เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 26-12-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอัตรายสัญจรผ่านบริเวณ ที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26 ? 29 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียสกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 30 ? 31 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกละลอกจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 26 ? 29 ธ.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย และในช่วงวันที่ 25 - 26 ธ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังในช่วงเวลาดังกล่าว









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 26-12-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ภัยมลพิษ



ขณะที่ทั่วโลกเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 1.7 ล้านคน แต่สำหรับอินเดียนั้น วารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ เดอะ แลนเซต รายงานว่า ?อากาศเป็นพิษ? คือมหันตภัยที่คร่าชีวิตชาวอินเดียสูงสุด มากถึง 1.67 ล้านคน หรือ 18% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดในปี 2562 เป็นการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับมลพิษมากที่สุดในโลก

ในการศึกษาในปี 2560 พบว่า มลพิษในอากาศทำให้เกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การติดเชื้อทางเดินหายใจ มะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน ความผิดปกติของทารกแรกเกิด และต้อกระจก นอกจากนี้มลพิษยังนำไปสู่การสูญเสียทางเศรษฐกิจรวม 36.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.36% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดีย โดยกรุงนิวเดลีเป็นเมืองหลวงที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก

นอกจากนี้ หัวหน้านักวิจัยจากบอสตัน คอลเลจ ฟิลิป แลนดริแกน ผอ.ศูนย์สังเกตการณ์มลพิษและสุขภาพโลก ได้กล่าวว่า นอกจากมลพิษอาจขัดขวางเป้าหมายที่จะทำเศรษฐกิจอินเดียให้ถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 แล้ว ยังส่งผลอย่างยิ่งต่อชาวอินเดียรุ่นต่อไป โดยมลพิษจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคทางเดินหายใจในเด็กเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ไอคิวของเด็กลดลง

นักวิจัยยังพบว่ารูปแบบการเปลี่ยนแปลงของมลพิษทางอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามรายงานอัตราการเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศภายในอาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเตาปรุงอาหารในบ้านที่มีการระบายอากาศไม่ดีลดลง 64.2% ตั้งแต่ปี 2533 แต่การเสียชีวิตเนื่องจากมลพิษฝุ่นละอองโดยรอบจากภายนอกอาคารกลับเพิ่มขึ้น 115.3% และเนื่องจากมลพิษโอโซนโดยรอบเพิ่มขึ้น 139.2% สะท้อนให้เห็นถึงการปล่อยมลพิษที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ รถบรรทุก และรถประจำทาง ตลอดจนการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในอินเดีย

ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า อินเดียมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 30- 35% และยังจะเพิ่มการใช้ก๊าซธรรมชาติ 4 เท่าในทศวรรษนี้ และเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันเป็น 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้อินเดียดำเนินการจัดการกับมลพิษทางอากาศอย่างเร่งด่วน โดยระบุว่ายิ่งชะลอมาตรการเหล่านั้นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2001428

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 26-12-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ภาพวิดีโอเผยหมึกยักษ์ในทะเลแดงมีพฤติกรรมแบบอันธพาล ออกหมัดไล่ต่อยปลาที่เกลียดขี้หน้า


หมึกยักษ์สีชมพู ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

หมึกยักษ์ยังคงเป็นสัตว์มหัศจรรย์ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาความสามารถน่าพิศวง และพฤติกรรมแปลกประหลาดของมัน โดยล่าสุดมีการบันทึกภาพวิดีโอได้หลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่า หมึกยักษ์มีพฤติกรรมเป็นอันธพาลหรือ "จอมบูลลี่" กับปลาที่ร่วมออกล่าหาอาหารด้วยกัน

ดร. เอดูอาร์โด แซมปาโย และคณะนักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยลิสบอนของโปรตุเกส เผยถึงการค้นพบข้างต้นในวารสาร Ecology โดยระบุว่าสามารถบันทึกภาพวิดีโอขณะที่หมึกยักษ์ในทะเลแดง (Red Sea)ใช้หนวดข้างใดข้างหนึ่งปล่อยหมัดเข้าใส่ปลาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ปลาที่เป็นเพื่อนร่วมทีมหาอาหารต้องล่าถอยออกไปในทันที

"หมึกยักษ์และปลาบางชนิดมีนิสัยชอบจับกลุ่มออกไล่ล่าและดักจับเหยื่อร่วมกัน โดยต่างก็พึ่งพาอาศัยคุณสมบัติที่ได้เปรียบของอีกฝ่าย เช่นหมึกยักษ์สามารถพรางตัวได้ดี และฝูงปลามีกลยุทธ์การเสาะหาอาหารหลายรูปแบบ" ดร. แซมปาโยกล่าว

"แต่พอมีสมาชิกเข้าร่วมทีมหาอาหารมากเกินไป ทำให้เกิดความวุ่นวายสับสนและแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว ซึ่งอาจทำให้หมึกยักษ์คิดว่าถูกเอาเปรียบ และเริ่มจะวางกลไกควบคุมสมาชิกในกลุ่มด้วยการใช้กำลังเป็นครั้งคราว"

ทีมผู้วิจัยเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่า "การกำจัดเชิงรุก" (active displacement) โดยหมึกยักษ์ใช้การต่อยตีทำให้ปลาบางตัวต้องล่าถอยไปอยู่ด้านนอก ซึ่งคล้ายกับการที่คนเราใช้ศอกกระแทกเพื่อเบียดแทรกฝูงชนเข้าไปซื้อของลดราคาหรือรับของแจกฟรีได้ก่อนเพื่อนนั่นเอง

"หมึกยักษ์อาจมองว่าการกระทำเช่นนี้คุ้มค่า เพราะลงแรงน้อยแต่ได้ผลตอบแทนจากการร่วมทีมล่าเหยื่อมากขึ้น นอกจากนี้ การชกต่อยในบางครั้งอาจจะใช้เป็นบทลงโทษปลาขี้เกียจที่ไม่ช่วยลงแรงจับเหยื่อ โดยเฉพาะตัวที่เอาแต่ว่ายตามฝูงเพื่อมารอกินอาหารเท่านั้น" ทีมผู้วิจัยระบุในรายงาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้วิเคราะห์พฤติกรรมชกต่อยปลาของหมึกยักษ์ในหลายกรณีแล้ว ทีมผู้วิจัยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวแม้จะมีเจตนามุ่งร้ายอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มว่าเป็นการเบ่งแสดงอำนาจเพื่อให้ปลารู้ว่ามันเป็น "ขาใหญ่" แต่ในบางครั้งการออกหมัดต่อยเพื่อนปลาก็ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลใด ๆ รองรับทั้งสิ้น นอกเสียจากว่ามันกำลังหงุดหงิดอารมณ์ขุ่นมัว และระบายออกกับปลาตัวที่มันเกลียดขี้หน้า

"มีความเป็นไปได้ทางทฤษฎีสองประการ คือหมึกยักษ์ต่อยเพื่อนปลาเพื่อจัดระเบียบภายในทีมล่า หรือไม่ก็เป็นการแสดงความเกลียดชังล้วน ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมเชิงผลประโยชน์เลยแม้แต่น้อย" ดร. แซมปาโยกล่าวทิ้งท้าย


https://www.bbc.com/thai/features-55446426

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:39


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger