#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคใต้ตนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มต่าง ๆ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2563 สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศหนาวเย็นนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 25 ? 29 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียสกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับในช่วงวันที่ 24 - 26 ธันวาคม พ.ศ.2563 หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านบริเวณอ่าวไทย ภาคใต้ แล้วเคลื่อนออกไปทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 25 ? 29 ธ.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย และในช่วงวันที่ 25 - 26 ธ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 25 ธ.ค. 2563)" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง และพังงา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่ม ต่างๆ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณ อ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2563
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ลำแรกของโลก! จีนเริ่มสร้าง'เรือเลี้ยงปลาอัจฉริยะ'1แสนตัน จีนเริ่มสร้าง 'เรือเลี้ยงปลาอัจฉริยะ' 1 แสนตัน ดันอุตสาหกรรมประมง สำนักข่าวซินหัว รายงานจากเมืองชิงเต่า ถึงการก่อสร้างเรือเลี้ยงปลาอัจฉริยะที่มีระวางน้ำหนัก 1 แสนตัน ลำแรกของโลกได้เริ่มขึ้นแล้วในเมืองชิงเต่า ทางตะวันออกของจีน ต่ง เสากวาง รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงเต่า คอนซอน เดเวลอปเมนต์ กรุ๊ป (Qingdao Conson Development Group) ผู้ลงทุนในโครงการดังกล่าว ระบุว่าเรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำลำนี้ซึ่งมีชื่อว่าคอนซอน นัมเบอร์วัน (Conson No.1) มีความกว้าง 45 เมตร ยาว 249.9 เมตร และคาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนมีนาคม 2022 ต่ง กล่าวว่า ด้วยน้ำหนักบรรทุก (Displacement) ที่ 1.3 แสนตัน และความเร็วออกแบบที่ 10 นอต เรือลำนี้สามารถหลีกเลี่ยงพายุไต้ฝุ่น ตลอดจนสภาพอากาศรุนแรง และภัยพิบัติระดับสีแดง และสีอื่นๆ ได้ และยังสามารถทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในน่านน้ำสากล ต่งเสริมว่า เรือลำดังกล่าวมีระบบเปลี่ยนน้ำ และอุปกรณ์สูบน้ำลึกติดตั้งไว้ ซึ่งสามารถช่วยให้ปลาที่เลี้ยงเจริญเติบโตและช่วยปรับปรุงคุณภาพการเพาะเลี้ยง หวัง เสี่ยวหู่ หัวหน้าสถาบันวิทยาศาตร์การประมงจีน (CAFS) กล่าวว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนได้ผลักดันแนวคิดเรือเพาะเลี้ยงปลาตั้งแต่ราวทศวรรษ 1980 เพื่อแก้ปัญหาทรัพยากรประมงขาดแคลน และสิ่งแวดล้อมด้านการขยายพันธุ์ที่เสื่อมโทรมลง ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้เริ่มทำการวิจัยโครงการก่อสร้างเรือสำราญเพาะเลี้ยงปลาระวางน้ำหนัก 1 แสนตันกับบริษัทต่อเรือขนาดใหญ่ และสถาบันวิจัยหลายแห่ง บริษัทฯ กล่าวว่า จะร่วมมือกับหุ้นส่วนหลายรายเพื่อสร้างเรือแบบนี้ 50 ลำ โดยจะมีระวางน้ำหนักรวมกันมากกว่า 5 ล้านตัน เพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลลึกซึ่งมีผลผลิตปลาที่มีมูลค่าสูงต่อปีมากกว่า 2 แสนตัน อันคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.1 หมื่นล้านหยวน (ราว 5 หมื่นล้านบาท) https://www.dailynews.co.th/foreign/814888
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
อย.ย้ำกินอาหารทะเลได้ตามปกติ เพียงปรุงสุก ผู้บริโภคมั่นใจได้ จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ส่งผลให้ทุกคนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการวิธีการดำเนินชีวิต รวมถึงความปลอดภัยของอาหารที่บริโภค ที่อาจจะมีโอกาสปนเปื้อนและสามารถติดต่อสู่คน ดังนั้น หลักสำคัญในการจัดการอาหารปลอดภัยจึงควร "จัดการให้คนปลอดภัย อาหารจึงจะปลอดภัย" สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจ ยังสามารถบริโภคอาหารทะเลสดและอาหารทะเลแช่แข็งได้ตามปกติ แต่ต้องปรุงให้สุกใหม่ เนื่องจาก เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถทนความร้อนได้และถูกทำลายได้ด้วยวิธีการประกอบอาหารที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส ดังนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำให้เลี่ยงการกินอาหารจากสัตว์ที่ดิบหรือปรุงไม่สุก และจัดการกับเนื้อสัตว์ดิบ นมดิบ หรืออวัยวะของสัตว์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปนเปื้อน นพ.พูลลาภ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานยืนยันว่า พบการติดเชื้อโควิด-19 จากการบริโภคอาหาร เนื่องจากเชื้อโควิด-19 มีเยื่อหุ้มที่มีความทนทานต่อการสภาวะแวดล้อมได้ต่ำ และจะถูกทำลายได้ง่ายจากความร้อน หรือ สารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน ดังนั้น ความเสี่ยงที่จะพบเชื้อไวรัสในอาหารจึงค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม ขอย้ำให้ผู้บริโภคกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่ควรกินอาหารดิบ เพราะนอกจากเสี่ยงต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเสี่ยงต่อการได้รับจุลินทรีย์ก่อโรค เช่น แบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษ ไวรัสก่อโรค เช่น Norovirus และปรสิต เช่น พยาธิ นอกจากนั้น หากมีการปรุงประกอบอาหารเอง ควรเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่สะอาดและน่าเชื่อถือ การเตรียมอาหารจะต้องแยกอาหารสดกับอาหารที่ปรุงสุกแล้ว รวมทั้งระมัดระวังการสัมผัสอาหารที่ปรุงสุกแล้วกับอาหารสดที่สำคัญ ควรล้างมือให้สะอาด ไม่สัมผัสใบหน้า และดวงตา ระหว่างการปรุงอาหาร เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน อย. 1556 และสามารถติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หัวข้อ "COVID-19" หรือกดติดตามที่ "แฟนเพจเฟซบุ๊ก Fda Thai หรือ ไลน์ Fda Thai" https://www.prachachat.net/hilight-p...at/news-581176
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|