...เวทีรับฟังมีคนให้ความเห็นไม่กี่คน เลิกก่อนเที่ยง เพราะมวลชนจะกลับบ้านแล้ว เป็นความสำเร็จในหน้าฉากเป็นพิธีกรรมที่ดูดี แต่ไม่ได้หมายความว่า การเดินหน้านิคมอุตสาหกรรมจะนะจะฉลุย ยังมีอีกหลายยก ทั้งเรื่องการเปลี่ยนสีผังเมือง การทำ EHIA ของนิคมอุตสาหกรรมและรายโรงงาน ฯลฯ

ในทางกลับกันปฏิบัติการบอกกล่าวคนไทยของลูกสาวแห่งทะเลน้องยะห์และคณะ ที่ไปกรุงเทพฯ 10 วัน รวมทั้งกระบวนการสื่อสาร #SaveChana ได้สร้างการรับรู้ต่อความไม่เป็นธรรมและหายนะที่จะเกิดในจะนะอย่างกว้างขวางในเวลาสั้นๆได้อย่างเหลือเชื่อ...

"ด้วยเวลาสั้นๆ คนไทยรับรู้แล้วว่าจะนะเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่าต่อจากนี้ไปคนไทยจะโอบล้อมจากภายนอกมาช่วยปลดปล่อยคนจะนะจากอิทธิพลในพื้นที่ที่กดชาวบ้านไว้"



นพ.สุภัทร ย้ำว่า ความไม่ชอบมาพากลที่จะนะ เป็นเรื่องเดียวกันกับทิศทางการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ ผูกขาดจากส่วนกลาง และคอร์รัปชันเป็นขบวนการ? ขบวนการไม่เอานิคมอุตสาหกรรมจะนะ ขบวนการค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขบวนการหยุดคลองไท ขบวนการจัดการน้ำให้ถึงมือประชาชน ขบวนการอันดามันโกกรีน ขบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ ขบวนการหยุด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขบวนการเรียกร้องขอรัฐสวัสดิการ ขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย...

ล้วนมีเป้าหมายร่วมกัน คือเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศแห่งความยั่งยืนและความสุขของผู้คนทุกคน ไม่ใช่สุขเฉพาะชนชั้นนำ เพียงแต่เราขยับกันคนละมุมเท่านั้น

สำหรับผมเอง การคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ คือส่วนหนึ่ง ของการสร้าง "ธรรมาภิบาล" ในสังคมไทย สลายการกระจุกอำนาจในส่วนกลาง เปลี่ยนวิธีคิดรัฐไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างสันติภาพชายแดนใต้ สร้างประชาธิปไตยจากฐานราก โดยมีการต่อสู้คัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะเป็นรูปธรรมการเปลี่ยนแปลง

"เรา" หมายถึง "ผม"...เพื่อนพ้องน้องพี่ คนจะนะที่ตื่นตัว รวมทั้งเครือข่ายมากมาย เราไม่ใช่สู้แค่หยุดนิคมอุตสาหกรรมจะนะ แต่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า...เรากำลังช่วยกันเขียนอนาคตประเทศ เรากำลังร่วมกันเปลี่ยนประเทศไทยให้ก้าวพ้นจากรัฐชนชั้นนำและทุนผูกขาดไปด้วยกัน

แน่นอนว่า...ชุมชนไม่ได้ต้องการการพัฒนาแบบยัดเยียด "ชุมชนจะนะ" ต้องการการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่คนในชุมชนได้ร่วมออกแบบอนาคตของตนเอง


https://www.thairath.co.th/news/local/1894015

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 23-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ชาวบ้านตะลึง!วาฬมหึมา23เมตรเกยตื้นชายหาดอินโดนีเซีย



เอเอฟพี - วาฬยักษ์ตัวหนึ่งความยาวกว่า 23 เมตร ลอยมาเกยตื้นใกล้ชายหาดแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย ช่วงสั้นๆ แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามันตายได้อย่างไร จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ในวันพุธ(22ก.ค.)

ฝูงชนจับกลุ่มยืนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นบริเวณชายฝั่งของเมืองคูปัง ในขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามหาทางว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับซากวาฬขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ใกล้ชายฝั่ง หลังพบมีคนพบเห็นมันครั้งแรกเมื่อวันอังคาร(21ก.ค.)

อย่างไรก็ตามซากวาฬถูกคลื่นซัดลอยกลับสู่ทะเลอีกครั้งในวันพุธ(22ก.ค.) แต่ก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการลากมันกลับเข้าหาฝั่ง เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป "เราคิดว่ามันน่าจะเป็นวาฬสีน้ำเงิน แต่เราไม่รู้สาเหตุการตายของมัน" ลิดยา เทซา ซาปูตรา นักอนุรักษ์ท้องถิ่นกล่าว "ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ตายที่นี่ และบางทีอาจตายมาแล้วระยะหนึ่ง"



วาฬสีน้ำเงินถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดถึง 200 ตันและมีขนาดความยาวสูงสุด 32 เมตร

ทั้งนี้วาฬสีน้ำเงิน ซึ่งแค่เฉพาะลิ้นก็มีน้ำหนักพอๆกับช้างตัวหนึ่ง มีอายุขัยเฉลี่ย 80 ถึง 90 ปี

เมื่อปี 2018 เคยมีวาฬหัวทุยตัวหนึ่งตายในอินโดนีเซีย โดยภายในท้องของมันพบถ้วยพลาสติกมากกว่า 100 ใบและถุงพลาสติก 25 ชิ้น ก่อความกังวลเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเลมหึมาของหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้


https://mgronline.com/around/detail/9630000075424
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 23-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


อีก 80 ปีไม่เหลือ "หมีขาว" เพราะอดตายจากโลกร้อน


การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทำให้หมีขาวหาอาหารได้น้อยลง นั้นส่งผลต่อพลังงานสะสมที่ใช้ในการจำศีลและอยู่รอดในช่วงฤดูหนาว (Paul J. RICHARDS / AFP )

นักวิทยาศาสตร์ออกรายงานมายืนยันอีกครั้งว่า "หมีขาว" จะสูญพันธุ์ไปจากโลกภายในเวลา 80 ปี เพราะขาดแคลนอาหารเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ซึ่งวิธีเดียวที่จะยื้อเผ่าพันธุ์ของหมีขั้วโลกได้คือการหยุดภาวะโลกร้อน

นักวิทยาศาสตร์เผยแพร่ผลงานวิจัยลงวารสารวิชาการเนเจอร์ไคลเมตเชนจ์ (Nature Climate Change) ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทำให้หมีขาวที่กำลังอดอยากในตอนนี้เสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ภายในชั่วอายุคนปัจจุบัน บางพื้นที่ยังพบปัญหาซ้ำร้ายว่าทะเลน้ำแข็งลดลง ทำให้หมีขาวมีเวลาในการล่าแมวน้ำน้อยลง ซึ่งร่างกายที่ซูบผอมของหมีขาวนั้น ทำให้หมีขาวมีโอกาสอยู่รอดน้อยลงในช่วงฤดูหนาวอันโหดร้ายของอาร์กติกที่ปราศจากอาหาร

สตีเฟน อัมสตรัป (Steven Amstrup) ผู้ริเริ่มการศึกษาเรื่องนี้และเป็นนักวิทยาศาสตร์หลักขององค์กรหมีขาวระหว่างประเทศ (Polar Bears International) กล่าวว่า หมีขาวต้องเผชิญช่วงเวลาอดอาหารหรือจำศีลที่นานขึ้น ก่อนที่น้ำแข็งจะกลับมาก่อตัวให้หมีได้มีโอกาสออกไปล่าหาอาหารได้อีกครั้ง

การศึกษาครั้งนี้พบว่าจากแนวโน้มปัจจุบันกลุ่มประชากรหมีขาว 12 ใน 13 กลุ่มย่อย จะถูกทำลายลงภายใน 80 ปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้วยอัตราเร่งของแถบอาร์กติก ซึ่งร้อนขึ้นกว่าบริเวณอื่นๆ ของโลกถึง 2 เท่า โดยอัมสตรัป ระบุว่าในปี ค.ศ.2100 หลายถิ่นอาศัยของหมีขาวแทบไร้สิ้นความหวังที่จะมีประชากรเกิดใหม่หรือเกิดขึ้นได้น้อย ยกเว้นประชากรกลุ่มย่อยที่เกาะควีนอะลิซาเบธ (Queen Elizabeth Island) ในหมู่เกาะอาร์กติกของแคนาดา


น้ำแข็งที่ละลายจากภาวะโลกร้อนทำให้ถิ่นอาศัยของหมีขาวลดลง และยังหาอาหารได้น้อยลง (BJ KIRSCHHOFFER / POLAR BEARS INTERNATIONAL / AFP)

ภาพฉายอนาคตคาดคะเนล่วงหน้าว่าอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นไป 3.3 องศาเซลเซียสนับจากยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม โดย 1 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้น กระตุ้นให้เกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรง ภัยแล้งและมหาวาตภัย ที่ทำให้เกิดการทำลายล้างมากขึ้นเรื่องจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

ถึงแม้มนุษยชาติจะช่วยกันชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยของโลกไว้ที่ 2.4 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) เพียง 0.5 องศาเซลเซียส แต่ความรุนแรงของภัยธรรมชาติต่างๆ ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่อาจชะลอการสูญพันธุ์ของหมีขาวได้บ้าง

อัมสตรัประบุว่า สิ่งที่คุกคามหมีขาวไม่ใช่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยของโลกโดยตรง แต่เป็นเพราะหมีขาวไม่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งปาฏิหารย์อาจจะยังคงมีอยู่ หากทะเลน้ำแข็งไม่ละลายเลยแม้ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้น ทว่าในความเป็นจริงถิ่นอาศัยของหมีขาวก็ยังคงละลายอยู่ดี

ทั้งนี้ มีสัตว์บกขนาดใหญ่ที่เป็นสัตว์ประจำถิ่นมากกว่าครึ่งหนึ่งบนโลกที่ถูกจัดให้อยู่ในสถานะถูกคุกคามใกล้สูญพันธุ์ แต่มีเพียงหมีขาวชนิดเดียวที่ถูกจัดว่าเสี่ยงสูญพันธุ์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทว่านักวิจัยก็เตือนว่าสถานะดังกล่าวอาจไม่อยู่นาน และเรายังต้องศึกษาต่อไปว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นส่งผลกระทบต่อสัตว์ชนิดอื่นอย่างไรบ้างในอีกหลายสิบปีข้างหน้า


ภาพหมีขาวกลางถนนในรัสเซีย - (Irina Yarinskaya / Zapolyarnaya pravda newspaper / AFP)

หมีขาวมีวิวัฒนาการเพื่ออยู่รอดมานับล้านปี ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของหมีขาวคือ เออร์ซัส มาริทิมัส (Ursus maritimus) ปัจจุบันมีหมีขาวเหลืออยู่ในธรรมชาติ 25,000 ตัว ซึ่งงานวิจัยล่าสุดที่มีพื้นฐานจากงานวิจัยของอัมสตรัปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เป็นงานวิจัยที่ชี้ถึงจุดจบของหมีขาว โดยมีการซ้อนทับกันของ 2 ชุดข้อมูล

ชุดข้อมูลแรกคือระยะเวลาอดอาหารหรือจำศีลที่ยาวนานขึ้น โดยแปรเปลี่ยนไปตามสภาพพื้นที่ของแต่ละภูมิภาค โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ครึ่งปีหรืออาจยาวนานกว่านั้น อีกชุดข้อมุลคือคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ติดตามการลดลงของทะเลน้ำแข็งไปจนสิ้นศตวรรษ โดยอ้างอิงภาพฉายอนาคตการศึกษาของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ของสหประชาชาติ

