สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็น ในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพจากอากาศที่หนาวเย็นนี้ไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ตู้เจวียน" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกหรือด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงวันที่ 21-22 ก.พ. 64 แล้วจะอ่อนกำลังลง โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20 - 21 ก.พ. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 22-26 ก.พ. 64 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลงและคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ตู้เจวียน" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกมีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศฟิลิปินส์ในช่วงวันที่ 21-22 ก.พ. 64 และหลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลง โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 20 - 21 ก.พ. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนในช่วงวันที่ 22 - 26 ก.พ. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ปล่อยแม่น้ำบางประกงแล้ว 2โลมาพลัดฝูงเข้าคลองด่าน

เจ้าหน้าที่นำ 2 โลมาพลัดฝูงเข้าคลองด่านขึ้นเรือ ไปปล่อยปากแม่น้ำบางประกงแล้ว



จากกรณีที่มีโลมาปากขวดว่ายน้ำหลงเข้ามาที่บริเวณด้านหลัง สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร 2 ของ โครงการ ส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร หรือชลประทานคลองด่าน หมู่ 5 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อเย็นวาน (19 ก.พ.) คืบหน้าเมื่อวันที่ ?20 ก.พ. น.ส.ชลาทิพย์ จันทร์ชมภู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก พร้อมเจ้าหน้าที่และชาวบ้านคลองด่านได้ช่วยกันนำโลมาตัวดังกล่าว ขึ้นเรือและนำไปปล่อยที่บริเวณปากแม่น้ำบางประกง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่อยู่ของฝูงโลมาได้สำเร็จ

ทั้งนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก ได้ช่วยกันจับตัวเจ้าโลมา นำขึ้นเรือของชาวบ้านและนำไปปล่อยที่ปาอ่าว ครั้งหนึ่งแล้ว ?แต่หลังที่เจ้าหน้าที่ได้นำเรือกลับเข้าฝั่งมาได้เพียงครึ่งชั่วโมง ได้มีชาวบ้านพบเห็นโลมาตัวดังกล่าว แต่เป็นคลองแยกย่อยซึ่งเป็นป่าชายเลน เจ้าหน้าและชาวบ้านต้องนำเรือออกไปติดตามหาน้องโลมาและให้การช่วยเหลือนำออกมาจากป่าชายเลนเพราะเกรงจะเกยตื้นและเสียชีวิต ก่อนที่จะนำออกมากักบริเวณไว้ที่บริเวณจุดพักน้ำใกล้ประตูระบายน้ำชลหารพิจิต 2 ซึ่งเป็นจุดน้ำลึก เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีกระแสลมพัดแรงไม่สามารถนำเรือเล็กออกไปยังปากอ่าวได้ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีทีมแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลประจำตำบลคลองด่านมาคอยสังเกตอาการและสังเกตการหายใจของเจ้าโลมาตัวดังกล่าวว่ามีอาการปกติหรือได้รับบาดเจ็บอะไรบ้างหรือไม่ ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตอาการพบว่าการหายใจของเจ้าโลมาตัวดังกล่าวยังเป็นปกติอยู่ แต่ตามลำตัวและคีบหางจะมีบาดแผลที่เกิดจากการครูดกับตัวเพียงและเกิดจากการว่ายน้ำเข้าไปกระทบกับวัตถุต่างๆ บ้างในจุดที่มีน้ำตื้นจนเป็นบาดแผลตามลำตัวหลายแห่ง แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากเป็นบาดแผลขนาดเล็กและสามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ และในวันนี้พบว่าเจ้าโลมาตัวดังกล่าวมีพฤติกรรมเริ่มคุ้นชินกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น กระทั้งคลื่นลมสงบจึงสามารถเจ้าโลมาตัวดังกล่าวขึ้นเรือและนำไปปล่อยที่บริเวณปากแม่น้ำบางประกงได้สำเร็จดังกล่าว


https://www.dailynews.co.th/regional/826618

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


กรมเจ้าท่าเร่งช่วยลูกเรือประมง ที่เพชรบุรี ยังสูญหาย 4 ราย

กรุงเทพฯ 20 ก.พ.- กรมเจ้าท่า เร่งช่วยเหลือ อุบัติเหตุ เรือประมงขนาดใหญ่ ล่มกลางทะเลห่างจากชายฝั่ง 17 ไมค์ทะเล ( 31 กม.) ไปทางทิศใต้พื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มีลูกเรือไทย-เมียนมา ประสบเหตุ 9 คน ช่วยเหลือได้แล้ว 5 ราย ยังคงสูญหาย 4 ราย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 06.05 กรมเจ้าท่า โดยสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ได้รับแจ้งจาก ศรชล.(PSCC) จ. สมุทรสาคร ว่ามีเรือประมง ชื่อเรือ ก.โชคชัยสมบูรณ์ 1 (เรือขนาด 28.42 ตันกรอส จมลงบริเวณพิกัด แลต 12? 40.002N ลอง 100? 17.646E. นั้น โดยได้รับแจ้งว่าในเรือมีลูกเรือทั้งหมด 9 คน(ไทย 2 เมียนม่า 7 ) พบลูกเรือแล้ว 5 คน อยู่ในสภาพปลอดภัย (ไทย 1 คน/เมียนมา 4 คน) ยังไม่พบลูกเรือที่สูญหายอีก 4 คน โดยมีรายชื่อ ดังนี้ 1.นายสยุมภู อิทธิฤทธิ์ สัญชาติไทย 2.นายซิอินซ้น สัญชาติ เมียนมา 3.นายโซลินอู สัญชาติเมียนมา 4. นายจีตู สัญชาติเมียนมา 5.นายซอพอคู สัญชาติเมียนมา


รายชื่อผู้ประสบภัยที่สูญหาย

นายวรเดช ภักดีจารุภัทร สัญชาติไทย 2. นายเปโปอาว สัญชาติเมียนมา 3. นายซออาวโทน สัญชาติเมียนมา 4.ซานจอตู สัญชาติเมียนมา

กรมเจ้าท่าได้สั่งการให้ เรือตรวจการณ์ 803 ออกเรือเข้าร่วมออกค้นหาผู้ประสบภัย และ ประสานการช่วยเหลือจาก ศรชล. และ ทรภ.1 นำเรือ ต.268 และ ฮ.ปด.1 พร้อมด้วยเรือประมง ร.โชคสมบูรณ์ 111 และมูลนิธิสว่างเพชร จ.เพชรบุรี นำนักประดาน้ำ เข้าทำการค้นหาเและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผลการค้นหายังไม่พบผู้สูญหาย ประกอบกับ สภาพคลื่นลมเริ่มแรง และเป็นเวลาพลบค่ำ ทำให้การค้นหาและการปฏิบัติการช่วยเหลือ เป็นไปด้วยความยากลำบาก

โดยล่าสุดเมื่อเวลา 20.47 น. ยังไม่สามารถค้นหาลูกเรือประมงที่สูญหายอีก 4 รายได้ โดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยุติการค้นหาในช่วงเวลากลางคืน และจะเริ่มภารกิจค้นหาอีกครั้ง ในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ได้รายงาน อุบัติเหตุดังกล่าว กระทรวงคมนาคมทราบแล้ว โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการติดตาม ค้นหาและช่วยเหลือผู้สูญหายโดยเร็ว และหากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ.


https://tna.mcot.net/business-640990

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


หาดูยาก "ไข่ฉลามติดอวน" ฟักเป็นตัวในบ่ออนุบาล

หาดูยาก "ไข่ฉลามกบ" ติดอวนเก่าที่เก็บจากทะเลแถวอ่าวพังงา ฟักตัวแล้ว? หลังจากศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จ.ภูเก็ต เจอแล้วนำมาดูแลกว่าหนึ่งเดือนครึ่ง เตรียมอนุบาลให้แข็งแรงก่อนปล่อยคืนทะเล



วันนี้ (20 ก.พ.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์และพันธุ์พืช เผยภาพหาดูยาก เป็นลูกฉลามกบที่อยู่ในบ่ออนุบาล โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จ.ภูเก็ต ทำการอนุบาลไข่ปลาฉลามที่ติดมากับอวนเก่า ในกิจกรรมเก็บกู้เครื่องมือประมงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมาจาก อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา กระทั่ง 18 ก.พ.นี้ ไข่ฉลามสามารถฟักเป็นตัวแล้ว เป็นชนิดฉลามกบ เป็นปลาฉลามที่พบได้ทั่วไปในน่านน้ำไทย กินปลาขนาดเล็ก หมึก หอย กุ้ง และปูเป็นอาหาร

ข้อมูลระบุว่า ฉลามกบออกลูกเป็นไข่ ครั้งละ 2 ฟอง ซึ่งไข่มีลักษณะเป็นกระเปาะรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดความยาว 7-9 ซม. ที่ปลายจะมีเส้นใยสำหรับยึดเกาะวัตถุใต้น้ำ แม่ปลาจะวางไข่ตามกองหินใต้น้ำ หรือตามกอสาหร่าย ต่อจากนี้จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่ออนุบาลให้มีความแข็งแรง ก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล

ทั้งนี้ฝากประชาสัมพันธ์ และข้อควรระวังในพื้นที่อื่นๆ ที่มีกิจกรรมเก็บขยะตามแนวปะการัง หรือตามพื้นที่ต่างๆ ว่าซากเครื่องมือประมงเก่า บางครั้งอาจมีไข่สัตว์น้ำ ปะการัง สัตว์อื่นติดมาหรือไม่ ก่อนการนำขยะที่คัดแยกได้ไปทิ้ง และถ้านักดำน้ำ หรือเจ้าหน้าที่เก็บขยะที่อยู่ตามแนวปะการัง หรือตามระบบนิเวศต่าง ๆ ควรพิจารณาถึงสภาพขยะประเภทนั้นว่าก่อให้เกิดอันตรายหรือรบกวนระบบนิเวศหรือไม่

บางครั้งพบว่าเป็นเศษอวนเก่าที่มีปะการังขึ้นปกคลุมแล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บกู้ขึ้นมา เพราะจะทำให้สูญเสียปะการังที่ขึ้นปกคลุมอยู่ การจัดเก็บขยะโดยเฉพาะในแนวปะการังควรลงมือทำด้วยความรู้ความเข้าใจ จะทำให้กิจกรรมเก็บขยะนี้เกิดผลสำเร็จสูงสุด


https://news.thaipbs.or.th/content/301662