#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณทางด้านตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 16 ? 17 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยจะมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ในช่วงวันที่ 18 - 21 ส. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศจีนตอนใต้ เวียดนามและลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคกลางมีฝนลดลง ส่วนภาคอื่นๆมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 16 ? 17 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ส.ส.พปชร.เสนอตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ปัญหาประมงพื้นบ้าน ที่มีท้องทะเลน้ำตื้น "ส.ส.ไพลิน" พปชร.เสนอตั้งกมธ.ศึกษาปัญหาและหาทางแก้ปัญหาประมงพื้นบ้าน ในกลุ่มจังหวัดที่มีสภาพท้องทะเลน้ำตื้น เหตุชาวบ้านเดือดร้อนหนัก เนื่องจากกฎหมาย กำหนดไม่ให้ทำประมงห่างชายฝั่งออกไป 3 ไมล์ทะเล วันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ ยื่นญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา ผลกระทบ และแนวทางการแก้ปัญหาของประมงพื้นบ้าน ในกลุ่มจังหวัดที่มีพื้นที่สภาพท้องทะเลน้ำตื้น เนื่องจากปัจจุบันประมงพื้นบ้าน กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก จากการแก้ไขการปรับปรุง พ.ร.ก.ประมง ปี 2558 ในมาตรา 34 และมาตรา 67 กระทบโดยตรงกับผู้ประกอบกิจการประมง พาณิชย์ และประมงพื้นบ้าน ผลกระทบจากการแก้ไขมาตรา 34 มีความว่า ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน ทำการประมงในเขตทะเลนอกชายฝั่ง พื้นที่ห่างชายฝั่งออกไป 3 ไมล์ทะเล ทำให้เกิดข้อจำกัดในการประกอบอาชีพแก่กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ที่อาศัยพื้นที่ชายฝั่งน้ำตื้นในการทำมาหากิน เพราะว่าท้องทะเลมีความหลากหลายของสัตว์น้ำ และสัตว์น้ำแต่ละประเภท ก็อาศัยระบบนิเวศไม่เหมือนกัน บางชนิดอยู่ในพื้นที่ไม่เกิน 3 ไมล์ทะเล บางชนิดห่างไกลออกไป ซึ่งการระบุไว้ว่า ผู้ได้รับอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน จะต้องประกอบกิจการอยู่ในเขต เป็นการจำกัดสิทธิ์เกินไป ถ้าเรามองไปยังอุปกรณ์การประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน การที่จะทำให้สัตว์น้ำที่อยู่ในพื้นที่ทะเลน้ำตื้นสูญเสียสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กลงไปอย่างยิ่ง ในอีกมุมหนึ่ง ถ้ามองไปยังเรื่องระบบนิเวศในพื้นที่ที่มาตรา 34 กำหนดไว้ ในการประกอบอาชีพ ห้ามเกิน 3 ไมล์ทะเล ถ้าเราประกอบอาชีพโดยใช้เครื่องมือในการออกทะเล ไม่เกิน 3 ไมล์ทะเล ประมงพื้นบ้านจะสูญเสียสัตว์น้ำ ที่เป็นสัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ระบบนิเวศสูญเสียเป็นอย่างยิ่ง หากเรายังปล่อยให้เกิดปัญหาแบบนี้ต่อไป ประเทศของเราอาจจะสูญเสียทรัพยากรชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ไปตลอด จนถึงอาชีพประมงหน้าบ้าน ก็คงหายไป ถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ เราก็คงซื้ออาหารทะเลที่แพงขึ้น และอาหารทะเล ที่เราจะนำเม็ดเงินมาสู่ประเทศในภาคธุรกิจ ก็จะลดน้อยลงด้วย จึงอยากขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการเพื่อรับฟัง และหาแนวทางการแก้ปัญหาให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ส.ส.ไพลิน ยกตัวอย่างอาชีพประมงพื้นบ้านใน จ.สมุทรปราการ ซึ่งประกอบไปด้วย อ.พระสมุทรเจดีย์ อ.บางบ่อ ต.คลองด่าน และต.บางปู เป็นหนึ่งในประมงพื้นบ้าน ที่ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า โพงพาง ซึ่งมีลักษณะอวนคล้ายถุง ปากอวนกว้างยึดกับที่ โดยใช้กระแสน้ำพัดให้สัตว์น้ำเข้ามาในถุงอวน ตามประกาศการใช้ พ.ร.ก.ประมง ปี 2558 ในมาตรา 67 มีข้อบังคับมิให้ใช้เครื่องมือโพงพาง และเครื่องมือลอบพับหรือไอ้โง่จับสัตว์น้ำ แล้วอวนลากที่มีตาอวนก้นถุงเล็กกว่าที่อธิบดีประกาศกำหนด ซึ่งเครื่องมืออวนรุนที่ใช้ติดกับเครื่องยนต์ เว้นแต่อวนรุนเคย โดยมีบทลงโทษในมาตรา 146 ปรับตั้งแต่ 1-5 แสนบาท และมาตรา 169 ให้ริบเครื่องมือทำกินประมงและสัตว์น้ำทั้งหมด จากการประกาศ พ.ร.ก.ประมงปี 2558 ส่งผลกระทบกับพ่อแม่พี่น้องที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน รวมไปถึงประมงหน้าบ้าน หมายถึงประชาชนที่มีภูมิลำเนาที่ติดริมคลอง ริมฝั่ง ริมชายทะเล ที่พวกเขาประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ประมงหน้าบ้าน มารุ่นสู่รุ่น นับเวลาเป็นร้อยๆ ปี ในเขต อ.พระสมุทรเจดีย์ ได้ดำเนินกิจการประมงหน้าบ้านมีจำนวน 201 ราย ในพื้นที่ประกอบไปด้วยตัวเลขประชากร 2 พันคน มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน 500-1,000 บาท อาจจะดูไม่มาก แต่ถ้ามองในมุมผู้ประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เขาเหล่านั้น วันนี้ไม่มีอาชีพทำกิน เพราะตาม พ.ร.ก.ที่ได้ออกกำหนดมา วันนี้หน่วยงานภาครัฐไม่ได้ชดเชยเยียวยาให้กับคนกลุ่มนี้ พ่อแม่พี่น้องประชาชน ต้องหยุดการประกอบอาชีพไม่มีรายได้ในการส่งเสียครอบครัว ส่งผลกระทบให้กับบุตรหลาน ไม่ได้เรียนหนังสือ ซึ่งนักวิชาการบางกลุ่มมีข้อเสนอแนะว่า ขอให้เขาหยุดประกอบอาชีพประมงโดยเด็ดขาด และไปประกอบอาชีพอื่น ความเป็นจริงมันทำไม่ได้ นั่นคือถิ่นกำเนิด เขาไม่สามารถย้ายถิ่นฐานไปประกอบอาชีพอย่างอื่นได้เลย อย่างที่ได้ยกตัวอย่างในเขต อ.พระสมุทรเจดีย์ ประชาชนดั้งเดิมที่ประกอบอาชีพประมงหน้าบ้าน ไม่สามารถที่จะย้ายถิ่นฐานไปทำอาชีพอื่นได้เลย เพราะว่า พื้นที่ตรงนั้น ไม่สามารถปลูกผัก ปลูกข้าว ปลูกปาล์ม สามารถทำได้อย่างเดียว คือ ทำประมงหน้าบ้าน ส.ส.ไพลิน ยังได้กล่าวอีกว่า จากการศึกษาและได้ไปสอบถาม พบว่า ในมาตรา 67 ในคำว่าโพงพางและอวนลาก จะเขียนไว้ว่า ความในวรรค 1 และวรรค 3 มิให้บังคับใช้แก่การศึกษาวิจัย ซึ่งกระทำโดยทางราชการ เพื่อประโยชน์ในการหาขนาดช่องตาอวนที่เหมาะสม ที่ประชาชนพึงได้รับ โดยได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ความในวรรค 1 มิให้ใช้บังคับแก่ผู้ทำการประมงพื้นบ้าน หรือประมงน้ำจืด ที่ได้รับอนุญาตผ่อนปรนให้ใช้เครื่องมือทำการประมงตามรูปแบบ เครื่องมือ ขนาดเรือ วิธีการทำประมงพื้นบ้าน ที่ทำประมงและเงื่อนไข ที่อธิบดีประกาศกำหนด ในเมื่อมีการเปิดช่องให้ทำการศึกษาวิจัยแล้ว เราควรมีผู้ริเริ่ม ดำเนินการ พวกเราในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน ที่ได้รับเลือกเข้ามาแก้ปัญหาจึงขอเสนอตั้งกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาเรื่องนี้ รวมถึงหาเจ้าภาพหรือหน่วยงานหลักในการศึกษา เชื่อว่าเราจะสามารถช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้เป็นอย่างดี อาจจะช้าไปนิด แต่ไม่สายเกินไปที่เราจะช่วยกันผลักดันในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และผลักดันให้ประชาชนสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ นอกจากจะช่วยให้พวกเขามีรายได้ ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์อาชีพพื้นบ้านที่มีการทำกินมาช้านาน รวมถึงการรักษาวิถีอัตลักษณ์ดั้งเดิมให้คงอยู่ตลอดไป https://www.thairath.co.th/news/politic/1911075
