เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 01-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 1 กันยายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) "ไมสัก" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปยังประเทศเกาหลีในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. 2563 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 ? 4 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 5 - 6 ก.ย. 63 ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมผ่ายตะวันออกพัดเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) ?ไมสัก? บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีการเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. 63 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 1 ? 4 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนในช่วงวันที่ 5-6 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 01-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


อังกฤษรณรงค์เลิกต้มกุ้งเป็นๆ หลังรายงานแพทย์ยัน กุ้งก็มีความรู้สึกเจ็บปวด

สมาคมสัตวแพทย์อังกฤษ รณรงค์เหล่าเชฟเลิกต้มกุ้งที่ยังไม่ตาย หลังรายงานการแพทย์ยืนยันว่า กุ้งก็มีประสาทสัมผัสรับรู้ความเจ็บปวด ต่างจากที่เราเคยรับรู้ก่อนหน้านี้ว่า กุ้งเป็นสัตว์ไม่มีความรู้สึก



วันที่ 30 ส.ค. สมาคมสัตวแพทย์อังกฤษ (British Veterinary Association) นำเสนอเรียกร้องให้บรรดาเชฟ และคนที่ปรุงอาหาร เลิกใช้วิธีการโยนกุ้งอย่างล็อบสเตอร์ หรือเครย์ฟิช ที่ยังเป็นๆ ลงไปในหม้อต้มที่มีน้ำเดือด เพื่อหลีกเลี่ยงการทารุณกรรมต่อสัตว์ แม้เป็นที่เชื่อกันว่าอาหารทะเลที่ถูกปรุงสดแบบเป็นๆ จะมีรสชาติดีกว่า และสัตว์ทะเลมีเปลือกอย่างกุ้งปู และหอยไม่มีประสาทรับรู้ความรู้สึก แต่ล่าสุดมีรายงานยืนยันทางการแพทย์ที่ระบุว่า สัตว์จำพวกมีเปลือก ต่างมีความรู้สึกและความเจ็บปวด เมื่อเราใส่กุ้งที่ยังไม่ตายลงไปในหม้อที่มีน้ำเดือด อาจทำให้กุ้งต้องรู้สึกเจ็บปวดทรมานเป็นเวลานานถึง 15 นาทีในหม้อต้มกว่าที่จะตาย โดยแนะนำให้บรรดาเชฟใช้กระบวนการน็อกกุ้งให้สลบ ก่อนนำไปต้มหรือปรุงด้วยความร้อน

โดยนับเป็นครั้งแรกที่สัตวแพทย์กว่า 18,000 คนรวมตัวกันอ้างอิงผลการศึกษาทางการแพทย์ เพื่อเรียกร้องให้เชฟช่วยกันปกป้องกุ้งและปู ไม่ให้พวกมันต้องเจ็บปวดทรมานก่อนตาย โดยในข้อเรียกร้องระบุว่า อังกฤษเรียกตัวเองว่าเป็นประเทศรักสัตว์แต่กุ้งและปูในอังกฤษกลับถูกลืมมาโดยตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นกับชะตากรรมของพวกมันไม่ต่างจากการสังหารหมู่อย่างทารุณและไม่อาจยอมรับได้ ถึงแม้ว่าจะถูกน็อกให้สลบด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าแล้ว แต่พวกมันยังคงต้องทรมานประมาณ 3 นาทีกว่าจะตายสนิท

ล่าสุดพบว่าเชฟชั้นนำหลายรายออกมาสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้ อย่าง "จิออร์จิโอ โลคาเทลลี" เซเลบริตี้เชฟเจ้าของ "โลคานดา โลคาเทลลี" ร้านอาหารระดับดาวมิชลิน ในกรุงลอนดอน บอกว่าในครัวของที่ร้าน เริ่มใช้อุปกรณ์น็อกกุ้งและปูด้วยไฟฟ้า ซึ่งยังช่วยไม่ให้กุ้งและปูหลั่งฮอร์โมนเวลาที่ตกใจกลัวออกมา เนื้อกุ้งและปูจะมีรสชาติดีขึ้นด้วย

ที่ผ่านมา สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายห้ามปรุงสัตว์มีเปลือกอย่างกุ้ง ปูและหอย ตอนที่มันยังไม่ตาย ตั้งแต่ปี 2561 จากนั้น นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ ออสเตรีย และบางรัฐในออสเตรเลียก็เริ่มทยอยออกกฎหมายบังคับใช้ตามมา

ในขณะที่ล่าสุดกระทรวงกิจการท้องถิ่น อาหาร และสิ่งแวดล้อม ของอังกฤษ ระบุว่า เตรียมจะพิจารณาข้อเสนอนี้เนื่องจากมาตรฐานสวัสดิการการชำแหละสัตว์ของอังกฤษ อยู่ในระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1921252

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 01-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


สื่อนอกประโคม ไทยเล็งผุดท่าเรือน้ำลึกพร้อมแลนด์บริดจ์เชื่อม 2 ฝั่งภาคใต้แทนขุดคลอง ดูดเรือสินค้าจากช่องแคบมะละกา


