#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 17 ?19 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ส่วนในช่วงวันที่ 20 ?22 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 17 - 22 ธ.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย และประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
อาจค้นพบวาฬปากนกสายพันธ์ใหม่ ทางชายฝั่งตะวันตกของเม็กซิโก การตามหาบางสิ่งบางอย่าง หลายครั้งที่มักจะพบกับความบังเอิญที่น่าทึ่ง อย่างกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด ขณะที่นักวิจัยจากสมาคมรักษาพันธุ์สัตว์น้ำซี เชพเพิร์ด กำลังติดตามวาฬปากนกชนิดต่างๆ ที่หายาก แต่กลับค้นพบวาฬปากนกชนิดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ในน่านน้ำนอกทางชายฝั่งตะวันตกของเม็กซิโก ซึ่งหากได้รับการยืนยันว่าเป็นวาฬปากนกสายพันธุ์ใหม่ นี่จะเป็นการค้นพบครั้งสำคัญของกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดยักษ์ นักชีววิทยาด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลแห่งสถาบันสมุทรศาสตร์สคริพพ์ส ในซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา เผยว่า วาฬปากนกเหล่านี้โผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำข้างๆเรือ เรียกว่าเป็นการเผชิญหน้าที่มหัศจรรย์ก็ว่าได้ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นวาฬปากนกที่เป็นมิตร ซึ่งตามปกติมันจะหลีกลี้หนีห่างไม่ให้พบเห็นตัวได้ง่ายๆ เมื่อศึกษาภาพถ่ายก็พบว่าฟันของวาฬดังกล่าวมีความผิดปกติ แถมเสียงร้องใต้น้ำของวาฬที่บันทึกได้ยังชี้ให้เห็นว่าพวกมันไม่เหมือนใคร ทีมวิจัยเผยว่าต้องรอการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำที่กักเก็บเซลล์ผิวหนังของวาฬ ที่นำไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันว่าวาฬเหล่านี้เป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ ซึ่งหากเป็นจริงนั่นจะทำให้จำนวนพันธุ์ของวาฬปากนกมีทั้งหมดถึง 24 ชนิด ทั้งนี้ ชื่อวาฬปากนกนั้นตั้งตามลักษณะจมูกที่ยื่นแหลมออกมาคล้ายโลมา ส่วนใหญ่แล้วจะพบในน่านน้ำอันห่างไกล เช่น นอกหมู่เกาะซานเบนิโต. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1995372
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ส่งทีมแพทย์เฉพาะกิจดูแลช่วยเหลือ นทท.หมู่เกาะสุรินทร์-หมู่เกาะสิมิลัน 16 ธ.ค.63 พลเอกวิทวัส รชตะนันท์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานปล่อยทีมชุดเฉพาะกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข ออกจากท่าเรือฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เพื่อออกปฏิบัติการดูแลและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่หมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พลเรือตรีสมพงษ์ นาคทอง ผู้บัญชาการฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 นายนเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา ส่วนราชการ บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนภาคเอกชนร่วมให้การต้อนรับ พร้อมกับเยี่ยมชมระบบเวชศาสตร์ใต้น้ำ (Hyperbaric Chamber) โรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงา ได้กำหนดแผนปฏิบัติการสาธารณสุขทางทะเล ภายใต้วิสัยทัศน์ "การสาธารณสุขทางทะเลประเทศไทยมาตรฐาน สากล ดูแลคุ้มครองสุขภาพประชาชนในพื้นที่ทางทะเลอย่างมีคุณภาพ หนุนเสริมขีดความสามารถของประเทศ สร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ" โดยเน้นบูรณาการเครือข่ายเพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนนักท่องเที่ยวในภาวะวิกฤติฉุกเฉินด้านการสาธารณสุขทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 4 กิจกรรมหลัก คือ ระบบชายหาดปลอดภัย (Safety Beach) ระบบการเดินทางในทะเลที่ปลอดภัย (Safety Trip) ระบบรับแจ้งเหตุและสั่งการทางทะเล และการจัดตั้งหน่วยบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลและเกาะต่างๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญโดยทีมแพทย์และพยาบาล เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว ด้วยความร่วมมือระหว่างฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และเอกชนผู้ประกอบการท่าเรือนำเที่ยว สำหรับการจัดทีมแพทย์และพยาบาลเพื่อปฏิบัติการเฉพาะกิจ ที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวบนพื้นที่เกาะในครั้งนี้ แต่ละทีมจะประกอบด้วยแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดไม่เกิน 4 คน ประจำการบนเกาะประมาณ 4 วัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนต่อเนื่องไปจนถึงช่วงระยะเวลาโลซีซั่นทางทะเล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนที่อาศัยบนเกาะ ผู้ปฏิบัติงานบนพื้นที่เกาะ ประชาชนที่ประกอบอาชีพในทะเล รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ https://www.naewna.com/likesara/538947 ********************************************************************************************************************************************************* อุตุฯโลกชี้ 'ก๊าซเรือนกระจก' พุ่งสูงต่อเนื่อง แม้ล็อกดาวน์โควิด-19 16 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) แถลงว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2019 และเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แม้อุตสาหกรรมจะชะลอตัวเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) องค์การฯ ระบุว่าระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นทุบสถิติใหม่ที่ 410.5 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm) ในปี 2019 เพิ่มขึ้นจาก 407.9 ส่วนต่อล้านส่วนในปี 2018 และ 400.1 ส่วนต่อล้านส่วนในปี 2015 โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2020 "การประมาณการเบื้องต้นชี้ว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อปีของปี 2020 อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 4.2-7.5? องค์การฯ กล่าว ?ตามมาตรฐานสากลแล้ว การลดการปล่อยก๊าซในระดับนี้จะไม่ช่วยให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศลดลงแต่อย่างใด" "การลดลงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับมาตรการล็อกดาวน์เป็นเพียงจุดเปลี่ยนเล็กๆ ในกราฟระยะยาวเท่านั้น เราต้องการกราฟที่ชี้ว่าปริมาณก๊าซลดลงอย่างต่อเนื่อง" เพตเตรี ทาลัส เลขาธิการองค์การฯ เน้นย้ำ "การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทว่ามันช่วยให้เรามีโอกาสดำเนินงานด้านสภาพอากาศที่ยั่งยืนและยิ่งใหญ่มากขึ้น เพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ผ่านการเปลี่ยนแปลงระบบอุตสาหกรรม พลังงาน และการขนส่งโดยสมบูรณ์" https://www.naewna.com/inter/538903
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE
เมื่อเราต้องเฝ้ามองปะการังที่ไต้หวันค่อย ๆ ฟอกขาวไป .................... โดย Tina Yuan รู้หรือไม่? ว่าไต้หวันเป็นบ้านของปะการังกว่า 1 ใน 3 จากสปีชี่ส์ปะการังทั้งหมดทั่วโลก สีสันฉูดฉาดของปะการังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากต่างแดนพากันมาเยือนเกาะเล็ก เกาะน้อย รอบไต้หวัน แต่ทว่าปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลพิษ ได้ทำร้ายระบบนิเวศทะเลไปอย่างหนักหนาสาหัสสากรรจ์ และทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำปีแล้วปีเล่า อดีตเจ้าหน้าที่ระดมทุนของกรีนพีซ ซู เจียฉวน (Xu Jiaquan) หรือที่รู้จักกันในนาม "ชริมป์โรล" (Shrimp Roll) ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นครูสอนดำน้ำที่เกาะกรีนไอส์แลนด์ ได้มาเล่าประสบการณ์ให้พวกเราได้ฟัง ว่าเขาจะต้องเห็นปะการังเจอกับอะไรบ้างในปีที่ผ่าน ๆ มา ถึงแม้ไต้หวันจะมีพื้นที่ขนาดย่อม แต่ก็มีระบบนิเวศของสัตว์ทะเลที่หลากหลาย และไต้หวันถึงขั้นได้รับฉายาว่าเป็น "อาณาจักรแห่งปะการัง" เมื่อนานมาแล้ว เนื่องจาก1 ใน 3 ของสายพันธุ์ปะการังทั้งหมดมีอยู่ในไต้หวัน และยังมีแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ใกล้กับเกาะเขิ่นติง เกาะกรีนไอซ์แลนด์ และเกาะกล้วยไม้ที่ไต้หวันอีกด้วย ซู เจียฉวน หรือ "ชริมป์โรล" เป็นที่รู้จักกันในหมู่เพื่อนฝูงว่าเขารักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ โดยก่อนหน้านี้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดมทุนประจำกรีนพีซไต้หวัน และปัจจุบันเขาหันมาเป็นครูสอนดำน้ำอย่างเต็มตัว ปัจจุบันเขาสอนประจำอยู่ ณ เกาะกรีนไอส์แลนด์ เกาะเล็กๆ เขียวชอุ่มสมชื่อ ชริมป์โรลได้มาเยือนเกาะกรีนไอส์แลนด์ครั้งแรกในปี 2543 และได้สัมผัสถึงความน่าตื่นตาตื่นใจของผืนน้ำที่มอบชีวิตให้กับระบบนิเวศทางทะเลในบริเวณนั้นตั้งแต่นั้นมา แต่เขาถึงกับต้องตกใจ เมื่อได้เห็นความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศท้องถิ่นที่ถูกทำร้ายจากอุณหภูมิโลกที่กำลังเดือด และการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างสาหัส ภาพของแนวปะการังฟอกขาว ณ เกาะกรีนไอส์แลนด์ ในปี 2563 ชีวิตในฐานะของครูสอนดำน้ำ "ผมชอบกิจกรรมทางน้ำมาโดยตลอดตั้งสมัยผมเล็กๆ ช่วง ม.ปลาย ผมเรียนว่ายน้ำ ต่อด้วยการเรียนโต้คลื่นอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วผมก็ได้รู้จักกับการดำน้ำ" ชริมป์โรลเล่าเรื่องย้อนวันวานของเขาให้เราฟัง "ผมรักการท่องเที่ยว และการดำน้ำคือกิจกรรมที่ผมสามารถทำควบคู่ไปด้วยระหว่างเดินทาง ทะเลเป็นสถานที่ที่สวยงามมากๆ และมันคือความรู้สึกที่วิเศษมากๆ ที่ได้มีกิจกรรมทางท้องทะเลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม" ชริมป์โรลรักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ และทำงานเป็นครูสอนดำน้ำ ณ เกาะกรีนไอส์แลนด์ ซึ่งทำให้เขาได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของปะการังในปีที่ผ่านๆ มา ไม่นานต่อมา ชริมป์โรลก็ตัดสินใจย้ายจากเมืองหลวง ไปสู่เกาะกรีนไอส์แลนด์ " หลายคนในเมืองหลวงทำงานหนักมากๆ อาทิตย์หนึ่งได้พักเพียงแค่วัน สองวัน ต่ออาทิตย์เท่านั้น พวกเขาจึงเลือกใช้เวลาว่างที่มีนอนพักอยู่ที่บ้าน" จนเขาได้มาลองดำน้ำที่ต่างประเทศในปี 2559 เขาก็ได้พบความจริงว่าสภาพแวดล้อมทางทะเลของไต้หวันนั้นโดดเด่นขนาดไหน "ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าไต้หวันสวยมากขนาดนี้ แต่พอได้ลองไปเที่ยวที่ประเทศอื่นๆ ผมก็ตระหนักได้ว่าไต้หวันมีสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามมาก พื้นที่ของไต้หวันมีสัตว์ในธรรมชาติมากมายหลายชีวิตมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว" โลกใต้ท้องทะเลกำลังตกอยู่ใต้ภัยอันตราย ชริมป์โรลได้พบว่า เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นิเวศวิทยาของท้องทะเลได้เปลี่ยนไปแล้ว "ตอนที่ผมเริ่มดำน้ำแรกๆ อุณหภูมิของน้ำทะเลในช่วงหน้าหนาวจะอยู่ราวๆ 19 ถึง 20 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิน้ำกลับสูงขึ้น ตอนนี้ค่าอุณหภูมิน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 23 ถึง 24 องศาแล้ว" อุณหภูมิน้ำทะเลช่วงฤดูร้อนก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่ไต้หวัน หลังจากการเกิดปะการังฟอกขาวในปี 2557 ก็ยังมีการฟอกขาวครั้งรุนแรงตามมาอีกสามระลอกในปี 2559, 2560 และ 2562 และในเดือนกรกฎาคมปีนี้ก็เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งร้ายแรงจนคุณอาจถึงขึ้นตั้งคำถามว่า "ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือนี่? " ชริมป์โรลบอกว่าเขาไม่เคยเจอกับเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้ด้วยตัวเองมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาก็ได้เห็นภาพและข่าวต่างๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไต้หวัน และไม่ได้คิดเลยว่าจะร้ายแรงได้มากขนาดนี้ แต่การที่ปะการังฟอกขาวนั้น ไม่ได้ความว่าปะการังจะตายเสมอไป ความจริงแล้ว การที่อุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความด่างของน้ำเปลี่ยน และความขุ่นของน้ำทำให้สาหร่ายทางชีวภาพย้ายที่อยู่ออกไปจากปะการัง พร้อมนำสีสันสวยงามของปะการังไปกับพวกมันด้วย เหลือเพียงไว้แค่ปะการังสีขาวโพลนโล่งโจ้ง ไร้ซึ่งสีสันจากที่เคยมี "ความตายของเหล่าปะการังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างปุบปับ แต่มันมีช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าการฟอกสีของปะการังค่อยๆ เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะช่วยปะการังได้ ณ ตอนนั้นเลย ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเห็นสุนัขจรจัดนอนเจ็บอยู่ข้างทาง คุณก็อาจจะเรียกหน่วยงานมาช่วยรักษาสุนัขตัวนั้นได้ และสุนัขก็อาจจะมีชีวิตรอดต่อไป แต่ในท้องทะเลมันต่างกัน การเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวมันเกิดจากหลายปัจจัยมาก และผมเองก็เสียใจมากๆ ที่จะต้องทนเห็นปะการังค่อยๆ ฟอกขาวไปโดยที่ผมทำได้แค่เฝ้ามอง พวกเขาจะรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำทะเล" ถึงแม้ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว จะไม่จบชีวิตปะการังโดยฉับพลัน แต่ก็ยังคงส่งผลร้ายแรงต่อระบบนิเวศและเป็นสัญญาณเตือนว่าปะการังกำลังตกอยู่ในภัยอันตราย ภาพถ่ายโดยกรีนพีซรูปนี้แสดงให้เห็นถึงปะการังในบริเวณเกาะเขิ่นติงกำลังฟอกขาว อุณหภูมิน้ำที่เปลี่ยนแปลงส่งผลอย่างไรกับระบบนิเวศ? ชริมป์โรลใช้การเปรียบเปรยเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น "สำหรับมนุษย์ทั่วๆ ไป อุณหภูมิภายนอกที่สูงขึ้นมาสองสามองศาก็ไม่ได้ทำให้รู้ร้อนรู้หนาวมากนัก แต่ถ้าหากอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นเพียงแค่สองสามองศาเท่านั้น คุณก็อาจจะล้มป่วยไปเลยก็ได้ แล้วคุณก็ต้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น มันก็อาจจะเป็นภัยกับคุณได้ ปะการังก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน" การจุดประกายความหวังที่จะปกป้องทะเลในหมู่นักเรียน จุดประสงค์ที่ชริมป์โรลเข้าร่วมกรีนพีซแต่แรก เพราะเขาได้ทราบมาว่าสภาพแวดล้อมทะเลกำลังเปลี่ยนไป และเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดยั้งมันให้ได้ ตอนนี้เขาก็เป็นครูสอนดำน้ำเต็มเวลา และยังคงมุ่งมั่นแบ่งปันความรู้ที่จะปกป้องสิ่งแวดล้อมต่อไป ชริมป์โรลบอกว่านักเรียนหลายคนของเขาต่างชื่นชมความสวยงามของปะการัง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตอบนักเรียนของเขากลับไปว่า "มันเคยสวยกว่านี้มาก" ชริมป์โรลยังได้กล่าวเอาไว้ด้วยว่า หลายคนไม่เคยได้เห็นถึงความสวยงามแท้จริงของปะการัง และไม่ได้นึกว่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิกับปะการังฟอกขาวมีความเชื่อมโยงกัน แต่เขาก็จะไม่หยุดอธิบายเรื่องนี้ให้ผู้คนได้ฟัง "ถ้าหากไม่ได้มีการตระหนักถึงธรรมชาติมากนัก เราก็ขยับต่อไปข้างหน้าไม่ได้ เราต้องเริ่มพูดถึงประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมให้ไวที่สุด จะเริ่มจากเรื่องของขยะที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก่อนเลยก็ได้ เกาะกรีนไอส์แลนด์จัดการกับปริมาณขยะมากขนาดนี้ได้ไม่ไหวหรอกครับ สุดท้ายขยะจากกรีนไอส์แลนด์ก็จะลอยกลับไปที่ผืนดินไต้หวัน รอการจัดการ แต่ขยะพื้นที่ก็จะได้รับการดูแลจัดการก่อนเสมอ แล้วสุดท้ายขยะที่มาจากเกาะเล็กๆ ต่างๆ ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาในทะเลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมชริมป์โรลถึงแนะนำให้นักดำน้ำทุกคนลดปริมาณขยะลงมากเท่าที่จะทำได้ ยกตัวอย่างเช่นเวลาซื้อเคร่ืองดื่มหรือขนมจากร้านเล็กๆ ให้นำถ้วยหรือชามใส่มาให้ร้านใส่อาหารเครื่องดื่มให้แทน ปกป้องทะเลด้วยการเริ่มลงมือทำด้วยตัวเอง ชริมป์โรลได้กล่าวเอาไว้ว่า เหตุผลต่างๆ นานา เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงของท้องทะเลนั้นซับซ้อนมากๆ และแก้ด้วยน้ำมือของคนไม่กี่คนลงมือทำแบบตัวใครตัวมันหรือใช้ทางแก้ปัญหาหนึ่งเดียวไม่ได้อยู่แล้ว แต่เราทุกคนสามารถร่วมชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและร่วมปกป้องท้องทะเลได้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการเลิกใช้พลังงานถ่านหินซึ่งผลิตคาร์บอนมหาศาล การร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน การผลักดันให้รัฐบาลเริ่มใช้นโยบายการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแบ่งปันความรู้ให้เครือญาติหรือเพื่อนฝูง หรือการสนับสนุนโปรเจ็คด้านการจัดการภาวะโลกร้อนและพลังงานของกรีนพีซ ไม่ว่าจะการกระทำไหนที่คุณเลือก ล้วนช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ ชริมป์โรลได้เห็นว่าสิ่งแวดล้อมกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป จึงอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสิ่งแวดล้อม เขาจึงเป็นเจ้าหน้าที่ระดมทุนและผู้ให้ความรู้ออกบูธประจำกรีนพีซ และบอกเล่าเรื่องราวปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นให้ผู้คนได้รับฟัง ชริมป์โรลทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "สิ่งแวดล้อมที่คุณได้เห็นตอนนี้สวยงามมากๆ และถ้าหากเรายังอยากเห็นภาพสวยงามแบบนี้ต่อไปในอนาคต ได้สัมผัสมันต่อไปเรื่อยๆ เราต้องคำนึงว่าเราจะทำอย่างไรให้เรารักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ได้ พฤติกรรมของพวกเราอาจใช้ทรัพยากรไปมากกว่าที่เราคิด และมันมีราคาที่จะต้องจ่ายสำหรับสิ่งที่เราทำไป ในช่วงชีวิตของเรา เราควรคิดคำนึงว่าเราสามารถร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรบ้าง แทนการพร่ำบ่นว่าสิ่งแวดล้อมนั้นเปลี่ยนไป" เราหวังว่าวันหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือจากทุกน้ำแรง ปะการังจะกลับมางดงามตระการตาอย่างที่เคยเป็น และท้องทะเลจะสวยงามด้วยหลากชีวิตใต้น้ำอีกครั้ง https://www.greenpeace.org/thailand/...ing-in-taiwan/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|