ปีเตอร์ มอลนาร์ (Peter Molnar) หัวหน้าทีมศึกษาในงานวิจัยนี้จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต (University of Toronto) แคนาดา อธิบายถึงการคำนวณอัตราการรอดชีวิตของหมีขาวว่า พิจารณาจากความอ้วนผอมของหมีขาวที่จะเป็นไปได้ และสร้างแบบจำลองการใช้พลังงานของหมีขาว จากนั้นจึงคำนวณหาจำนวนวันที่หมีตัวเต็มวัยและลูกหมีสามารถอดอาหารหรือจำศีลได้ก่อนที่จะเริ่มล้มตาย


ภาพฝูงหมีขาวหากินจากกองขยะเมื่อปี 2018 (Alexander GRIR / AFP)

ตัวอย่างที่นักวิจัยพบคือ กรณีหมีขาวตัวผู้ในกลุ่มประชากรที่อ่าวเวสต์ฮัดสัน (West Hudson Bay) มีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ 20% เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลจำศีล หมีขาวตัวดังกล่าวจะมีพลังงานเพียงพอสำหรับจำศีลเพียง 125 วัน แทนที่จะเป็น 200 วัน ขณะที่ลูกหมีเกิดใหม่ยังได้รับผลกระทบมากกว่า โดยการศึกษาพบว่าแม่หมีอ้วนไม่พอที่ผลิตน้ำนมที่อุดมสารอาหารได้ ทว่าหมีขาวตัวเมียที่ไม่มีลูกก็สามารถทนต่อการอดอาหารได้นานขึ้น

"เราไม่สามารถสร้างรั้วเพื่อปกป้องทะเลนำแข็งจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ลองคิดดูในมุมนี้ ถ้าผมผลักคุณลงจากดาดฟ้าตึก 100 ชั้น คุณอยู่ในสถานะ "เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์" (vulnerable) เมื่อคุณผ่านชั้นที่ 10 หรือคุณจะอยู่ในสถานะ "ใกล้การสูญพันธุ์" (endangered) ตลอดทางที่คุณล่วงลงมา" อัมสตรัปตั้งคำถามเปรียบเทียบ และบอกว่าหนทางเดียวที่จะปกป้องหมีขาวได้คือการหยุดภาวะโลกร้อน


https://mgronline.com/science/detail/9630000074747

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 23-07-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


แทงโวยวาย! วิถีชีวิตชาวบ้านริมทะเลอันดามัน? หารายได้เสริม-ไม่อดตายยุคโควิด



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณ แหลมปะการัง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทะเลอันดามันซัดเศษซากปะการัง เข้ามากองอยู่เป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล เมื่อน้ำทะเลลดต่ำสุด ชาวบ้านในตำบลคึกคัก ก็จะออกไปหาสัตว์ทะเล ที่หลบซ่อนอยู่ตามแอ่ง เพื่อมาทำเป็นอาหารไว้รับประทาน

โดยเฉพาะ โวยวาย ที่อาศัยหลบซ่อนอยู่ภายในซอกใต้ซากปะการัง ซึ่งจะต้องใช้ก้ามปู หรือปูเปรี้ยว เสียบกับก้านไม้ไผ่ หรือสายเอ็น ทำการแหย่ลงไปในโพรง เพื่อล่อให้โวยวายออกมา ก่อนที่จะใช้เหล็กแหลมแทงบริเวณส่วนหัวใต้ตา และนำมาร้อยเป็นพวงเพื่อให้ง่ายต่อการขนย้าย ซึ่งเมนูที่ชาวบ้านมักนำไปปรุงเป็นอาหาร คือ โวยวายผัดสับปะรด โวยวายผัดเครื่องรา พบราคาของโวยวายสด อยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท

โวยวายนั้นจะจัดอยู่ในจำพวก หมึกสายเล็ก หมึกยักษ์เล็ก หมึกสายขาว มีความยาวประมาณ 6?12 เซนติเมตร มีหนวด 8 เส้น แต่ละเส้นมีความยาวใกล้เคียงกัน โคนหนวดแต่ละเส้นมีแผ่นหนังเชื่อมติดกัน ด้านในของหนวดทุกเส้นมีปุ่มดูดเรียงกันเป็นสองแถวสำหรับจับสัตว์กินเป็นอาหาร ลำตัวสีเทาอมดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ด้านท้องสีขาว


https://www.naewna.com/likesara/506868
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger