#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณด้านรับลมมรสุมของภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุระดับ 3 (โซนร้อน) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 4 (โซนร้อนกำลังแรง) "ไมสัก" แล้ว ซึ่งคาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 28 -29 ส.ค. 63 ร่องมรสุมกำลังอ่อนลงพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อย ส่วนในช่วงวันที่30 ส.ค. ? 3 ก.ย. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุระดับ 1 (ดีเปรสชัน) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและทะเลญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. ?3 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
พิษโลกร้อน ทำฉลามเกิดมาพิการไม่มีฟัน ไร้ผิวหนัง ชาวประมงอิตาลีพบฉลามอยู่ในสภาพผิดปกติ ไม่มีฟัน ไร้ผิวหนัง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นี่เป็นผลกระทบจากสารเคมีที่ปนเปื้อนในน้ำทะเล และน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น จากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่มา : Dailymail (27 ส.ค.) ทีมผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยคาเกลียรี ในอิตาลี เปิดเผยในวารสารชีววิทยาปลา ว่าพบ ฉลามกบปากดำ (blackmouth catshark) เพศเมียตัวหนึ่ง อยู่ในสภาพไร้ผิวหนังและไม่มีฟัน โดยระบุว่า เป็นผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยน และการปนเปื้อนในน้ำทะเล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พบปลาได้รับผลกระทบต่อโครงสร้างผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นหนังกำพร้า (epidermis) หนังแท้ชั้น "สตราตัม แลคซัม"(stratum laxum) เกล็ด (dermal denticles) และฟัน ในปลากระดูกอ่อนอย่างฉลามที่ว่ายน้ำอย่างเสรีในท้องทะเล รายงานระบุว่า ชาวประมงไปพบฉลามตั้งนี้ ที่มีลักษณะแปลกติดขึ้นมากับอวนน้ำลึก บริเวณนอกชายฝั่งเกาะซาร์ดีเนีย โดยเชื่อว่า ฉลามสูญเสียผิวหนังไปหลังจากสัมผัสถูกสารเคมี ในแหล่งน้ำที่มีสภาวะเป็นกรด และมีการปนเปื้อนในน้ำทะเล เนื่องมาจากการเกิดปัญหาความเปลี่ยนของสภาพอากาศ ขณะที่ปลาเกิดมามีลักษณะที่ผิดปกติแบบนี้มักจะตายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ฉลามตัวนี้กลับมีการปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตต่อไป อย่างการกลืนเหยื่อเข้าไปทั้งตัวโดยไม่เคี้ยว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังไม่แน่ใจว่าการเกิดมาผิดปกติแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม การทำงานของร่างกาย หรือผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาของปลาหรือไม่ โดยเชื่อว่าเป็นผลของสารเคมีที่ปนเปื้อนในน้ำ ประกอบกับอุณหภูมิของน้ำที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1919636
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ซากโลมาปากขวดสีชมพูถูกคลื่นซัดเกยหาดเกาะสมุย คาดถูกใบพัดเรือฟันท้องแตกตาย สุราษฎร์ธานี - คลื่นซัดซากโลมาปากขวดสีชมพู ยาวเกือบ 3 เมตร น้ำหนักกว่า 150 กิโลกรัม เกยหาดเกาะสมุย สภาพท้องแตกไส้ทะลัก คาดถูกใบพัดเรือฟันตายมาแล้วกว่าสัปดาห์ วันนี้ (28 ส.ค.) น.ส.วางคณา เชาวลิต อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรม เดอะพาสเสจ สมุย วิลลา แอนด์รีสอร์ท ว่า พบโลมาขนาดใหญ่ไม่ทราบชนิด ตาย ถูกคลื่นซัดลอยอยู่ในทะเลชายหาดหน้าโรงแรม จึงได้นำสมาชิกอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบซากโลมาขนาดใหญ่ ไม่ทราบเพศ พร้อมกันนี้ มีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงโรงแรมมามุงดู โดยพบว่าบริเวณท้องถูกของมีคมตัดจนท้องแตก ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล พร้อมกันนี้ ชาวบ้านได้นำตลับเมตรมาวัดความยาวของซากโลมา พบว่า มีความยาว 2.30 เซนติเมตร อายุประมาณ 10-15 ปี น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ในเบื้องต้น จากการตรวจสอบ พบว่า เป็นโลมาปากขวดสีชมพู ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ น.ส.วางคณา เชาวลิต อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย เปิดเผยว่า โลมาที่ถูกคลื่นซัดลอยมาติดชายหาดทะเลเกาะสมุย ตัวไม่ใหญ่เท่ากับตัวนี้ โดยตัวนี้มีขนาดลำตัวใหญ่ และยาว ซึ่งเชื่อว่า ฝูงโลมาปากขวดสีชมพู ประเภทนี้มักอาศัยอยู่ในทะเล ระหว่างเกาะสมุย และฝั่งอำเภอขนอม จ.นครศรีธรรมราช ส่วนสาเหตุที่ตายเชื่อว่า น่าจะโดนใบจักรเรือพัดเข้าลำตัว ทำให้ท้องแตก และตาย จนถูกคลื่นซัดลอยมาติดที่ชายหาดหน้าโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปตนได้ถ่ายภาพเอาไว้ พร้อมนำซากโลมาตัวนี้ไปขุดหลุมฝัง เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นไปรบกวนชาวบ้านและนักท่องเที่ยว สำหรับโลมาปากขวด จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อยู่ในบัญชีสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย นับวันโลมาประเภทนี้ได้ตายลงอย่างต่อเนื่อง ในรอบปีนี้พบว่ามีโลมา หลายสายพันธุ์ตายและลอยมาติดชายหาดเกาะสมุย เป็นตัวที่ 7 แล้วในรอบปีนี้ https://mgronline.com/south/detail/9630000088454
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ยามชายฝั่งยิงฉลาม น้ำกระจาย เล่นทะเลอยู่ดีๆ จู่ๆ โผล่มาวงแตก ยามชายฝั่งยิงฉลาม - ซีเอ็นเอ็น รายงานเหตุการณ์ระทึกกลางทะเล เมื่อเจ้าหน้าที่ยามชายฝั่งชาวอเมริกันอยู่ระหว่างพักร้อนไปท่องเที่ยวเล่นน้ำกันอยู่ที่เกาะประเทศฟิจิ จู่ๆ มีฉลามตัวใหญ่โผล่เข้ามาเขย่าขวัญจนวงแตกฮือ ยามชายฝั่งคัตเตอร์ คิมบอลล์ของสหรัฐอเมริกา เขียนบรรยายเล่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ในเฟซบุ๊กว่า กลุ่มเพื่อนๆ กว่า 30 คน ลงไปว่ายน้ำเล่นในทะเลและนำห่วงยางยูนิคอร์นไปเล่นด้วย ตอนนั้นอากาศดีมาก แต่ทันใดนั้น ก็สังเกตเห็นฉลาม ความยาวประมาณ 1.8 ? 2.4 เมตร อยู่ห่างออกไปประมาณ 9 เมตรและกำลังว่ายน้ำมุ่งหน้ามาทางกลุ่มคนเล่นน้ำ เพจยามชายฝั่งคัตเตอร์ คิมบอลล์ เขียนว่า ทุกคนกำลังแฮปปี้ ยิ้มหัวเราะร่า สมบูรณ์แบบ จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่สะพานเดินเรือตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารว่า "ฉลาม" สิ้นเสียงคำว่า "ฉลาม!!!" ซามูเอล ซินตรอน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งเล็งไปที่ฉลามและยิงปืน 2-3 นัดจากบนเรือไปจุดที่ฉลามว่ายน้ำอยู่ ทำให้น้ำแตกกระจาย ส่วนฉลามว่ายหนีไป แต่อีก 2-3 วินาทีต่อมา มันกลับมาอีก ทำให้กลุ่มที่เล่นน้ำกลางทะเลต่างว่ายน้ำหนีเอาตัวรอด บางคนขึ้นเรือเล็ก บางคนว่ายมาเกาะบันไดด้านใบพัดเรือและบางคนว่าไปทางท้ายเรือ ซินตรอนยังคงยิงฉลามต่อไป ปืนแต่ละนัดมีอานุภาพเพียงทำฉลามตกใจว่ายหนีไปเพียงไม่กี่วินาทีแล้วก็วกกลับมาอีก ซินตรอนจึงยิงปืนต่อไปจนกระทั่งเพื่อนๆ ปลอดภัย หลังจากดูคลิปวิโอซ้ำๆ เจ้าหน้าที่ยามชายฝั่งเชื่อว่าน่าจะเป็นฉลามมาโกะครีบยาวหรือฉลามหางดาบซึ่งไม่ควรไปแหยมกับมัน ช่างโชคดีที่สมาชิกยามชายฝั่งทุกคนปลอดภัย รวมทั้ง ห่วงยางยูนิคอร์นด้วย ลูกเรือกล่าวว่าฉลามคงไม่บาดเจ็บเพราะหลังจากนั้น มันว่ายไปหาฉลามตัวเล็กกว่าอีก 2-3 ตัวและว่ายน้ำด้วยกัน https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_4802784
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|