สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7- 9 กุมภาพันธ์ 2564 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นอุณภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยพายุฝนฟ้าคะนองจะเริ่มมีผลกระทบในภาคเหนือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีผลกระทบในวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2564


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5 ? 6 ก.พ. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 9 ก.พ. 64 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางตอนบน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

หลังจากนั้นในวันที่ 10 ก.พ. 64 อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียสในภาคภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังอ่อนลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 7 ? 9 ก.พ. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น สำหรับเกษตรกรควรป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2564)" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2564

ในช่วงวันที่ 7- 9 กุมภาพันธ์ 2564 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นอุณภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยพายุฝนฟ้าคะนองจะเริ่มมีผลกระทบในภาคเหนือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีผลกระทบวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2564 ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักอนุรักษ์ดีใจ ลูกเต่ามะเฟืองหาดบางขวัญ ฟักเป็นตัวลงทะเลเป็นรังที่ 7

ข่าวดีลูกเต่ามะเฟืองรังที่ 7 ที่หาดบางขวัญ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ฟักออกจากไข่ปีนขึ้นมาจากหลุม ก่อน จนท.จะเอาไปปล่อยที่หาดทรายให้คลานลงสู่ทะเลรวม 72 ตัว โดยมีเอาไปอนุบาลรอปล่อย 9 ตัว



เมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.) สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 โดยส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ได้ร่วมกันเฝ้าระวังหลุมฟักไข่เต่ามะเฟืองหาดบางขวัญ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา หลังตรวจพบการยุบตัวของปากหลุมจากกล้องซีซีทีวี



ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าดูแล/เฝ้าระวัง สังเกตการเปลี่ยนแปลงของปากหลุมที่ยุบตัว มีลูกเต่ามะเฟืองทยอยขึ้นมารอ บริเวณปากหลุมมากขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้จับลูกเต่ามะเฟืองใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ นำไปปล่อยลงสู่ทะเล จำนวน 65 ตัว และทำการขุดช่วยเหลือลูกเต่ามะเฟืองในหลุมที่แข็งแรง สามารถนำไปปล่อยเพิ่มได้อีก จำนวน 7 ตัว(รวมที่ปล่อยลงสู่ทะเลทั้งหมด 72 ตัว) อนุบาลรอปล่อย 9 ตัว ลูกเต่ามะเฟืองตายแรกเกิด 19 ตัว ไข่ที่มีตัวอ่อน (นำใส่ตู้ ICU Box เพื่อกระตุ้นการฟัก) 2 ฟอง มีไข่ไม่ได้รับการผสม 14 ฟอง ไข่ลม 27 ฟอง รวมเป็นจำนวนไข่ที่แม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางรวมทั้งสิ้น 143 ฟอง นับเป็นวันที่ 56 หลังจากการพบร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟือง.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2026248

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ปลาดาวมงกุฎบุกเกาะ ปิดะนอก หมู่เกาะพีพี หวั่นทำลายปะการัง

กระบี่ - ปลาดาวมงกุฎระบาดหนัก บุกแหล่งท่องเที่ยวดังกระบี่ เกาะปิดะนอก หมู่เกาะพีพี หวั่นทำลายแนวปะการัง ต้องกำจัด จำกัดจำนวน



นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากการดำน้ำสำรวจแนวปะการังในเขตรับผิดชอบของหมู่เกาะพีพี ปรากฏว่าที่บริเวณเกาะปิดะนอก ใกล้กับเกาะพีพีเล หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี พบประชากรปลาดาวมงกุฎหนาม หรือปลาดาวหนาม ซึ่งเป็นปลาดาวทะเลขนาดใหญ่ จำนวนกว่า 30 ตัว เข้าขั้นการแพร่ระบาด

ซึ่งจากปริมาณปลาดาวดังกล่าว จะต้องมีการกำจัดออกไปเพื่อให้เกิดความสมดุลต่อระบบแนวปะการัง เพราะถือว่าเป็นปลาดาวทะเลขนาดใหญ่ มีแขนรวมกันทั้งหมด 8 -21 แฉก ตัวโตเต็มวัยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 - 30 เซนติเมตร ซึ่งจะกินปะการังเป็นอาหาร บนหนามมีสารซาโปนินเคลือบอยู่ ซึ่งมีพิษต่อสัตว์หลายชนิด ตัวเมียแต่ละตัวมีไข่ประมาณ 12 - 24 ล้านฟอง



ทั้งนี้เมื่อดาวมงกุฎหนามระบาดความเสียหายที่เกิดขึ้นในแนวปะการังจะแผ่เป็นบริเวณกว้างกว่าที่จะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เพราะสามารถกินปะการังได้ทุกซอกทุกมุม มีรายงานว่าบริเวณเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก แนวปะการังถูกปลาดาวมงกุฎหนามทำลายไปเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตรต่อเดือน บริเวณที่ถูกทำลายไปแล้วปะการังอาจฟื้นตัวขึ้นใหม่ ใช้เวลานาน 10 - 40 ปี หรือนานกว่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพแวดล้อมอื่นๆประกอบด้วย


https://mgronline.com/south/detail/9640000011415


*********************************************************************************************************************************************************


ทะเลโฟม! ฟองขาวเต็มพื้นชายหาดอาร์เจนตินา ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มีแนวโน้มเกิดบ่อยขึ้น



เมื่อวานก่อน (3 กุมภาพันธ์ 2021) ชายหาดของ Mar del Plata ซึ่งเป็นรีสอร์ทริมชายหาดชั้นนำของอาร์เจนตินา ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวงบัวโนสไอเรสถูกปกคลุมด้วยโฟมจำนวนมาก

ชายหาดถูกปกคลุมไปด้วยโฟมสีขาวนุ่มคล้ายกับฟองโฟมจากเครื่องซักผ้า หรือวิปครีมเต็มไปทั่วชายฝั่ง สร้างความตื่นตาให้ผู้มาเยือน น้ำทะเลติดชายหาดถูกปกคลุมด้วยคลื่นฟองโฟมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้เมื่อสาหร่ายถูกโยนลงไปท่ามกลางเกลียวคลื่น แต่ก็ไม่เป็นพิษต่อร่างกายแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ ปรากฏการณ์ทะเลโฟม เกิดขึ้นในชายฝั่งหลายประเทศ เช่น ทะเลโฟม ที่หาดยัมบา ชายฝั่งตอนเหนือของ ซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ 2555 หรือทะเลโฟมที่เมืองเคปทาวน์ประเทศแอฟริกาใต้ ในปี 2562 และปีที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นที่ชายหาดแคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน

ปรากฏการณ์ทะเลโฟมพบเห็นไม่บ่อยครั้งนัก เกิดจากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและลมพัดแรง ได้พัดสิ่งสกปรกต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นรวมกับเกลือทะเล ปฏิกิริยาเคมี เศษซากอินทรีย์วัตถุต่างๆ ในสัดส่วนที่พอเหมาะ และถูกคลื่นปั่นรวมกันเขย่าจนเป็นฟอง ก่อนซัดถาโถมกลับสู่ฝั่ง

ทะเลโฟมเป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นทั่วโลก และมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมทางทะเล น้ำจืดที่ไหลลงทะเล และพื้นผิวดินทรายโดยรอบ ซึ่งกำลังมีแนวโน้มการเกิดปรากฏการณ์ทะเลโฟม(ของเสีย) ให้พบเห็นบ่อยขึ้น และครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นเนื่องจากมนุษย์ทิ้งของเสียลงสู่ทะเลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่สิ้นสุด




https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000011512

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


หนุ่มกีวีหวิดมือขาด ฉลามแย่งปลาที่เพิ่งตกได้ แถมถูกลากลงทะเลไกล 18 เมตร
รอบโลก

หนุ่มกีวีหวิดมือขาด ฉลามแย่งปลาที่เพิ่งตกได้ แถมถูกลากลงทะเลไกล 18 เมตร

หนุ่มกีวีหวิดมือขาด - วันที่ 4 ก.พ. เดลีเมล รายงานนาทีหวาดเสียวผ่านแอคชั่นแคมของหนุ่มนักหาปลา ที่เกือบถูกฉลามเขมือบมือ เพื่อแย่งปลาที่หนุ่มเพิ่งตกได้ นอกชายฝั่งของนิวซีแลนด์



จามอน วิลสัน หนุ่มวัย 18 ปี เพิ่งจับ ปลาช่อนทะเล ตัวใหญ่นอกชายฝั่งเมืองเนลสัน ทางเหนือสุดของนิวซีแลนด์ในส่วนเกาะใต้ กระทั่งบรรดานักดำน้ำยิงปลาเตือนว่า ฉลามกำลังจะมาใกล้นายวิสสันแล้ว

ไม่ทันที่นายวิสสันคว้าปืนยิงปลาและมุ่งหน้ากลับบ้าน น้ำทะเลรอบตัวนายวิลสันเปลี่ยนเป็นสีขาว จากนั้น ฉลามครีบด่าง โผล่มาแย่งปลาช่อนทะเลที่ยังติดอยู่กับสายเบ็ด ห่างจากมือหนุ่มนักหาปลาเพียงไม่กี่เซนติเมตร

จากนั้น ฉลามครีบด่างลากนายวิสสันลงน้ำไปไกล 18 เมตร กระทั่งขาดแยกออกจากฉลาม หนุ่มนักหาปลาจึงรอดกลับมาขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

"เดิมทีผมคิดว่าปลาช่อนทะเลจะมีชีวิตอยู่ในน้ำอีกเล็กน้อย เพราะบางครั้งยังมีเส้นประสาทและยังดิ้นไปมา จากนั้น ผมรู้สึกถึงแรงของฉลามกระแทกผมและปลาช่อนทะเลกระเด็นออกจากมือผมไป ตอนนั้นมวลน้ำทะเลสีขาวขนาดใหญ่ทำให้ผมมองเห็นไม่ค่อยชัด ผมจับปืนยิงปลาที่มีปลาช่อนทะเลติดอยู่ จากนั้น ฉลามลากตัวผมลงน้ำไปราว 20 เมตร ก่อนกัดเส้นเบ็ดขาด" นายวิลสันกล่าว

นายวิสสันไม่สงสัยเลยว่า ตัวเองโชคดีขนาดไหนที่รอดมาได้โดยไม่เป็นแผลที่มือ ถูกฉลามกัด หรือมือขาด เพราะปกติแล้ว ฉลามครีบด่างไม่ใช่สัตว์ก้าวร้าวมากนัก แต่มั่นใจว่าครั้งนี้รุนแรงและไม่เหมือนใคร จึงเดาว่าฉลามครีบด่างมีเป้าหมายกินปลาช่อนทะเล

"นี่เป็นปลาช่อนทะเลตัวแรกที่ผมเคยตก ตัวใหญ่มากและผมตั้งใจทำเป็นอาหารให้เพื่อนๆ และครอบครัวผมชิม นี่เป็นประสบการณ์ที่เพียงไม่กี่คนในโลกจะเคยมี จึงถือเป็นความคุ้มค่าที่จะเสียปลาช่อนทะเลไป" และว่า "เราอยู่ในพื้นที่ชายขอบของฉลาม จึงต้องปฏิบัติกับพวกมันด้วยความเคารม และตราบเท่าที่คุณไม่คุกคามฉลาม ฉลามจะไม่คุกคามคุณเช่นกัน"

ก่อนหน้านี้ ไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว นายแคร์ลา มาร์โลว์ หนุ่มวัย 19 ปี ถูกฉลามขาวยักษ์เขมือบตายนอกชายฝั่งเมืองไวฮีของนิวซีแลนด์เช่นกัน


https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_5884212