#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัด ปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ในช่วงวันที่ 30 ? 31 มกราคม 2564 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านประเทศเมียนมาเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นเป็นบางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ประกอบกับในช่วงวันที่ 29 - 31 ม.ค. 64 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกเกิดเป็นบางพื้นที่เกิดขึ้นได้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 2-4 ก.พ. 64 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศเย็นอย่างต่อเนื่อง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. ? 1 ก.พ. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
"กรมทรัพยากรธรณี" เผยปริศนาโครงกระดูก "วาฬอำแพง" มีอายุ 3,380 ปี ที่ขุดพบในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร "กรมทรัพยากรธรณี" เผย โครงกระดูกวาฬ ที่ขุดพบในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งโครงกระดูกดังกล่าว คือ วาฬอำแพงมีอายุ 3,380 ปี ตามหลักฐานบ่งชี้ว่าพื้นที่บริเวณตำบลอำแพง เป็นทะเลเมื่อประมาณ 3,380 ปีก่อน จากกรณี เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา พบโครงกระดูกวาฬขนาดใหญ่ไม่ทราบสายพันธุ์ โดยโครงกระดูกที่พบลึกจากผิวดินกว่า 6 เมตร ในพื้นที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งขุดค้นได้มากกว่า 50% ประกอบไปด้วย กระดูกสันหลังที่สมบูรณ์ 19 ชิ้น กระดูกซี่โครง ข้างละ 5 ชิ้น สะบักไหล่และแขน (ครีบ) ด้านซ้าย จากนั้น พบชิ้นส่วนกระดูกวาฬเพิ่มเติม รวมมากกว่า 80% ได้แก่ กระดูกสันหลังส่วนลำตัวถึงส่วนคอ กระดูกซี่โครง และกะโหลกพร้อมขากรรไกรสภาพสมบูรณ์ ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ม.ค. เพจ "กรมทรัพยากรธรณี" โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความรายงานว่า นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า หลังจากทีมกรมทรัพยากรธรณีลงพื้นที่สำรวจขุดค้นในพื้นที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และทำการเคลื่อนย้ายโครงกระดูกวาฬเพื่อทำการอนุรักษ์ตัวอย่าง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี โดยมีชิ้นตัวอย่างโครงกระดูกวาฬ จำนวน 127 ชิ้นตัวอย่าง ขณะเดียวกัน ได้ส่งตัวอย่างกระดูกบริเวณส่วนหัวกะโหลกที่แตกหัก 1 ชิ้น ประมาณ 100 กรัม ไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์หาอายุด้วยวิธีศึกษาธาตุคาร์บอน-14 (C-14) นายสมหมาย เตชวาล กล่าวอีกว่า ช่วงเวลากลางเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการอนุรักษ์ตัวอย่างโครงกระดูกวาฬชิ้นสุดท้ายชิ้นที่ 128 คือ เฝือกส่วนกะโหลก และกระดูกหู 2 ข้าง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการจำแนกสายพันธุกรรมโบราณและวิวัฒนาการของวาฬ อีกทั้งยังพบขากรรไกรบน (ซ้าย-ขวา) และชิ้นส่วนนิ้วเพิ่มอีกจำนวน 3 ข้อ สรุปชิ้นตัวอย่างโครงกระดูกวาฬ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 138 ชิ้นตัวอย่าง และหลังจากการส่งตัวอย่างกระดูกวาฬอำแพงเพื่อวิเคราะห์หาอายุของวาฬ กรมทรัพยากรธรณีได้รับแจ้งจากห้องปฏิบัติการบริษัท เบต้า จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการชั้นนำด้านการหาอายุด้วยวิธีคาร์บอน 14 AMS ทราบว่า วาฬอำแพงมีอายุ 3,380 ปี ซึ่งผลอายุของกระดูกวาฬอำแพงได้นำไปสู่หลักฐานที่บ่งชี้ว่าพื้นที่บริเวณตำบลอำแพง เป็นทะเลเมื่อประมาณ 3,380 ปีก่อน ซึ่งอธิบายถึงสภาพนิเวศวิทยาโบราณที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ได้แก่ ฉลาม กระเบน หอยกาบคู่ หอยกาบเดี่ยว และการลำดับชั้นตะกอนทะเลโบราณของที่ราบภาคกลางได้เป็นอย่างดี https://mgronline.com/onlinesection/.../9640000009166
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
มันเบิ้มมาก! พบ หมึกยักษ์ ใหญ่เกินคน หนักกว่าร้อยโล เผย อาจเป็นลางร้าย ชาวประมงญี่ปุ่น พบหมึกยักษ์แบบเป็นๆถูกซัดขึ้นฝั่ง มีขนาดใหญ่กว่าคนถึงสองเท่า มีความยาวหลายเมตร แถมยังหนักเกิน 100 กิโล! เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ชาวประมงท้องถิ่นได้พบหมึกยักษ์ คาดว่าถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง ที่ท่าเรือประมง เมืองอิซุโมะ จังหวัดชิมาเนะ หมึกยักษ์ตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าคนถึงสองเท่า มีความยาวถึง 4.1 เมตร น้ำหนัก 170 กิโลกรัม ซึ่งมันยังมีชีวิตอยู่ ชาวประมงจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ จากการตรวจสอบของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมาเนะ กล่าวว่า หมึกยักษ์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก ในความลึกกว่า 600 เมตร เป็นไปได้ว่ามันถูกกระแสน้ำพัดมายังฝั่งทะเลญี่ปุ่น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบว่า หมึกยักษ์ตัวนี้ไม่มีหนวดที่เอาไว้จับเหยื่อ ซึ่งถ้าหากมันมี คาดว่าจะมีความยาวถึง 6 เมตร ทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า หมึกยักษ์ตัวนี้อ่อนแอเกินกว่าที่จะปล่อยลงไปทะเลได้ และในญี่ปุ่นมันเป็นเรื่องยากที่จะพบหมึกยักษ์ถูกซัดขึ้นฝั่งแบบเป็นๆ จึงตัดสินใจนำไปแช่แข็งคงสภาพเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมาเนะ เพื่อเป็นประโยชน์แก่การศึกษาวิจัยในอนาคต การพบหมึกยักษ์ครั้งนี้ ชาวญี่ปุ่นมีความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น น่ายินดี ถึงกับอยากไปชมหมึกตัวนี้ที่พิพิธภัณฑ์เลยทีเดียว แต่ชาวเน็ตบางคนก็กังวลว่า การพบหมึกยักษ์จะเป็นลางเตือนภัยการเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่ : ขอบคุณที่มา www.news.livedoor.com https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_5841275
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|