#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรงดการเดินเรือ ในระยะ 1-2 วันนี้ อนึ่ง พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) "หลิ่นฟา" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณเมืองอัตตะปือ ประเทศลาว แล้ว ทำให้ด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ตลอดช่วง ในขณะที่ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมในระยะนี้ อนึ่ง พายุโซนร้อน "หลิ่นฟา" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง และเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 11-12 ตุลาคม 2563 ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของประเทศไทย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือในบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) (มีผลกระทบถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2563)" ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (12 ตุลาคม 2563) พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) "หลิ่นฟา" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณเมืองอัตตะปือ ประเทศลาว แล้ว ทำให้ด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ในช่วงวันที่ 11?12 ตุลาคม 2563 มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือขนาดเล็กงดการเดินเรือ อนึ่ง พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (โซนร้อน) ในระยะต่อไป คาดว่า จะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะไหหลำในช่วงวันที่ 13 ? 14 ตุลาคม 2563
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
เที่ยว'บางแสน'กันมั้ย! ทะเลใส-ทรายขาวหลัง'โควิด' ค่ำๆแบบนี้ดูหาดทรายขาว น้ำทะเลใสๆ หาดบางแสน สวยจริงๆ หลัง"โควิด-19" เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ภายหลังจากที่มีการระบาดไวรัสโควิด-19 ทางเทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการปิดถนนและปิดหาดชั่วคราว ซึ่งล่าสุดแฟนเพจเฟซบุ๊ก "ชอบจัง บางแสน" ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า กลางคืนก็ใส ทำไมไม่มาเดินเอาเท้าจุ่มน้ำกันล่ะ น้ำเย็นสบาย บรรยากาศดี ฟินระดับ 8 ไปเลย ?โดยภาพเป็นบรรยากาศชายหาดบางแสนที่สวยสดงดงาม ยามค่ำคืน หาดทรายขาวไร้ขยะ น้ำทะเลสวยมาก เรียกได้ว่าฟินสุด ๆ กันจนอยากจะวิ่งลงทะเลกันเลยทีเดียว https://www.dailynews.co.th/regional/800484 ********************************************************************************************************************************************************* มาเลเซียจับกุมเรือประมงจีน6ลำรุกล้ำน่านน้ำ หน่วยตำรวจน้ำมาเลเซียจับกุมเรือประมงจีน 6 ลำ พร้อมลูกเรือรวม 60 คน ฐานล่วงล้ำน่านน้ำของมาเลเซีย และการตรวจสอบพบว่า กำลังเดินทางไปแอฟริกาตะวันตก . สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ว่า ทางการมาเลเซียบันทึก น่านน้ำมาเลเซียถูกรุกล้ำรวม 89 ครั้ง โดยเรือของหน่วยเรือลาดตระเวนชายฝั่งและของกองทัพเรือจีน ระหว่างปี พ.ศ. 2559 ? 2562 ท่ามกลางความตึงเครียดลุกลาม ระหว่างสหรัฐกับจีน จากประเด็จจีนอ้างกรรมสิทธิเหนือน่านน้ำส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และเส้นทางผ่านสำคัญของเรือบรรทุกสินค้า สำนักงานตำรวจน้ำมาเลเซีย หรือ เอ็มเอ็มอีเอ (Malaysian Maritime Enforcement Agency) เรือประมงและลูกเรือจีน ถูกจับกุมในทะเลนอกชายฝั่งรัฐยะโฮร์ ทางภาคใต้ เมื่อวันศุกร์ (9 ต.ค.) นายโมฮัมหมัด ซุลปัดลิ นายาน ผู้บังคับการเขตเอ็มเอ็มอีเอ กล่าวว่า การตรวจสอบเรือที่จับกุมพบว่า ทุกลำจดทะเบียนที่เมืองท่าฉินหวงเต่า มณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ลูกเรือที่ถูกจับกุมเป็นไต้ก๋ง 6 คน ลูกเรือ 54 คน เป็นชาวจีนทั้งหมด อายุระหว่าง 31?60 ปี ? เรือทั้ง 6 ลำที่จับกุม ไม่มีสินค้าบรรทุก เชื่อว่ากำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่มอริเตเนีย ประเทศริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา แต่จำเป็นต้องแวะจอดเนื่องจากเกิดปัญหาบางอย่าง ช่วงต้นปีนี้ เรือวิจัยของจีนลำหนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ทำการสำรวจในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของมาเลเซีย ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับเรือสำรวจแหล่งน้ำมันของมาเลเซีย ในเขตน่านน้ำพิพาท https://www.dailynews.co.th/foreign/800494
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
รัฐบาลเดินหน้าศึกษาแลนด์บริดจ์ เชื่อมทะเลชุมพร - ระนอง รองโฆษกรัฐบาลย้ำรัฐบาลเดินหน้าศึกษาแลนบริดจ์เชื่อมสองฝั่งทะเลระนอง - ชุมพร ลดเส้นทางขนส่งทางเรือ 2 วัน คาดศึกษาแล้วเสร็จภายใน 1 ปี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เน้นความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก พึงพาตนเอง พร้อมมุ่งที่การลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข็งขัน โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม กำลังทำการศึกษาโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ระหว่างท่าเรือจังหวัดชุมพรกับท่าเรือจังหวัดระนอง ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยย่นเวลาเดินทางของเรือสินค้าจากเส้นทางปกติได้กว่า 2 วัน "โครงการแลนด์บริดจ์ จะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี ศึกษาแล้วจะสามารถเริ่มโครงการได้ภายใน 2 ปีครึ่ง จากแผนจะมีการสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ที่จังหวัดชุมพรและระนอง เชื่อมต่อกันด้วยการสร้างเส้นทางขนส่งทางบก โดยมีทั้งรถไฟทางคู่ และทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์) ซึ่งจะทำให้เรือสินค้าที่ใช้เส้นทางปกติ หันมาขนส่งเส้นทางนี้แทน คาดว่าจะส่งผลในทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก"นางสาวไตรศุลี กล่าว ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้แนวทางการศึกษาโครงการ โดยต้องดูอย่างสมบูรณ์ รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็น ความคุ้มค่า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor: SEC) ที่ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงการขนส่งและคมนาคมอย่างครบถ้วนต่อโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย ยุทธศาสตร์สำคัญของโครงการนี้ คือการเชื่อมโยงระหว่าง 2 ภูมิภาค คือการเชื่อมตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมัน ยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ ไปสู่เอเซียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฯลฯ ซึ่งเปรียบเสมือนผู้บริโภคน้ำมันและโรงงานโลก โดยผ่านไทย โดยโครงการนี้มีแผนที่จะร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งนายศักดิ์ สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้แนวทางการร่วมลงทุนว่า ภาคเอกชนที่สนใจต้องร่วมลงทุนทั้ง ท่าเรือน้ำลึก รถไฟทางคู่และมอเตอร์เวย์ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/902009
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก PPTV
รัฐบาล เดินหน้าศึกษาแลนด์บริดจ์ เชื่อมทะเลชุมพร-ระนอง รัฐบาล เดินหน้าศึกษาแลนด์บริดจ์ เชื่อมทะเลชุมพร-ระนอง คาดช่วยย่นเวลาเดินทางของเรือสินค้าจากเส้นทางปกติได้กว่า 2 วัน วันที่ 11 ต.ค. 2563 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เน้นความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก พึงพาตนเอง พร้อมมุ่งที่การลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข็งขัน โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม กำลังทำการศึกษาโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือ แลนด์บริดจ์ ระหว่างท่าเรือจังหวัดชุมพรกับท่าเรือจังหวัดระนอง ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร คาดว่าจะช่วยย่นเวลาเดินทางของเรือสินค้าจากเส้นทางปกติได้กว่า 2 วัน สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ จะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี ศึกษาแล้วจะสามารถเริ่มโครงการได้ภายใน 2 ปีครึ่ง จากแผนจะมีการสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ที่จังหวัดชุมพรและระนอง เชื่อมต่อกันด้วยการสร้างเส้นทางขนส่งทางบก โดยมีทั้งรถไฟทางคู่ และทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์) ซึ่งจะทำให้เรือสินค้าที่ใช้เส้นทางปกติ หันมาขนส่งเส้นทางนี้แทน คาดว่าจะส่งผลในทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้แนวทางการศึกษาโครงการ โดยต้องดูอย่างสมบูรณ์ รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็น ความคุ้มค่า ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยโครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor: SEC) ที่ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงการขนส่งและคมนาคมอย่างครบถ้วนต่อโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์สำคัญของโครงการนี้ คือการเชื่อมโยงระหว่าง 2 ภูมิภาค คือการเชื่อมตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมัน ยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ ไปสู่เอเซียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฯลฯ ซึ่งเปรียบเสมือนผู้บริโภคน้ำมันและโรงงานโลก โดยผ่านไทย โดยโครงการนี้มีแผนที่จะร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งนายศักดิ์ สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้แนวทางการร่วมลงทุนว่า ภาคเอกชนที่สนใจต้องร่วมลงทุนทั้ง ท่าเรือน้ำลึก รถไฟทางคู่และมอเตอร์เวย์ https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/134737
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
นักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์มากกว่า 350 คน จาก 40 ประเทศ เตือน วาฬและโลมาเสี่ยงสูญพันธุ์ มีวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ (North Atlantic right whale) เหลืออยู่แค่ไม่กี่ร้อยตัวในโลก ที่มาของภาพ,PA MEDIA นักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์มากกว่า 350 คน จาก 40 ประเทศ ร่วมลงนามในจดหมายเรียกร้องให้ทั่วโลกช่วยกันอนุรักษ์วาฬและปลาโลมา พวกเขาบอกว่า สายพันธุ์มากกว่าครึ่งหนึ่งของวาฬและโลมาทั้งหมดอยู่ในภาวะน่ากังวล และมี 2 สายพันธุ์ด้วยกันที่เสี่ยงสูญพันธ์มาก จดหมายฉบับนี้ระบุว่า การไม่จัดการกับสภาพทะเลที่เต็มไปด้วยมลพิษและถูกใช้ประโยชน์มากเกินไปจะทำให้วาฬและโลมาหลายสายพันธุ์สูญพันธุ์ภายในช่วงอายุเรานี้ และแม้แต่วาฬพันธุ์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็อาจเสี่ยงสูญพันธุ์ด้วย ภัยคุกภามเพิ่มขึ้น "Save the whales" หรือ "ช่วยกันรักษาวาฬ" เป็นสโลแกนของนักอนุรักษ์ที่คุ้นหูกันดีจากช่วงทศวรรษที่ 70-80 ซึ่งช่วยนำมาสู่การประกาศยุติการล่าวาฬเชิงพาณิชย์สำเร็จในเวลาต่อมา แต่ตอนนี้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านี้ต้องเผชิญกับภัยอันตรายใหม่ ๆ มากมายจากการกระทำของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นขยะพลาสติก การสูญเสียถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ การถูกล่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการถูกเรือที่แล่นผ่านชน แต่ปัจจัยที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในตอนนี้คือการไปติดอุปกรณ์จับปลาชนิดอื่น ๆ โดยบังเอิญ ซึ่งประเมินว่าสาเหตุที่ว่านี้ทำให้วาฬและปลาโลมาตายราว 3 แสนตัวต่อปี นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ระบุว่า วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ (North Atlantic right whale) เหลืออยู่แค่ไม่กี่ร้อยตัวในโลก ส่วนโลมาวากีตา(vaquita) ซึ่งพบในอ่าวแคลิฟอร์เนีย อาจเหลือเพียงแค่ 10 ตัวในโลก พวกเขาบอกว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สัตว์สองสายพันธุ์ที่ว่าจะหายไปตามโลมาไป๋จี (baiji) ซึ่งเคยพบได้ทั่วไปในแม่น้ำแยงซีแต่ตอนนี้เชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว Dolphin chasing sardines off South Africa ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES ผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ เม็กซิโก แอฟริกาใต้ บราซิล และอื่น ๆ อีกมากมาย บอกว่าจริง ๆ แล้วการสูญเสียนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ไม่มีแรงผลักดันทางการเมืองมากพอ ดร.ซูซาน ลิเบอร์แมน จากสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าที่นิวยอร์ก บอกกับบีบีซีว่า "เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องพัฒนา ให้ทุน และใช้มาตรการที่จำเป็นในการปกป้องและรักษาสายพันธุ์ที่โดดเด่นเหล่านี้ พวกมันจะได้ไม่ถึงจุดจบเหมือนกับโลมาน้ำจืด ไป๋จี" ซาราห์ โดล์แมน จากกลุ่มอนุรักษ์วาฬและโลมาในสหราชอาณาจักรบอกว่า การจับปลาเหล่านี้ไปพร้อมกับปลาอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในน่านน้ำสหราชอาณาจักร โดยทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงสัตว์อื่น ๆ อาทิ แมวน้ำและนก หลายพันตัวต้องตายในแต่ละปี https://www.bbc.com/thai/international-54494909
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|