#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 27-29 กันยายน 2563 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่แนวร่องมรสุมปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 27 กันยายน ? 2 ตุลาคม 2563 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่แนวร่องมรสุมปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 27 ก.ย. ? 2 ต.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ออสเตรเลียช่วยวาฬนำร่องเกยตื้นได้ 108 ตัว สลดตายเกือบ 350 ตัว สรุปเหตุวาฬนำร่องเกยตื้นที่ออสเตรเลีย มีวาฬรอดชีวิตทั้งสิ้น 108 ตัว ส่งกลับลงทะเลทั้งหมดแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังหาทางจัดการกับซากวาฬที่ตายไปถึง 350 ตัว สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาะแทสมาเนีย ของออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์ยืนยันในวันเสาร์ที่ 26 ก.ย. 2563 ว่า เหตุวาฬนำร่องครีบยาวเกยตื้นครั้งใหญ่ที่ชายหาดบริเวณอ่าว 'แมคควอรี ฮาร์เบอร์' ทางตะวันตกของเกาะเมื่อสัปดาห์ก่อน มีวาฬรอดชีวิต 108 ตัว ซึ่งทั้งหมดถูกส่งกลับลงทะเลไปแล้ว และเชื่อว่าไม่มีวาฬตัวอื่นรอดอีก เหตุเกยตื้นดังกล่าวทำให้มีวาฬนำร่องตายไปประมาณ 350 ตัว นับเป็นเหตุวาฬเกยตื้นครั้งรุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้น โดยในตอนนี้เจ้าหน้าที่หันไปให้ความสำคัญกับการจัดการซากวาฬ โดยมีการฝังในทะเล 15 ตัวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อทดลองว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ผลดีหรือไม่ ด้าน ดร.คริส คาร์ลียง นักชีววิทยาสัตว์ป่าจากโครงการอนุรักษ์สัตว์น้ำ (MCP) กล่าวว่า นี่เป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากความพยายามอย่างยากลำบากของทีมช่วยเหลือตลอด 5 วันที่ผ่านมา "เรามีวาฬกลับมาเกยตื้นใหม่เพียงตัวเดียวในคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก เนื่องจากเมื่อวาน (วันศุกร์) มีวาฬถูกส่งกลับทะเลถึง 20 ตัว" ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จำต้องทำการุณยฆาตวาฬนำร่องไป 4 ตัว เนื่องจากพวกมันมีอาการเหนื่อยล้ามากเกินกว่าจะช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ทั้งนี้ วาฬนำร่องกว่า 270 ตัวเกยตื้นที่หาดบริเวณอ่าว แมคควอรี ฮาร์เบอร์ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 21 ก.ย. ก่อนจะมาเกยเพิ่มอีก 200 ตัวในวันต่อมา โดยที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ แต่วาฬนำร่องมักตกเป็นข่าวมาเกยตื้นตามชายหาดอยู่บ่อยครั้ง นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ บ้างก็ว่า วาฬเกยตื้นเพราะสับสนเส้นทางระหว่างตามเหยื่อเข้าสู่ชายฝั่ง ขณะที่บางคนเชื่อว่า มีวาฬตัวหนึ่งนำฝูงไปผิดทางจนมาเกยหายทั้งฝูง หรืออาจเป็นเพราะโซนาร์ตามธรรมชาติของวาฬตรวจจับแนวชายฝั่งในพื้นที่น้ำตื้นได้ไม่ดี https://www.thairath.co.th/news/foreign/1938568
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
กลุ่มประเทศแปซิฟิกกระตุ้นชาวโลกรักษาสิ่งแวดล้อม ในขณะที่วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 กำลังเป็นวาระเร่งด่วนระดับโลก กลุ่มประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกกล่าวว่า วิกฤติโลกร้อนเป็นภัยคุกคามที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ว่าประธานาธิบดีเดวิด ปานูเอโล ผู้นำสหพันธรัฐไมโครนีเซีย แถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) เมื่อวันศุกร์ มีใจความตอนหนึ่งว่า นอกเหนือจากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ตอนนี้ชาวโลกกำลังอยู่ใน "สงครามโลก" ที่เป็นการต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ ทั้งไฟป่ารุนแรงในสหรัฐ พายุกำลังก่อตัวในมหาสมุทร และอุทกภัยในเอเชีย United Nations ? อย่างไรก็ตาม มนุษย์สามารถ "เป็นผู้ชนะ" เหนือภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ได้ ขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นตามแนวทางปฏิบัติซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนในข้อตกลงปารีส "ด้วยความเป็นเอกภาพ" ผู้นำไมโครนีเซียกล่าวด้วยว่า กลุ่มประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก "เป็นด่านหน้า" ของการแบกรับความเสี่ยงจากวิกฤติโลกร้อน United Nations ? ขณะที่นายกรัฐมนตรีคอซี นาตานู ผู้นำตูวาลู กล่าวว่าแม้ตูวาลูเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลก ซึ่งยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 แต่ผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับทุกประเทศ ตูวาลูก็เช่นกัน อุตสาหกรรมประมงและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะภาวะชะงักงันที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานโลกมีผลต่อความความปลอดภัยด้านอาหาร ? ทั้งนี้ ผู้นำตูวาลูกล่าวว่าความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาใดก็ตาม "ไม่ควรทิ้งใครไว้ข้างหลัง" การตอบสนองต่อวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ถือเป็นวาระเร่งด่วน แต่วิกฤติสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นปัญหายืดเยื้อที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน United Nations ? ด้านประธานาธิบดีทาเนติ มาเมา ผู้นำคิริบาส หรือคิริบาตี กล่าวว่าจริงอยู่ที่การแก้ไขวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 "เป็นวาระฉุกเฉิน" แต่ความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศเป็นความท้าทายใหญ่หลวงสำหรับทุกภาคส่วนบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ความมั่นคง และความปลอดภัยของชาวหมู่เกาะแปซิฟิก https://www.dailynews.co.th/foreign/797732
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
สุดอึ้ง! พลาสติกในท้องลูกเต่า 104 ชิ้น ที่รัฐฟลอริดา "เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกเต่าทะเลอ่อนแรงถูกซัดขึ้นฝั่งในเมืองโบคาเรตัน รัฐฟลอริดา ต่อมาไม่นานมันก็ตาย เมื่อชันสูตรก็ต้องตกใจเมื่อพบสารพัดพลาสติก นับเป็นจำนวนถึง 104 ชิ้นอยู่ในช่องท้อง มีตั้งแต่กระดาษห่อลูกโป่งไปจนถึงฉลากขวดพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่สายที่ใช้รัดถุงขยะก็มี" ตามที่ South Florida Sun-Sentinel รายงาน ศูนย์ธรรมชาติกัมโบลิมโบ (Gumbo Limbo Nature Center) ในโบคาเรตัน ได้แชร์ภาพถ่ายลูกเด่า และพลาสติกทั้งหมดที่พบในท้อง ลงบนเฟซบุ๊ก จนทำให้คนเข้าไปโพสต์และแชร์จำนวนมาก Emily Mirowski ผู้ช่วยฟื้นฟูเต่าทะเลที่ศูนย์ฯ กล่าวว่าได้ทำการตรวจสอบเต่าก่อนที่มันจะตาย "สภาพของลูกเต่าที่พบอ่อนแอและผอมแห้ง ฉันบอกได้เลยว่ามันทำได้ไม่ดีนัก" ทางเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูให้ยาขับปัสสาวะแก่เต่าเพื่อพยายามล้างพลาสติกออกจากระบบทางเดินอาหาร แต่มันก็ไม่รอด และสิ่งที่ทำให้คนผ่าพิสูจน์ตกใจ ก็เมื่อยิ่งผ่าช่องท้องเข้าไป ก็ยิ่งพบพลาสติกออกมาจากท้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นฤดูแห่งการชะล้างที่ Gumbo Limbo ซึ่งตามแนวชายฝั่งมักจะพบลูกเต่าตัวเล็กๆ และอ่อนแอ พวกมันต้องการความช่วยเหลือจากเรา และการช่วยเหลือก็ไม่ได้ทำให้มันรอด 100% "ไม่น่าเชื่อเลยว่าพลาสติกจำนวนมากสามารถอยู่ในเต่าตัวเดียวได้ เราทำการผ่าศพเต่าทุกตัวที่ตายเพราะเป็นวิธีการระบุสาเหตุของการตาย พวกเต่าที่เรานำมาปฐมพยาบาลได้รับความทุกข์ทรมานจากการขาดสารอาหาร เนื่องจากการบริโภคพลาสติก กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วที่ ศูนย์ธรรมชาติกัมโบลิมโบ" "สำหรับลูกเต่าตัวนี้มีขนาดพอดีกับฝ่ามือของคุณ แต่กินพลาสติกไปถึง 104 ชิ้น" นี่เป็นคำเตือนที่น่าเศร้าเพื่อให้เราทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อให้มหาสมุทรของเราปราศจากพลาสติก มลพิษจากพลาสติกเป็นโลกที่น่าเศร้าของเต่า แต่พวกเราก็อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกันอยู่ด้วย หากพวกเขาได้รับการดูแลให้กลับมามีสุขภาพดี พวกเขาก็จะถูกนำกลับคืนทะเล ซึ่งก็เสี่ยงต่อการกินพลาสติกอีกครั้ง https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000098737
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ลุยศึกษา 'แลนด์บริดจ์' หนุน 'ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้' รุกแผนระยะยาว 1.02 แสนล้าน รัฐบาลยืนยัน ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ไม่สะดุด มองผลระยะยาวพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ประตูสู่ตลาดเอเชียใต้ ศึกษาแลนด์บริดจ์อันดามัน-อ่าวไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย.63 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม จ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุนใน "โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (Land bridge)" คาดจะรู้ผลกลางปี 2566 ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงการขนส่งและคมนาคมอย่างครบถ้วนระหว่าง EEC (ฝั่งอ่าวไทย) และ SEC (ฝั่งอันดามัน) เพิ่มศักยภาพในการรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าจากพื้นที่ EEC เพื่อส่งออกและนำเข้าไปยังประเทศแถบมหาสมุทรอินเดียโดยตรง และเชื่อมต่อไปยังกลุ่ม BIMSTEC ประเทศตะวันออกกลาง และยุโรปได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนแผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor: SEC) ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และทางออกทางทะเลของภาคใต้ตอนบน ควบคู่ไปกับการเดินหน้าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายใต้กรอบการพัฒนา SEC ประกอบด้วย 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (Western Gateway) 2) การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (Royal Coast & Andaman Route) 3) การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูง (Bio-Based & Processed Agricultural Products) และ 4) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และวัฒนธรรม (Green & Culture) ซึ่งโครงการเริ่มตั้งแต่ระยะ 2562-2565 และยังมีแผนระยะยาวปี 2566 เป็นต้นไป รวม 111 โครงการ วงเงินเฉพาะที่ต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน 102,418 ล้านบาท มีโครงการ อาทิ โครงการพัฒนาท่าอากาศยาน นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ระนอง โครงการพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการตลาดของท่าเรือระนองรองรับกลุ่ม BIMSTEC ที่มีประชากรกว่า 1.5 พันล้านคน (บังคลาเทศ อินเดีย เมียนมา ศรีลังกา ภูฏาน และเนปาล) โครงการพัฒนาถนนเลียบชายทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามันสู่พื้นที่ตอนใน โครงการขยายทางหลวงระนอง-พังงาเป็น 4 ช่องจราจร โครงการศึกษาออกแบบ/ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม รถไฟสายใหม่ระนอง-ชุมพร โครงการสนับสนุนการแปรรูปสมุนไพรแบบครบวงจร โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็น ASEAN Digital Hub "แม้เศรษฐกิจประเทศจะอยู่ในภาวะหดตัวเช่นเดียวกับประเทศทั่วโลก เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าวางรากฐานเพื่อการพัฒนาประเทศและการลงทุน เพราะในระยาวเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ และการเชื่อมโยงการคมนาคมและขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศถือเป็นการวางพื้นฐานสำคัญ รัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉยรอความหวังจะถึงวันเศรษฐกิจดีขึ้น" รองโฆษกฯ กล่าว https://www.bangkokbiznews.com/news/...paign=economic
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|