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เปลี่ยนลุคใหม่! เมืองพัทยาทุ่มกว่า 160 ล.ปรับสภาพชายหาดครั้งใหญ่ เอาใจนักท่องเที่ยวไทย ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปลี่ยนลุคใหม่! เมืองพัทยา ทุ่มกว่า 160 ล้านบาท ปรับภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาครั้งใหญ่ ตั้งแต่พัทยาเหนือถึงปากทางเข้าวอล์กกิ้งสตรีท หวังสร้างแรงดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวไทย ทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มที่จอดรถ ผุดห้องน้ำใต้ดิน คาดเริ่มได้ 1 ต.ค.นี้ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งมีนักท่องเที่ยวหลักเป็นชาวต่างชาติที่มีสัดส่วนมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี ไม่เพียงแต่ทำให้ภาคธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่ต้องปิดตัว หรือปิดบริการชั่วคราวจนทำให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก และสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมหาศาลเท่านั้น การไม่สามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ยังทำให้เมืองพัทยาต้องเร่งรัดเรื่องการปรับแผนยุทธศาสตร์ทางการท่องเที่ยวใหม่ เพื่อสร้างแรงดึงดูดในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยให้เดินทางเข้ามาพักผ่อนยังเมืองพัทยา ให้มากยิ่งขึ้น แต่การประสบปัญหาเรื่องที่จอดรถสาธารณะที่ไม่เพียงพอรองรับปริมาณรถยนต์จากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวเป็นกลุ่มและครอบครัวด้วยรถยนต์ส่วนตัว ทำให้เมืองพัทยา ต้องจัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดพัทยาขึ้นใหม่ รวมทั้งเร่งจัดตั้งงบประมาณ รวมทั้งออกแบบรูปแบบโครงการจนแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เผยถึงรายละเอียดของแผนงานว่า นอกจากจะเร่งปรับสภาพภูมิทัศน์ตลอดแนวชายหาดใหม่ตั้งแต่บริเวณชายหาดพัทยาเหนือ ไปจนถึงปากทางเข้าวอล์กกิ้งสตรีท ซึ่งจะเน้นในเรื่องการปรับพื้นที่เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย และพื้นที่สันทนาการได้แล้ว ยังต้องมีการจัดทำห้องน้ำใต้ดินเพื่อลดปัญหาการบดบังภูมิทัศน์ที่สวยงามของชายหาดเมืองพัทยา รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่ชายหาดด้วยการปลูกไม้ยืนต้นที่เหมาะต่อสภาพชายทะเล อย่างเช่น ต้นมะพร้าว ตามที่กรมเจ้าท่า ได้เคยสำรวจถึงความเหมาะสมไว้ นอกจากนั้น ยังจะปรับปรุงทางเดินเท้าและฟุตปาธสาธารณะใหม่เพื่อขยายพื้นที่จอดรถให้มากขึ้น โดยจะใช้งบประมาณดำเนินการจากงบอุดหนุนของส่วนกลางซึ่งเป็นงบเร่งด่วนเพื่อปรับยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวในปีงบประมาณ 2564 จำนวนกว่า 160 ล้านบาท "ขณะนี้แผนงานดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และหากแล้วเสร็จก็จะทำให้ชายหาดพัทยามีความสวยงามและเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น" นายสนธยา กล่าว https://mgronline.com/local/detail/9630000083619
