#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนยอดดอยและยอดภูยังคงมีอากาศหนาว สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง อนึ่ง พายุดีเปรสชัน "หว่ามก๋อ" (พายุระดับ 2) ได้อ่อนกำลังลงอีกเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้ว บริเวณเมืองปากซัน ประเทศลาว คาดว่าจะสลายตัวบริเวณประเทศลาวตอนบนในระยะต่อไป ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางต่อไปอีก 1 วัน ขอให้เกษตรกรบริเวณดังกล่าวเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย0 ในช่วงวันที่ 16 ? 20 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "หว่ามก๋อ" (พายุระดับ 5) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 15 พ.ย. 63 และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (พายุระดับ 1)" ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (16 พฤศจิกายน 2563) พายุดีเปรสชัน ?หว่ามก๋อ? (พายุระดับ 2) ได้อ่อนกำลังลงอีกเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณเมืองปากซัน ประเทศลาว แล้ว คาดว่าจะสลายตัวบริเวณประเทศลาวตอนบนในระยะต่อไป ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางต่อไปอีก 1 วัน ขอให้เกษตรกรบริเวณดังกล่าวเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ฝุ่นพิษเยือนกรุงเสี่ยงต่อสุขภาพ! ฝุ่นพิษกลับมาเยือนคนกรุงและพื้นที่โดยรอบอีกแล้ว กทม.-ปริมณฑลโดนเต็มๆ 13 พื้นที่ โดยย่านมหาชัยค่ามลพิษสูงสุด 72 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ต่างจังหวัดบางพื้นที่ในภาคอีสาน สภาพอากาศเริ่มน่าห่วง กรมควบคุมมลพิษทำได้แค่เตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยงดูแลสุขภาพ ลดทำกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากป้องกันตัวเอง เป็นประจำมาหลายปีแล้วที่คนไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศ ฝุ่นควันพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) หลังจากหมดฝนเข้าสู่ฤดูหนาว ที่ไม่มีลมมาช่วยพัดพาฝุ่นออกไป ทำให้เมื่อเช้าวันที่ 15 พ.ย.ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ โดยพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ.ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 32-72 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) เกินเกณฑ์มาตรฐาน 13 พื้นที่ (ค่ามาตรฐาน PM2.5 ต้องไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ได้แก่ ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 61 มคก./ลบ.ม. ริมถนนลาดพร้าวโชคชัย 4 เขตวังทองหลาง 52 มคก./ลบ.ม. ริมถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง 53 มคก./ลบ.ม. ริมถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ 53 มคก./ลบ.ม. ริมถนนพุทธมณฑล 1 เขตตลิ่งชัน 54 มคก./ลบ.ม. ริมถนนคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา 61 มคก./ลบ.ม. ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม 65 มคก./ลบ.ม. ริมถนนเอกชัย บางบอน 51 มคก./ลบ.ม. ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด 51 มคก./ลบ.ม. ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน 53 มคก./ลบ.ม. ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 52 มคก./ลบ.ม. ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 52 มคก./ลบ.ม. และ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 72 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 11-41 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดได้ 29-63 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 24-44 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 43-59 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 3-26 มคก./ลบ.ม. ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษเตือนประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมการแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็นผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ : ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkok airquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1977263
