#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 15 ? 17 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยจะมีกำลังปานกลาง ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ในช่วงวันที่ 18 - 20 ส. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศจีนตอนใต้ เวียดนามและลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคกลางมีฝนลดลง ส่วนภาคอื่นๆมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 15 ? 17 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ในอีก 15 ปีข้างหน้า ...................... โดย ภัค เศารยะ เมื่อประมาณ 127,000 ปีที่แล้ว มีช่วงเวลาที่เรียกว่า ช่วงเกิดความอบอุ่นระหว่างยุคน้ำแข็งสุดท้าย ซึ่งอุณหภูมิในแถบทวีปอาร์กติกสูงขึ้นประมาณ 2-6 องศาเซลเซียส มากกว่าระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จนในที่สุดน้ำแข็งในทะเลก็เกิดการละลาย ทว่าอุณหภูมิสูงที่พื้นที่แถบอาร์กติกในช่วงเวลานั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์สงสัยมานานหลายสิบปีว่าอะไรคือต้นเหตุของการสูญเสียน้ำแข็งในทะเลอย่างแท้จริง ล่าสุด มีการศึกษาใหม่จากทีมวิจัยนานาชาติ ที่ใช้แบบจำลองสภาพภูมิอากาศศูนย์แฮดลีย์ ของหน่วยบริการอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักร ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเปรียบเทียบสภาพน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกในช่วงที่เกิดภาวะอบอุ่นระหว่างยุคน้ำแข็งสุดท้ายกับสภาพน้ำแข็งในยุคปัจจุบัน แบบจำลองดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแดดแรงในฤดูใบไม้ผลิส่งผลให้เกิดการละลายของน้ำแข็งจำนวนมาก จนกลายเป็นแอ่งน้ำที่ก่อตัวบนน้ำแข็งในทะเล แอ่งน้ำแข็งที่ละลายลงเหล่านี้มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นตัวกำหนดว่าแผ่นน้ำแข็งดูดซับแสงแดดและสะท้อนกลับสู่อากาศมากเพียงใด เพราะน้ำแข็งมีอัตราสะท้อนสูงกว่าน้ำ เมื่อจำนวนและขนาดของแอ่งหลอมละลายเพิ่มมากขึ้น ปริมาณพลังงานที่ดูดซับจากดวงอาทิตย์จึงเพิ่มขึ้นตามมาโดยปริยาย จึงทำให้โลกร้อนขึ้นและส่งผลให้เกิดการละลายของน้ำแข็งต่อไป ทีมนักวิทยาศาสตร์เผยว่าหลักฐานที่ค้นพบนี้บ่งชี้ว่าทวีปอาร์กติกสามารถสูญเสียน้ำแข็งในทะเลไปอย่างสิ้นเชิงภายในปี พ.ศ.2578 ดังนั้น จึงมีความสำคัญต่อการปรับปรุงการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งในทะเลในอนาคต นักจำลองสภาพภูมิอากาศจากคณะสำรวจแอนตาร์กติกของอังกฤษ ให้ความเห็นว่าความคาดหวังของการสูญเสียน้ำแข็งในทะเลภายใน 15 ปี นับจากนี้ มนุษย์จึงควรมุ่งเน้นไปที่การบรรลุภารกิจทำให้โลกมีปริมาณคาร์บอนต่ำลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1910033
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ทึ่งฉลามเหินฟ้า พุ่งตัวขึ้นจากทะเล สูงเป็นสถิติ 4.5 เมตร ทึ่งฉลามเหินฟ้า - เดลีเมล์ รายงานเบื้องหลังคลิปชวนทึ่ง นาทีฉลามขาวกระโจนงับเหยื่อขึ้นเหนือน้ำสูงถึง 4.5 เมตร เป็นสถิติสูงสุดเท่าที่มีการบันทึกภาพมา คริส ฟาลโลวส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม บันทึกภาพเด็ดได้ที่เกาะซีล ประเทศแอฟริกาใต้ และเผยแพร่ทางสารคดีชุด "Air Jaws" หรือ "ฉลามเหินฟ้า" ทางช่องดิสคัฟเวอรี ฟาลโลวส์กล่าวว่ามีคำพูดว่าภาพเพียงภาพเดียว บรรยายแทนคำพูดนับพันคำ ถ้าอย่างนั้น ภาพนี้ก็มีคุณค่าเท่ากับการกระโจนนับพันครั้งได้ ตนไม่อยากเชื่อเลยว่าฉลามโผขึ้นเหนือน้ำได้สูงขนาดนี้ พร้อมทั้งเสริมว่าภาพนี้เป็นภาพฉลามเหินฟ้าที่สุดยอด สารคดีล่าสุดในชุด แอร์ จอวส์ แสดงให้เห็นนักวิจัยแกะรอยฉลามและใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อถ่ายภาพฉลามกระโจนเหนือน้ำทะเล บางคนใช้โดรน หรืออาจจะบันทึกภาพตอนกลางคืน แต่ฟาลโลวส์ใช้กล้องที่มีสายโยงถ่ายภาพที่ทำลายสถิตินี้ได้ในโอกาสครบรอบ 20 ปีสารคดีแอร์ จอว์ส พอดี แฟนคลับคนหนึ่งของชาร์ก วีค ทวีตข้อความว่า "นี่เป็นการกระโจนครั้งล่าสุด" ส่วนอีกคนหนึ่งเขียนว่า "กระโจนด้วยความสูง 4 เมตรครึ่ง สุดยอดจริงๆ" บางคนถ่ายทอดความรู้สึกว่าช่างสวยงามและน่าทึ่ง ฟาวโลวส์เกิดในแอฟริกาใต้ออกเรือท่องทะเลไปกับเพื่อนคนหนึ่งเพราะชอบสังเกตพฤติกรรมการกระโจนเหนือน้ำของฉลามขาวซึ่งกลายมาเป็นสารคดีแอร์ จอวส์ ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ ฟาวโลวส์ยังเป็นผู้เก็บข้อมูลมากที่สุดเกี่ยวกับสัตว์นักล่า รวมทั้ง สปีชีต่างๆด้วย ทำให้มีภาพต่างๆในแคตตาล็อกกว่า 9,500 เหตุการณ์ https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4692434 ********************************************************************************************************************************************************* โลมา300ตัวว่ายน้ำแตกตื่น ไม่รู้หนีอะไรมา หรือจะแข่งไปไหนกัน โลมา300ตัวว่ายน้ำแตกตื่น - เอพี รายงานเหตุการณ์โลมากว่า 300 ตัวว่ายน้ำอย่างแตกตื่นด้วยความเร็วสูงสุด สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่ไปเดิมจะไปดักชมวาฬกลางทะเล ใกล้ดานา พอยต์ เขตออเรนต์ เคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค. กลุ่มชมวาฬที่ไปกับบริษัท Capt. Dave?s Whale Watching Safari บันทึกภาพไว้ได้ ภาพแสดงให้เห็นถึงอาการแตกตื่นโกลาหลของโลมา ขณะกระโจนตัวอยู่บนอากาศน้อยกว่าในน้ำ โดยไม่ทราบสาเหตุว่ามันตกใจอะไรกัน "เป็นไปได้ว่ามันอาจถูกรุกรานจากนักล่า เช่น วาฬเพชฌฆาต หรือโลมาอาจแข่งกันไปยังแหล่งอาหาร หรืออาจเร่งไปหาฝูงโลมาอีกฝูงหนึ่ง" บริษัทให้บริการพาชมวาฬ แถลง สำหรับการได้ชมโลมาแถบชายฝั่ง ออเรนจ์ เคาน์ตี ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย เมื่อปีก่อนเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่บริเวณหาดลากูนา เป็นข่าวฮือฮา พื้นที่แคลิฟอร์เนียฝั่งใต้เป็นที่อยู่ของโลมาเกือบ 450,000 ตัว และเป็นชนิดที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4702206
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
วาฬเบลูกา2ตัว ถูกจับภาพได้ว่ากำลังยิ้มกว้างขณะถูกย้ายไปบ้านหลังใหม่ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพขณะเคลื่อนย้ายปลาวาฬเบลูกา 2 ตัว โดยเห็นได้ว่ามันกำลังยิ้มกว้างอยู่ เหมือนรู้ตัวว่ากำลังจะถูกย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ และไม่ต้องอยู่ในสวนสัตว์อีกต่อไป โดยวาฬลิตเติ้ลเกรย์และลิตเติ้ลไวท์ สองตัวนี้มีอายุ 12 ปี อาศัยอยู่ในสวนสัตว์โอเชี่ยนเวิลด์ ในกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งมันทั้งคู่ไม่เคยได้แหวกว่ายในน้ำทะเลจริงๆเลยสักครั้งในชีวิต และถูกบังคับให้ต้องแสดงโชว์ในทุกๆวันให้นักท่องเที่ยวในสวนสัตว์ได้ชม ทางมูลนิธิองค์การการกุศลของอังกฤษ Sea Life Trust จึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ด้วยการหาบ้านหลังใหม่ให้พวกมัน ซึ่งบ้านหลังใหม่นี้ อยู่ห่างออกไปไกลถึงประเทศไอซ์แลนด์ ในเขตอนุรักษ์เกาะกลางทะเล โดยมันทั้งสองตัวต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล กว่า 6,000 ไมล์ด้วยเครื่องบิน และต่อเรือไปยังสถานที่ดังกล่าว ทั้งนี้จะต้องมีการให้พวกมันได้ปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพทะเลจริงๆ ในสถานที่พักฟื้นสัตว์ทางทะเลเสียก่อน ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกมันจะได้สัมผัสน้ำทะเลในทะเลจริงๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมันยิ้มกว้างออกมาก็เป็นได้ https://www.nationtv.tv/main/content/378789738/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|