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
สุดสลด! พบเต่าตนุ เกยตื้นตาย บนหาดจอมเทียน จนท.ส่งชันสูตรหาสาเหตุ วันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชายหาดจอมเทียน พัทยา ตรงข้ามซอยจอมเทียน 17 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีเต่าทะเลขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัม ขึ้นมาตายเกยตื้นบนพื้นทรายบนชายหาด ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาพากันเข้ามาบันทึกภาพ จากการตรวจสอบยังไม่พบร่องรอยบาดแผลแต่อย่างใด จากการสอบถามผู้ที่มาพบเต่าตัวดังกล่าวเกยตื้น ทราบว่า สังเกตเห็นคลื่นทะเลซัดเต่าเข้ามาติดที่หาดทราย ตอนแรกคิดว่ายังมีชีวิตอยู่ ก็พากันเข้ามาดูแล้วถ่ายรูป แต่เมื่อสังเกตก็พบว่าตายไปเสียแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเลกองทัพเรือสัตหีบเข้าตรวจสอบ ทราบว่าเป็นเต่าตนุ อายุประมาณ 15 ปี ก่อนเคลื้อนย้ายไปตรวจชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไป นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านบางรายมาลูบคลำที่กระดองของเต่าเพื่อหาเลข ไปเสี่ยงดวงในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ซึ่งตรงกับวันออกสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย https://www.khaosod.co.th/update-news/news_4713873
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
เร่งช่วยโลมากระโดดยาวกว่า 1 เมตรว่ายน้ำเข้าชายหาดบ้านน้ำเค็มกระแทกหินบาดเจ็บ ภาพนาทีโลมากระโดด ยาวกว่า 1 เมตรว่ายน้ำเข้าชายหาดบ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า กระแทกหินจนได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่เร่งนำไปดูแลรักษา วันที่ 15 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายมนัสศักดิ์ ยวนแก้ว ผู้ใหญ่บ้านบ้านน้ำเค็ม หมู่ที่ 2 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงาว่า ชาวบ้านได้พบโลมาขนาดใหญ่ว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้นบริเวณชายฝั่งทะเล ม.2 บ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และพบโลมาเกยตื้นได้รับบาดเจ็บลักษณะเป็นแผลบริเวณครีบ ตลอดลำตัว บาดแผลไม่ลึกเนื่องจากโดนโขดหินและเศษปูน เบื้องต้นนายจักรพันธ์ ม่วงยิ้ม ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการมีส่วนร่วม สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 นายสุริยะ สอนเสริม ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) ได้เข้ามาช่วยดูแลพบเป็นโลมากระโดด จำนวน 1 ตัว ขึ้นเกยตื้นบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ตรวจสอบเบื้องต้นโลมามีอาการบาดเจ็บเป็นรอยแผล บริเวณศีรษะ ครีบอกทั้ง 2 ข้าง ครีบหลัง และครีบหาง เนื่องจากเกยตื้นขึ้นมาชนหินโสโครกบริเวณชายหาด จึงได้ประสานสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน เพื่อนำไปอนุบาลที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธารต่อไป https://www.naewna.com/local/511895
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|