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ทึ่ง! ปักไม้ซิกแซก 2 แนว แก้ปัญหากัดเซาะชายหาด ผ่านไป 5 เดือน ทรายมาเต็ม นักวิชาการเผยภาพการแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายหาด โดยการปักไม้ซิกแซก 2 แนว หลังชายหาดแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี กัดเซาะจนคุ้ยส่วนฐาน เกรงว่าสระว่ายน้ำหลังแนวกำแพงจะแตก ปรากฏว่า ผ่านไป 5 เดือน ทรายกลับมาเต็ม ชาวเน็ตทึ่งประหยัดกว่าสร้างเขื่อนคอนกรีตอีก เมื่อวันที่ 15 พ.ย. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sakanan Plathong ของ นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้โพสต์ภาพสภาพหาดทรายที่เจ้าตัวระบุว่าเกิดขึ้นที่ชายหาด บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เปรียบเทียบระหว่างวันที่ 4 พ.ค. 2563 ที่พบว่าคลื่นน้ำทะเลกัดเซาะชายหาดจนทรายด้านหน้ากำแพงหายไปจนคุ้ยส่วนฐาน ซึ่งเจ้าของสถานที่เกรงว่าสระว่ายน้ำหลังแนวกำแพงจะแตก นายศักดิ์อนันต์ ได้แนะนำให้ปักไม้ซิกแซก 2 แนว ให้มีช่องว่างระหว่างเสาไม้เท่ากับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาไม้แต่ละต้น โดยมีความลึกไม่น้อยกว่า 2 เมตร เจ้าของสถานที่ตัดสินใจปักไม้ซิกแซกแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2563 ปรากฏว่า คลื่นพาทรายมาสะสมเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา หาดทรายได้กลับคืนมาเติมเต็มบริเวณส่วนฐานจนเต็ม สูงกว่า 1 เมตร ภาพดังกล่าวชาวเน็ตแห่ชื่นชมแนวคิดดังกล่าว ว่า ประหยัดงบประมาณกว่าการสร้างเขื่อนคอนกรีตของส่วนราชการ นายศักดิ์อนันต์ อธิบายเพิ่มเติมว่า หลักการก็คือ รั้วไม้โปร่งทำหน้าที่รับแรงปะทะ แต่ยอมให้คลื่นพาทรายผ่านเข้ามา โดยเมื่อปักไม้แนวแรกมีทรายมาเต็มแล้ว ก็จะปักในแนวที่สองสูงขึ้น แล้วเขยิบออกไปในทะเล คลื่นที่เข้ามาสูงกว่าไม้ ถ้าปักเพิ่มต่อ ทรายก็สะสมสูงขึ้นไปอีก การปักไม้ต้องประเมินว่าช่วงที่คลื่นแรงที่สุดของหาดลงไปลึกเท่าไร ก็ปักให้ลึกกว่าแนวนั้นลงไปไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ส่วนที่สูงขึ้นมา ก็ดูแนวที่พบไม้พุ่มว่าสูงเท่าไร ก็ปักสูงประมาณนั้น สำหรับไม้ที่นำมาใช้ หากมีราคาถูกจะเป็นไม้ยูคาลิปตัส หากแพงขึ้นมาก็จะเป็นไม้สน ถ้าไม่ไผ่ก็ต้องเจาะทะลุบ้อง ไม่ให้มีอากาศอยู่ในกระบอก ไม่เช่นนั้นจะลอย ถ้าเจ้าของที่พร้อมใจกันทำหน้าบ้านตัวเอง ก็จะทำให้ทรายสะสมพร้อมกันทั้งแนว อย่างไรก็ตาม การปักไม้ดังกล่าวยังเป็นเพียงการทดลอง ซึ่งยังคงดูการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลให้ครบปี ช่วงนี้เป็นช่วงคลื่นจากลมตะวันออกเฉียงเหนือแรงที่สุดของปี ทิศทางตะกอนวิ่งจากเหนือลงใต้ น่าจะดักตะกอนได้ แต่พ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จะเริ่มเปลี่ยนทิศจากใต้ขึ้นเหนือ ก็จะดูอีกที แต่ตอนนี้เปรียบเทียบกับพื้นที่ข้างเคียงไปก่อนว่าบริเวณอื่นเป็นอย่างไร https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000118063 ********************************************************************************************************************************************************* อนาถ! เต่าถูกคลื่นซัดเกยตื้นหน้าโรงแรมดังที่เกาะยาว ผงะพบเศษอวนคาอยู่ที่ก้น ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อนาถ! เต่าทะเลถูกคลื่นซัดเกยตื้นชายหาดหน้าโรงแรมดัง ที่เกาะยาว จังหวัดพังงา ผงะพบเชือกเศษอวนคาอยู่ที่ระบบขับถ่าย คาดกินเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นอาหาร วันนี้ (15 พ.ย.) ได้รับแจ้งจาก น.ส.พิมพ์ใจ ดวงเนตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาอย่างยั่งยืน โรงแรมซิกเซ้นส์ เกาะยาว อ.เกาะยาว จ.พังงา ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานดูแลสวนของทางโรงแรมพบซากเต่าทะเลขนาดใหญ่ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นที่บริเวณชายหาดขณะลงไปกวาดขยะ หลังจากนั้น ได้แจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทราบเพื่อประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเต่าตัวดังกล่าวเป็นเต่าชนิดใด ความยาวตั้งแต่ส่วนหัวไปจนถึงส่วนหางประมาณ 1 เมตรกว่า ความกว้างลำตัวอยู่ที่ประมาณ 70 เซนติเมตร คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน เนื่องจากสภาพเริ่มขึ้นอืด และมีกลิ่นเหม็น แต่ที่ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับสลดใจเมื่อตรวจสอบซากเต่าทะเลก็ต้องตะลึงเนื่องจากพบเส้นเอ็นที่คาดว่าเป็นเศษอวนติดคาอยู่ที่ทวารหนักของเต่าโดยโผล่ออกมาเป็นเส้นยาว ซึ่งคาดว่าเต่าน่าจะพยายามขับถ่ายสิ่งแปลกปลอมออกมาให้หมด ส่วนสาเหตุที่ทำให้เต่าตัวดังกล่าวตายอนาถในเบื้องตน คาดว่าน่าจะกินเศษอวนที่ชาวประมงตัดทิ้งลงไปในทะเล เพราะคิดว่าเป็นอาหารทำให้ไม่สามารถย่อยได้และตายในที่สุด และถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง โดยขณะนี้ทางโรงแรมได้ให้พนักงานนำซากไปฝังกลบไว้ก่อน เพื่อรอเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ https://mgronline.com/south/detail/9630000117926
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
'ชายหาดชลาทัศน์' คึกคัก นักท่องเที่ยวแห่พักผ่อน เสียดาย 'ท่อดูดทราย' เกลื่อน 'ชายหาดชลาทัศน์' คึกคัก นักท่องเที่ยวแห่พักผ่อน คลื่นลมแรง 'ปักธงแดง' ห้ามลงเล่นน้ำ เสียดาย 'ท่อดูดทราย' เกลื่อน 15 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สงขลา ว่า ที่บริเวณชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา เป็นไปด้วยความคึกคักมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวไทยมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แม้ช่วงนี้จะมีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่งอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกเข้าสู่ฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ในช่วงนี้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างมีฝนหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและปริมาณน้ำฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง สำหรับทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นอุปสรรคของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบริเวณชายหาดชลาทัศน์ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถึงแม้ว่าในช่วงนี้ชายหาดจะมีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เดินทางนำบุตรหลานเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนสุดสัปดาห์ ไม่กล้านำบุตรหลานลงเล่นน้ำทะเล เนื่องจากคลื่นลมแรงเกรงอันตรายว่าจะถูกคลื่นซัดบุตรหลานจมหายไปกับคลื่นที่มีความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา ทางเทศบาลนครสงขลามีการปักธงแดงเตือนห้ามลงเล่นน้ำทะเลอย่างเด็ดขาด โดยมีชุดไลฟ์การ์ดคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดพร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทันทีหากเกิดเหตุขึ้นมา ขณะเดียวกันบริเวณชายหาดชลาทัศน์ มีท่อดูดทรายขนาดใหญ่วางเกลื่อนชายหาดชลาทัศน์ ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ที่เสียพื้นที่ตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย นักท่องเที่ยวไม่สามารถลงมาที่ชายหาดเข้ามานั่งพักผ่อนริมชายหาดชลาทัศน์บริเวณนี้ได้ เพราะท่อดูดทรายขนาดใหญ่และเป็นสนิม เนื่องจากช่วงนี้ทางผู้รับเหมาหยุดดูดทราย เพราะคลื่นลมแรง ทำอะไรไม่ได้ ท่อและอุปกรณ์ต่างๆที่วางเกลื่อนชายหาดก็เคลื่อนย้ายไม่ได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาและเครื่องจักรทำให้ในช่วงนี้บริเวณชายหาดชลาทัศน์มีประติมากรรมชายหาดให้ชมเกลื่อนชายหาดยาวไปจนถึงปีหน้า ต้องพ้นฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือไปก่อนจึงจะเริ่มลงมือทำอีกครั้งเหมือนปีที่ผ่านมา https://www.naewna.com/likesara/531939
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|