เรือสินค้าในช่องแคบมะละกา - ภาพ AFP

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อฮ่องกง รายงาน อ้างคำให้สัมภาษณ์ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ไทยตัดสินใจสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งทะเลภาคใต้มีถนนและรถไฟเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน ทดแทนการสร้าง"คลองไทย" เพื่อร่นระยะเวลาเดินเรือสินค้าจากฝั่งมหาสมุทรแปซฟิกไปมหาสมุทรอินเดียโดยไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา

วันนี้(31 ส.ค.) เว็บไซต์หนังสือพิม์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ของฮ่องกง ได้นำเสนอรายงานว่า รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาก่อสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินเรือที่หนาแน่นที่สุดในโลกในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ช่องแคบมะละกา ช่องทางการเดินเรือแคบๆ บริเวณฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแหลมมะลายูและสิงคโปร์ เป็นเส้นทางการส่งสินค้าทางทะเลระหว่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับอินเดีบและตะวันออกกลางที่สั้นที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งมีปริมาณสินค้า 1 ใน 4 ของทั้งโลกถูกขนส่งผ่านเส้นทางนี้ในแต่ละปี

สื่อฮ่องกงอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่า ช่องแคบมะละกาแออัดมาก ถ้าหันมาใช้เส้นทางที่ตัดผ่านประเทศไทยจะร่นระยะเวลาขนส่งทางเรือลง 1-2 วัน ซึ่งถือว่ามีความคุ้มค่าในทางธุรกิจ

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ประเทศไทยมีโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกบริเวณ 2 ฝั่งทะเลภาคใต้ และเชื่อมโยงท่าเรือทั้งสองแห่งด้วยถนนและรถไฟ หรือที่เรียกว่า แลนด์บริดจ์ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร โดยโครงการนี้จะมาแทนการขุดคลองเชื่อมระหว่างอ่าวไทยกับทะเลอันดามันซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อสภาพแวดล้อมอย่างมหาศาล

นายศักดิ์สยามกล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยได้อนุมัติงบประมาณ 75 ล้านบาท ในการสำรวจการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 แห่ง และอีก 90 ล้านบาท สำหรับการสำรวจเส้นทางทางถนนและรถไฟเชื่อมท่าเรือทั้งสอง

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในปีที่ผ่านมา ช่องแคบมะละกานอกจากมีความแออัดแล้วยังถูกคุกคามด้วยโจรสลัดอย่างต่อเนื่อง รายงานจาก ReCAAP ISC องค์กรรวบรวมข้อมูลด้านโจรสลัดที่มีสมาชิก 20 ประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย ระบุว่า เหตุโจรสลัดปล้นเรือสินค้าบริเวณช่องแคบมะละกาได้เพิ่มขึ้จาก 8 ครั้งในปี 2561 เป็น 30 ครั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา
.
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.63 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน "MOT 2020 Move On Together คมนาคมเคียงข้างคนไทย ฟันเฟืองฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง COVID-19" ว่า การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทั้ง 4 มิติ ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศนั้น มีแผนงานครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในส่วนของพื้นที่ภาคใต้จะมีการศึกษาเพื่อพัฒนาท่าเรือน้ำลึก ระดับความลึกที่ 15 เมตร เชื่อมอันดามัน-อ่าวไทย (จ.ชุมพร-จ.ระนอง) ซึ่งได้วาง 2 รูปแบบ คือ พัฒนาท่าเรือเดิมที่มีหรือสร้างท่าเรือใหม่ ซึ่งอาจจะถมทะเล ซึ่งทั่วโลกก็ทำ เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า โดยจะประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน และแก้ปัญหาผลกระทบต่อประชาชน ดังนั้นจะต้องตัดสินใจเรื่องการอนุรักษ์และบูรณาการให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่หากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะทำให้เสียโอกาส ซึ่งแม้ตนจะไม่ใช่คนภาคใต้ แต่ก็อยากเห็นภาคใต้เจริญ

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะศึกษาส่วนของท่าเรือน้ำลึก รวมไปถึงเรื่องรูปแบบการลงทุนกับเอกชน (PPP) โดยศึกษาในปี 2564 ใช้เงินจากงบกลาง วงเงิน 75 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในการลงทุน

นอกจากนี้ จะมีโครงการแลนด์บริดจ์ทั้งมอเตอร์เวย์ โดยกรมทางหลวง (ทล.) ใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ศึกษา และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ศึกษารถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทางชุมพร-ระนอง ระยะทาง 109 กม. เพื่อเชื่อมท่าเรือจากฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะได้ข้อสรุปในปี 2565 และนำเสนอนายกฯ ต่อไป

"จะมีคำถามว่า ทำไมถึงไม่ทำคลองคอดกระ เรื่องนี้เพราะปัญหาระดับน้ำทะเลอันดามันและอ่าวไทยไม่เท่ากัน ทำให้ต้องสร้างสถานีสำหรับปรับระดับน้ำ ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมาก และเสียเวลามากกว่ารูปแบบการทำท่าเรือ และแลนด์บริดจ์มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่เชื่อม ซึ่งจะไม่ตอบโจทย์การประหยัดเวลาและงบประมาณในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ทางน้ำ"นายศักดิ์สยามกล่าว


https://mgronline.com/south/detail/9630000089366

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:14


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger