#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคุลมประเทศประเทศเวียดนามและลาวตอนบนแล้วในวันนี้ (11 ม.ค.64) ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นต่อเนื่องไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง จนถึงวันที่ 13 ม.ค. 64 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 11 - 13 ม.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวและมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 4 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14 - 16 ม.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 11 - 13 ม.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันออกขอให้ประชาชนบริเวณที่อาศัยอยู่ตามบริเวณชายฝั่งระมัดระวังอัตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง และชาวเรือบริเวณอ่าวไทยขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 13 มกราคม 2564)" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 11 มกราคม 2564 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่องไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 13 ม.ค. 64 อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและลาวตอนบนแล้ว และจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค.64 ซึ่งจะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
'เกาะสมุย พบซากวาฬบรูด้าหนักห้าตันตายลอยติดโขดหินรอผ่าพิสูจน์ 10 มกราคม 2564 ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายวิทยา สุขสม ประธานศูนย์กู้ภัยวัดปลายแหลม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่บริเวณชายหาดเชิงมน ต.บ่อผุด ว่าที่บริเวณชายหาดพบซากวาฬบรูด้าขนาดใหญ่ ตายลอยมาติดโขดหิน จึงขอให้เข้ามาตรวจสอบ จากนั้นจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย เจ้าหน้าที่ประมงอำเภอและทหาร กอ.รมน.ภาค 4 พื้นที่เกาะสมุย เข้าตรวจสอบร่วมกับอาสาสมัครกู้ภัยวัดปลายแหลม เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่ามีประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ทราบข่าว เดินทางเข้ามาดูซากวาฬบรูด้าจำนวนมากพร้อมทั้งถ่ายรูปและไลฟ์สด โดยจุดที่พบอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสมุย ตามแนวชายหาดมีลักษณะเป็นก้อนหินเล็กใหญ่จำนวนมาก ห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร พบซากวาฬบรูด้า ลอยติดอยู่กับโขดหิน ลักษณะนอนหงายท้อง สภาพขึ้นอืด ปลายหางเริ่มเน่าเปลื่อย ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ด้าน นายเชาวลิต เพชรน้อย ประมงอำเภอเกาะสมุย เผยว่า ดูจากทิศทางลมคาดว่าวาฬบรูด้าน่าจะถูกพัดมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซากวาฬบรูด้าวัดความยาวจองลำตัวได้ 11 เมตร 30 เซนติเมตร น้ำหนักคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ตัน ยังไม่ทราบเพศ และอายุ ขณะนี้ได้ประสานไปยังสัตวแพทย์กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ของศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน และกำลังเดินทางเข้าเกาะสมุยถึงในช่วงค่ำของวันนี้ และจะผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายในวันพรุ่งนี้ (11 ม.ค.) https://www.naewna.com/local/544419
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
"อุทยานฯอ่าวสยาม" สมบัติชิ้นใหม่ของประจวบฯ เปิดกรุสมบัติล้ำค่านามว่า "อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม" อุทยานแห่งชาติทางทะเลที่อยู่ใต้สุดของภาคกลางที่มีทั้งป่าและทะเล เป็นทั้ง "จุดกางเต็นท์" และเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของ "ประจวบคีรีขันธ์" ในสารบบอุทยานแห่งชาติของไทยตอนนี้มีอุทยานแห่งชาติอยู่ 155 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ มีอุทยานแห่งชาติที่กำลังเตรียมการประกาศหรืออยู่ในช่วงการจัดตั้ง 21 แห่ง ภาคเหนือมี 14 แห่ง คือ อช.ดอยเวียงผา, อช.น้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี, อช.แม่โถ, อช.ออบขาน, อช.น้ำตกพาจริญ, อช.ดอยสอยมาลัย, อช.นันทบุรี, อช.แควน้อย, อช.แม่เงา, อช.แม่สะเรียง(แม่ยวมฝั่งซ้าย), อช.เขลางค์บรรพต, อช.ถ้ำผาไท, อช.ภูชี้ฟ้า และ อช.ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในภาคอีสาน มี 2 แห่ง คือ อช.นายูง-น้ำโสม และ อช.ภูหินจอมธาตุ-ภูพระบาท ภาคใต้มี 4 แห่งคือ อช.หาดขนอม-ทะเลใต้, อช.น้ำตกชีโป, อช.อ่าวมะนาว-เขาตันหยง และ อช.สันกาลาคีรี ส่วนภาคกลางมี อช.อ่าวสยามที่เดียว อุทยานแห่งชาติที่กำลังเตรียมการ ก็คือยังไม่เป็นอุทยานแห่งชาติอย่างสมบูรณ์แบบ คือ ถ้าสมบูรณ์แบบก็จะต้องมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะต้องมีการกำหนดพื้นที่ว่าตรงไหนที่เป็นอุทยานแห่งชาติมีแผนที่แนบท้ายเสร็จสรรพ แต่ถ้ายังไม่ประกาศ ก็แสดงว่าหลักเกณฑ์เงื่อนไขทั้งหลายยังไม่เรียบร้อย ผลก็คืออุทยานแห่งชาติเหล่านี้จึงยังไม่ได้งบประมาณมาเป็นของตนเองในการบริหารงาน ยังต้องไปแปะกับงบประมาณส่วนกลางอยู่ก่อน เวลาเราไปถึงยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม บ้านพักอะไรก็ยังไม่มี สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรก็อาจจะยังไม่ค่อยพร้อม เวลาจะสร้างจะทำอะไรก็ต้องทำโครงการไปขอเงินจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ต้นสังกัด ทีนี้ส่วนภาคกลาง ตอนนี้มี ?อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม? ที่เดียวที่กำลังดำเนินการจัดตั้ง "อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม" แห่งนี้ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นภาคกลางที่จะเข้าเขตชุมพรอยู่แล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่อยู่ใต้สุดของภาคกลาง อุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นการควบรวมระหว่างวนอุทยานสองแห่งคือวนอุทยานป่ากลางอ่าวและวนอุทยานแม่รำพึง แค่ชื่อท่านผู้อ่านคงพอเห็นภาพว่าอุทยานนี้จะมีจุดเด่นสองส่วนคือมีทั้งป่าและมีทั้งทะเล คือวนอุทยานป่ากลวงอ่าวนั้นจะเป็นพื้นที่ป่าบนบกที่สมบูรณ์มากเป็นป่าดงดิบแล้ง พืชเด่นมากๆ คือต้นยางนา ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นป่ายางนาที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ พื้นที่ตรงนี้เป็นบริเวณ 1,258 ไร่ แล้วกลุ่มป่ายางนานี่แหละครับที่เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม เวลาท่านผู้อ่านมาบางสะพาน พอแยกมาจากถนนเพชรเกษม เข้าไปทางอำเภอบางสะพาน เลยไฟแดงไปแล้วเลี้ยวขวาไปทางหาดสมบูรณ์ ราว 2 กิโลเมตรจากตลาดบางสะพาน หรือถ้ามาจากหาดบ้านกรูด ขับมาตามทางสายรองสายบ้านกรูด-บางสะพานมาจนสุดทางถึงที่ทำการอุทยานฯเลย ที่นี่เขามีที่กางเต็นท์บรรยากาศร่มรื่น มากางเต็นท์ได้ ตอนนี้ยังไม่เสียเงินค่าธรรมเนียมด้วย อีกส่วนคือวนอุทยานแม่รำพึง เนื้อที่ 3,706 ไร่ ส่วนนี้จะเป็นป่าพรุที่สมบูรณ์ มีต้นเสม็ดขาวเป็นพืชหลัก ต้นเสม็ดขาวที่นี่ขึ้นกันหนาแน่น กินพื้นที่เรื่อยไปจนถึงหาดแม่รำพึง และส่วนที่อยู่ในทะเล เป็นเกาะต่างๆ คือ บน "เกาะทะลุ" ซึ่งเรารู้กันอยู่ว่าบนนั้นมีรีสอร์ตของเอกชนเจ้าเดียว เขาว่าเขามีเอกสารสิทธิ์ อันนี้ก็ต้องไปว่ากันไป ซึ่งก็อาจจะมีก็ได้ แต่บนเกาะทะลุ มันยังมีพื้นที่เหลืออีก ทั้งที่อยู่บนเขา ส่วนที่เป็นปลายแหลม และชายหาดทั้งหมด รวมทั้งกำหนดพื้นน้ำที่ออกมาจากเกาะอีก 300 เมตร เป็นพื้นที่ 2,694 ไร่ แล้วยังมีเกาะสิงห์และเกาะสังข์อีก รัศมีออกมาจากเกาะ 300 เมตรเหมือนกัน เนื้อที่อีก 393 ไร่ รวมเบ็ดเสร็จ อุทยานแห่งชาติอ่าวสยามก็จะมีพื้นที่ราว 8,051 ไร่ ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติค่อนข้างเล็กทีเดียว ผมเอาแผนที่อุทยานแห่งชาติอ่าวสยามมาให้ดูประกอบจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น แต่พื้นที่เล็กๆ ถ้าเราไม่รีบจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ก็จะเสียหายไปเรื่อย พื้นที่ป่าอย่างป่าพรุแม่รำพึงวันดีคืนดี อาจจะมีคนไปวิ่งเต้นจนออกเอกสารสิทธิ์มาจนได โดยที่เจ้าพนักงานที่ดินตอบไม่ได้ว่าทำไมจึงออกเอกสารที่ดินมาได้ ก็เคยเป็นแบบนี้มาหลายที่จนเป็นคดีความกันเยอะแยะไปหมด เป็นปัญหาโลกแตก ที่พื้นที่ที่เราดูแล้วไม่น่าจะออกโฉนดได้ แต่เขาก็มีโฉนดมายืนยัน พื้นที่อุทยานฯบางทีก็มีโฉนดมายืนยัน ต้องฟ้องร้องกันเป็นสิบๆ ปีกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะซึ่งส่วนใหญ่ตกกลับมาเป็นของอุทยานฯ ของส่วนรวม ความโดดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวของ "อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม" นอกจากป่ายางที่น่ามากางเต็นท์ บรรยากาศร่มรื่น และอยู่ใกล้ตลาดแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ อย่างอ่าวทองหลาง หรือถ้ำเขาม้าร้อง ส่วนในเขตอุทยานฯก็ที่เกาะทะลุนี่เอง เกาะนี้ได้ขึ้นชื่อว่าน้ำใสมาก ใสจนเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าเกาะในทะเลประจวบฯ น้ำจะใสขนาดนี้ แม้จะขึ้นเกาะไม่ได้ (เพราะเป็นพื้นที่เอกชน) แต่บนหาดทรายน่าจะได้ เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ และตรงส่วนปลายเกาะซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ ต่อไปเมื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติมีหน่วยพิทักษ์มีอะไรแล้วนักท่องเที่ยวคงมากางเต็นท์กันได้ ตอนนี้บนเกาะก็มีทางเดินขึ้นไปบนเขาเพื่อชมทิวทัศน์ได้แล้ว และที่นี่มีพืชเฉพาะถิ่นที่หายากเรียกว่า เทียนทะเล ตามในรูปเลย ขึ้นกันดาษดื่นทางปลายเกาะ ส่วนที่ว่าทะลุคือหัวเกาะด้านทิศเหนือ ที่ภูเขาทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ แล้วบนเกาะ มีเต่าทะเลขึ้นวางไข่บนเกาะอยู่บ่อยๆ ทางอุทยานฯร่วมกับรีสอร์ต ช่วยกันอนุบาลไข่จนฟักเป็นตัวแล้วจึงปล่อยลงทะเล ส่วนเกาะสิงห์และเกาะสังข์ เป็นเกาะหินเล็กๆ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะทะลุ เป็นเกาะหินสองเกาะ ห่างกันเป็นกิโลเหมือนกัน ไม่มีชายหาด แต่มีปะการังน้ำตื้น ผมเคยไปมาเมื่อสัก 20 ปีก่อน ปะการังยังดีอยู่มาก เวลาน้ำลงปะการังจะโผล่ขึ้นมาให้เห็น แต่เห็นว่าเดี๋ยวนี้ปะการังสองเกาะนี้เสียหายไปเยอะแล้ว เพราะเหตุนี้ด้วยกระมัง ที่ทางกรมอุทยานฯเขาถึงอยากจัดตั้งให้เป็นอุทยานฯโดยเร็ว การเป็นอุทยานแห่งชาตินั้น แน่นอนว่าคนในพื้นที่ ที่เคยทำอะไรได้ตามใจชอบ อาจจะทำไม่ได้ แต่มันจะเป็นหลักประกันว่า สภาพของธรรมชาติ จะถูกดูแลรักษาอย่างดี ดีกว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา เมื่อธรรมชาติดี งานภาคการท่องเที่ยวจะตามมา เรือพาเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร จะคึกคักขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับคนในพื้นที่ว่าจะเล็งเห็นผลในระยะยาว กินยาวถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือจะรีบกิน รีบโกยกันในเวลานี้ รุ่นเรานี้ แล้วทิ้งธรรมชาติโทรมๆ ไว้ให้ลูกหลานอดสูในในการกระทำของคนรุ่นเรา อุทยานแห่งชาติคือความมั่นคงของธรรมชาติ ให้เขาประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเถอะ ประโยชน์จะเกิดกับบางสะพานอย่างยั่งยืน และแน่นอน... https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/916398
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
ตุ่นปากเป็ด ?สัตว์ประหลาดผู้น่ารัก? มีพันธุกรรมของสัตว์ 3 ประเภทอยู่รวมกัน , ตุ่นปากเป็ดเป็นสัตว์ที่พบได้ในทวีปออสเตรเลียเท่านั้น ตุ่นปากเป็ด (Platypus) เป็นสัตว์โลกหน้าตาน่ารักที่มีความแปลกประหลาดอย่างยิ่ง นอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ออกลูกเป็นไข่ หลั่งเหงื่อเป็นน้ำนม และมีเดือยพิษที่ฝ่าเท้าแล้ว ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ยังพบว่ามันมีขนเรืองแสง ทั้งมีพันธุกรรมของนกและสัตว์เลื้อยคลานรวมอยู่กับยีนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมของมันเองด้วย ทีมนักชีววิทยานำโดย ดร. จาง กว๋อจี้ จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก ตีพิมพ์ผลการศึกษาข้างต้นในวารสาร Nature โดยระบุว่าได้ถอดลำดับพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนมของตุ่นปากเป็ดทั้งตัวผู้และตัวเมีย รวมทั้งของตัวอีคิดนา (Echidna) เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาทางพันธุกรรมของสัตว์ที่แปลกประหลาดทั้งสองชนิด ว่ามีความสัมพันธ์กับวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างไรบ้าง ตุ่นปากเป็ดเป็นสัตว์ในอันดับโมโนทรีมาตา (Monotremata) ซึ่งสัตว์จำพวกนี้มีทวารสำหรับขับถ่ายและช่องสืบพันธุ์เป็นอวัยวะเดียวกัน แต่ตุ่นปากเป็ดกลับมีโครโมโซมเพศถึง 10 ตัว (5 คู่) ซึ่งมากเกินกว่ามนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไปที่มีแค่ 2 ตัวเท่านั้น พวกมันมีพฤติกรรมออกหากินเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ ทั้งมีเดือยพิษเป็นอาวุธอยู่ที่ฝ่าเท้าด้านหลัง พิษของตุ่นปากเป็ดไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่จะทำให้สัตว์ผู้ล่ารู้สึกระคายเคืองเจ็บปวดจนไม่อยากกินมันได้ ขนของตุ่นปากเป็ดสามารถเรืองแสงในความมืดมิดได้ ผลวิเคราะห์พันธุกรรมโดยทีมผู้วิจัยเผยให้ทราบว่า ตุ่นปากเป็ดและอีคิดนามีพันธุกรรมแบบโบราณที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากบรรพบุรุษร่วมของสัตว์มีกระดูกสันหลังต่าง ๆ เลย แต่อย่างไรก็ตาม พวกมันเริ่มมีวิวัฒนาการแยกสายออกจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ในยุคจูราสสิกเมื่อราว 187 ล้านปีก่อน โครโมโซมเพศของตุ่นปากเป็ดที่มีมากถึง 10 ตัว ดูเหมือนจะเป็นมรดกทางพันธุกรรมจากสัตว์จำพวกนก โดยมีความคล้ายคลึงกับของไก่มากที่สุด ซึ่งลักษณะทางพันธุกรรมนี้ทำให้มันออกลูกเป็นไข่ แม้ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็ตาม แต่วิวัฒนาการทำให้ยีนที่ผลิตโปรตีนเพื่อการสร้างไข่ของตุ่นปากเป็ดมีเหลือเพียง 1 ใน 3 ของไก่เท่านั้น ลูกตุ่นปากเป็ดดื่มน้ำนมแม่ซึ่งออกจากต่อมเหงื่อที่ผิวหน้าท้อง ในขณะเดียวกัน ตุ่นปากเป็ดมียีนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำนมหลายตัว เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ แต่มันมียีนผลิตโปรตีนในน้ำนมบางตัวเพิ่มเข้ามา ซึ่งยังไม่ทราบว่าโปรตีนดังกล่าวทำหน้าที่อะไรแน่ ส่วนยีนที่สร้างพิษนั้นมีความเกี่ยวข้องกับยีนของระบบภูมิคุ้มกันที่พบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป "การวิเคราะห์พันธุกรรมของตุ่นปากเป็ดทำให้เราได้รู้ว่า การผลิตน้ำนมในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดรวมทั้งมนุษย์ ล้วนมีวิวัฒนาการมาจากยีนชุดเดียวกันในบรรพบุรุษร่วมที่มีชีวิตอยู่เมื่อกว่า 170 ล้านปีก่อน" ดร. จางกล่าว อย่างไรก็ตาม ตุ่นปากเป็ดนั้นสูญเสียยีน 4 ตัวที่ช่วยสร้างฟันไปเมื่อราว 120 ล้านปีก่อน ทำให้มันไม่มีฟันเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ และต้องบดเคี้ยวอาหารด้วยปากที่เป็นแผ่นแข็งแทน https://www.bbc.com/thai/international-55608809
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|