#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 10 - 11 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 16 มี.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนบางแห่ง ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 10 - 11 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
หุ่นยนต์นิ่มว่ายน้ำในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ปัญหาหนึ่งของเรือดำน้ำใต้ทะเลลึกไม่ว่าจะบรรจุคนหรือเป็นปฏิบัติการจากระยะไกล ก็คือการรับมือกับแรงกดมหาศาล เรือจึงต้องออกแบบสร้างให้ทานทนต่อแรงกดที่พบในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเล ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ล่าสุด ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์และมหาวิทยาลัยลินคอล์น ในอังกฤษ สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว นั่นก็คือการเลียนแบบความอ่อนนุ่มของปลามาพัฒนาสร้างหุ่นยนต์นิ่ม เนื่องจากมีการวิจัยก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่าเป็นไปได้ที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่มีความอ่อนนุ่มจากวัสดุที่ยืดหยุ่น เช่น ซิลิโคนและโพลิเมอร์ชนิดอื่นๆ หุ่นยนต์นิ่มดังกล่าวก็สร้างขึ้นจากโพลิเมอร์ชนิดอ่อน ออกแบบรูปร่างคล้ายปลากระเบน โดยผ่านการประกอบกันของกล้ามเนื้อประดิษฐ์ในตัวซิลิโคน กระแสไฟฟ้าที่ใช้บังคับให้กล้ามเนื้อหดตัวและดึงปีกขึ้น การผ่อนให้ปีกคลายสู่สภาพธรรมชาติ นักวิจัยเผยว่าปัญหาที่ต้องเอาชนะก็คือการเพิ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมหุ่นยนต์ ทีมพบว่าการจำลองโครงสร้างของกระดูกปลาสเนลฟิชที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกจะทำงานได้ดีมาก แทนที่จะพยายามบรรจุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงในกล่องเล็กๆ แต่ทีมได้เว้นช่องว่างและฝังอุปกรณ์นั้นไว้ในซิลิโคน ส่งผลให้แรงบีบคั้นในส่วนประกอบลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ทดสอบหุ่นยนต์ในห้องปฏิบัติการก่อนที่จะลองทดสอบในทะเลสาบใกล้เคียง ต่อจากนั้นก็นำไปทดสอบในทะเลจีนใต้ เมื่อพบความสำเร็จในทุกระดับความลึกที่ต้องการทดสอบ ทีมจึงเชื่อมต่อหุ่นยนต์นิ่มเข้ากับเรือดำน้ำแบบเดิมๆ และส่งมันลงไปในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ซึ่งพบว่าอุปกรณ์นี้ใช้งานได้ดีเช่นกัน. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2047029
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เจออีกเพียบ! ปรากฏการณ์ ?เรือลอยได้? กลางทะเล ล่าสุดเป็นเรือสำราญยักษ์ พบอีกภาพประหลาด เรือสำราญขนาดใหญ่ เหมือนลอยอยู่กลางอากาศนอกชายฝั่งสหราชอาณาจักร ปรากฏการณ์หาดูได้ยากที่เรียกว่า ภาพหลอกตา (Optical illusion) ทว่าเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลัง ในภาพล่าสุดนี้ เป็นภาพเรือสำราญขนาดใหญ่ลำหนึ่ง "กำลังลอยอยู่กลางอากาศ" บริเวณ Lyme Bay ระหว่างมณฑลเดวอน กับมณฑลดอร์เซ็ต สหราชอาณาจักร ซึ่งชัดเจนว่า มันมีต้นตอจากภาพหลอกตา เดฟ เมดล็อค พบเห็นเรือดังกล่าวตอนที่เขาจูงสุนัขออกไปเดินเล่นเมื่อวันเสาร์ (6 มี.ค.) ?มันเป็นบางอย่างที่ดูเหมือนมาจากหนังเจาะเวลาหาอดีต (Back to the Future) แต่ผมรู้ว่ามันเป็นรูปแบบพิเศษบางอย่างของปรากฏการณ์ภาพลวงตา (mirage) แม้ดูเหมือนเรือกำลังลอยอยู่กลางอากาศ แต่ความจริงแล้วมันยังคงอยู่ในน้ำ โดยที่เห็นว่ามันลอยค้างอยู่นั้น สืบเนื่องจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า superior mirage (ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเหนือวัตถุจริง ) mirage เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการหักเหของแสงในชั้นบรรยากาศต่างๆ เนื่องจากความหนาแน่นของชั้นอากาศต่างๆ ไม่เท่ากัน ทำให้ภาพที่ปรากฏออกมาอยู่เหนือกว่าตำแหน่งที่แท้จริง ซึ่งในกรณีทำให้เรือสำราญ P&O ดูเหมือนกำลังลอยอยู่ เรือสำราญ P&O เป็นหนึ่งในเรือหลายลำ ที่มีผู้พบเห็นลอยอยู่กลางอากาศในทะเล ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เดวิด มอร์ริส พบเห็นเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ ระหว่างเดินทางตามแนวชายฝั่งคอร์นิช ใกล้เมืองฟัลเมาท์ มณฑลคอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร เช่นกัน มอร์ริส บอกว่า เขาถึงกับตกตะลึงหลังเห็นภาพดังกล่าวระหว่างออกไปเดินเล่นริมทะเล เลยตัดสินใจถ่ายรูปเอาไว้ และนำมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์จนเกิดเป็นกระแสไวรัล ผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างตั้งข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับภาพถ่ายดังกล่าว บ้างก็เชื่อว่า อาจจะเป็นภาพตัดต่อ บางส่วนสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากปรากฏการณ์ภาพลวงตาอะไรสักอย่าง หรือถึงขั้นบอกว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวก็มี ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ก็มีคนพบเห็นเรือสำราญหลายลำลอยอยู่เหนือน่านน้ำนอกชายฝั่งเมืองเพย์นตัน มณฑลเดวอน นอกจากนี้แล้ว คอลิน แม็คคัลลัม พบเห็นเรือสีแดงขนาดใหญ่ลอยได้ อยู่บนเส้นขอบฟ้า ขณะที่เขาเดินทางผ่านเมืองแบนฟ์ อะเบอร์ดีนเชียร์ "ตอนที่ผมเห็นเรือครั้งแรก ผมจำเป็นต้องมองมันอีกรอบ เพราะคิดจริงๆ ว่ามันกำลังลอยอยู่" เขากล่าว "อย่างไรก็ตาม พอสังเกตเพิ่มเติม ผมสังเกตเห็นว่าข้อเท็จจริงคือมันเป็นแค่ภาพหลอกตาเท่านั้น" แม้ปรากฏการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้บนบก แต่ส่วนใหญ่แล้วมักพบเห็นในทะเลมากกว่า เนื่องจากน้ำทะเลช่วยให้เกิดการก่อตัวของชั้นอากาศเย็น โฆษกรายหนึ่งของสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพที่พบเห็นในคอร์นวอลล์ ว่า "ภาพเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นหลักฐานของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Fata Morgana" "มันเป็นรูปแบบหนึ่งของภาพลวงตาที่หายากมากๆ และซับซ้อนอย่างมาก ซึ่งบืดเบือนทั้งแนวตั้งและแนวนอน กลับหัวกลับหางและเปลี่ยนแปลงระดับความสูงของวัตถุต่างๆ? โฆษกระบุ ?ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเหนือผิวน้ำ และเกิดขึ้นจากการทับซ้อนกันของชั้นบรรยากาศหลายชั้นที่มีการหักเหของแสงต่างกัน" https://mgronline.com/around/detail/9640000023109 ********************************************************************************************************************************************************* พบซาก "เต่าตนุ" ถูกคลื่นซัดเกยหาดหัวไทร ปัญหาก้อนน้ำมันทะลักยังไร้คำตอบ นครศรีธรรมราช - ก้อนน้ำมันลึกลับยังทะลักเกยหาดหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ล่าสุด วันนี้พบซาก "เต่าตนุ" สัตว์ทะเลลอยตาย ชาวบ้านสุดเอือมเป็นปัญหาซ้ำซากทุกปี แต่ยังไร้คำตอบของต้นตอที่มา วันนี้ (10 มี.ค.) สภาพพื้นที่ชายหาดทรายในท้องที่หมู่ 3 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เต็มไปด้วยก้อนน้ำมันจำนวนมากที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดทราย หลังจากที่เริ่มถูกความร้อนจากแสงแดด ก้อนน้ำมันเหล่านี้จะเริ่มละลายกลายเป็นของเหลวข้นเหนียวสีดำสนิท จากนั้นจะค่อยๆ ซึมจมลงไปในทรายจนกลายเป็นสีดำ โดยลักษณะของก้อนน้ำมันยังคงถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยหาดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ขณะที่ชาวบ้านแจ้งว่า ก้อนน้ำมันเริ่มถูกซัดเข้าหาฝั่งเมื่อ 3 วันก่อน และเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนถึงวันนี้ โดยคาดว่าจะมีต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ ชาวประมงพื้นบ้านในย่านนี้รายหนึ่งบอกว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมหาดบริเวณ ต.หน้าสตน เหมือนกับถูกทอดทิ้ง ไร้การเหลียวแล ปัญหาก้อนน้ำมันเช่นนี้มีเป็นประจำทุกปี เมื่อเป็นข่าวถูกเผยแพร่ขึ้นมาเจ้าหน้าที่จะเข้าเก็บตัวอย่าง อ้างว่านำไปตรวจสอบที่มาของก้อนน้ำมัน หลังจากเรื่องเงียบก็จะหายไปเหมือนเดิม ชาวบ้านต้องเผชิญกับก้อนน้ำมันเช่นนี้มาอย่างน้อย 10 ปี ไม่เคยได้รับคำตอบว่าก้อนน้ำมันมาจากที่ไหน แม้จะเก็บตัวอย่างไปทุกปีแล้วก็ตาม แต่หากพิจารณาโดยหลักแล้ว น้ำมันจำนวนมหาศาลเช่นนี้มาได้เพียง 2 ทาง คือจากแท่นขุดเจาะ และเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำโดยมนุษย์แน่นอน ไม่มีทางที่ผู้เกี่ยวข้องจะหาต้นตอไม่เจอ เพียงแต่ไม่ดำเนินการ หรือรู้ว่ามาจากที่ใด แต่ไม่เปิดเผยเท่านั้นเอง นอกจากนั้น ชาวประมงรายนี้ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่ตามมากับก้อนน้ำมันที่เข้าเกยหาด จะมีสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น หมึก ปลา จะถูกคลื่นซัดมาตายเป็นระยะทางตลอดแนวชายหาด และวันนี้ยังพบซาก "เต่าตนุ" ถูกคลื่นซัดมาเกยหาด อาสาสมัครเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก ได้เก็บซากไว้เพื่อส่งมอบให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ชุมพร) มารับไปเพื่อทำการวิจัย และชันสูตรหาสาเหตุการตายต่อไปแล้ว https://mgronline.com/south/detail/9640000023137 ********************************************************************************************************************************************************* ผ่าชันสูตร "ซากเต่าทะเล" พบกระเพาะ-ลำไส้เต็มไปด้วยขยะ และของเหลวสีดำจำนวนมาก นครศรีธรรมราช - สัตวแพทย์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เร่งผ่าชันสูตรซาก "เต่าตนุ" หลังถูกพบเกยหาดหัวไทรพร้อมก้อนน้ำมัน พบในกระเพาะอาหาร และลำไส้เต็มไปด้วยขยะ และของเหลวสีดำ ความคืบหน้าการชันสูตร "ซากเต่าทะเล" ที่ตายเกยหาด พร้อมกับ "ก้อนน้ำมัน" จำนวนมาก บริเวณหาดบ้านแพรกเมือง บ้านฉิมหลา หมู่ 3 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุด วันนี้ (10 มี.ค.) สัตวแพทย์หญิงพิมพ์ชนก ประจำค่าย นายสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้เข้ารับซาก ?เต่าตนุ? จากอาสาสมัครเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก หลังจากที่พบซากเต่าตัวนี้ตายเกยหาด พร้อมกับก้อนน้ำมันจำนวนมากบริเวณชายหาดแพรกเมือง ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันชันสูตร พบว่าเต่าตนุตัวนี้เป็นเต่าเพศเมีย อายุประมาณ 4-5 ปี น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม หลังจากที่ผ่าเปิดช่องท้อง และชันสูตรลึกไปจนถึงระบบทางเดินอาหารของเต่า พบว่าภายในกระเพาะอาหาร และลำไส้เต็มไปด้วยขยะพลาสติกจำพวกเชือกจากเครื่องมือประมง ถุงพลาสติกขนาดเล็ก และพบของเหลวสีดำคล้ายกับก้อนน้ำมันที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดแล้วละลายกลายเป็นของเหลว โดยทั้งหมดถูกเก็บเป็นตัวอย่างนำไปวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งชิ้นส่วน และเนื้อเยื่อของเต่า หลังจากนั้นได้ฝังกลบซากไว้ในบริเวณหาดทราย สัตวแพทย์หญิงพิมพ์ชนก ประจำค่าย นายสัตวแพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เปิดเผยว่า การผ่าชันสูตรนั้นไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ เพราะสภาพซากเริ่มเน่ามากแล้ว แต่จากการตรวจพบในระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขายังสามารถหาอาหารได้ตามปกติ แต่ในลำไส้มีขยะค่อนข้างมากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแน่นอน แต่เรายังไม่สามารถสรุปได้ ส่วนก้อนน้ำมันจำนวนมากที่เกยหาด ขณะนี้ได้ละลายกลายเป็นของเหลวข้นสีดำ และซึมไปในหาดทราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังหวั่นอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสัตว์ทะเลหายากในย่านนี้จากสารประกอบโลหะหนักที่อยู่ในก้อนน้ำมัน ซึ่งอาจไปสะสมอยู่ในร่างกายของสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ และจะก่อให้เกิดอาการป่วย หากรับไปในปริมาณมากจะทำให้ตายได้ในทันที https://mgronline.com/south/detail/9640000023277
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
แหล่งท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ ฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 บริเวณพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แหลมสนอ่อน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ขณะนี้เป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับเต่าทะเลและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่กำลังได้รับความสนใจจากประชาชนนำบุตรหลานเดินทางมาท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องจากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือพื้นที่ ทัพเรือภาคที่ 2 มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้เกี่ยวกับเต่าทะเลจะคอยให้คำแนะนำให้ความรู้กับประชาชนรวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่เดินทางเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับเต่าทะเลที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 แห่งนี้ สำหรับในวันนี้มีนักเรียนโรงเรียนวรนารีเฉลิมสงขลาที่มาเข้าค่ายทำกิจกรรมได้เดินทางมาที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือเพื่อมาเรียนรู้เกี่ยวกับเต่าทะเลสำหรับบ่อเลี้ยงเต่าทะเลที่ศูนย์ฯแห่งนี้มีบ่อใหญ่ 1 บ่อ ที่เลี้ยงเต่าอายุ 1 ปี 8 เดือนจำนวน 8 ตัวและบ่อขนาดเล็ก 12 บ่อ มีเต่าขนาดตั้งแต่อายุ 1 เดือนไปจนถึง 7 เดือนในแต่ละบ่อจะมีเต่าไม่เท่ากัน ถ้าเต่าเล็กก็จะอยู่ที่ 30 ตัวต่อบ่อขนาด4-5 เดือนก็อยู่ประมาณ 20 ตัวต่อบ่อ ขณะนี้ที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้มีเต่าทั้งหมด 150 ตัว ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 จัดตั้งขึ้นตามนโยบายกองทัพเรือเพื่อเป็นศูนย์กลางของการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลของไทยทางด้านฝั่งทะเลอ่าวไทยมีขอบเขตรับผิดชอบในการอนุบาลลูกเต่าทะเลจากเกาะกระให้มีความสมบูรณ์และแข็งแรง ก่อนปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกทั้งเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ปลูกจิตสำนึกและประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลให้กับประชาชนและเยาวชน โดยการจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเลกองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 ปัจจุบันมีส่วนที่ดำเนินการแล้วเสร็จได้แก่ การสร้างบ่ออนุบาลเต่า โรงสูบน้ำ และบ้านพักทหาร โดยได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,500,000 บาทในการสร้างอาคารแสดงนิทรรศการ และห้องสุขา นาวาโท พิษณุ อังสุวัฒนะ เลขานุการ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาท่องเที่ยวที่ศูนย์ฯ ว่า ก็ขอเชิญชวนประชาชนในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง มาท่องเที่ยว ในศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ พื้นที่ทัพเรือภาคที่ 2 เพราะว่าเรามี เต่าที่รับมาอนุบาลกว่า 100 ตัว ก็จะทำให้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลา https://www.naewna.com/likesara/557629
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
ทส.ยังไม่เคาะเปิด "อ่าวมาหยา" รอทุกอย่างพร้อม คุมนักท่องเที่ยว ปลัดทส.ชี้ยังไม่พิจารณาเปิดอ่าวมาหยา หมู่เกาะพีพี หลังปิดฟื้นฟู และปรับปรุงพื้นที่เกือบ 2 ปี เบื้องต้นเปลี่ยนจุดจอดเรือใหม่ไม่ให้จอดหน้าอ่าวมาหยาเสร็จเพียง 70% ส่วนทรัพยากรทางทะเล ปะการังกลับมาสมบูรณ์มากขึ้น ชี้หากเปิดต้องพร้อม และจำกัดนักท่องเที่ยว กรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุพืช ปิดฟื้นฟูอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ตั้งแต่กลางปี 2561 เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากการท่องเที่ยว ล่าสุดมีข่าวว่าทางจังหวัดกำลังจะผลักดันให้เปิดการท่องเที่ยวอ่าวมาหยา วันนี้ (10 มี.ค.2564) นายจตุพร บรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ก่อนหน้านี้กรมอุทยานฯ ปิดอ่าวมาหยา เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรม ชาติที่เสียหาย และปรับปรุงระบบสาธารณูปโภครองรับการท่องเที่ยวไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยเฉพาะจุดจอดเรือที่ก่อนหน้านี้เคยเข้าจอดจนแน่นอ่าวมาหยา และมีนักท่องเที่ยวเต็มพื้นที่หน้าหาดอ่าวมาหยา จนเกิดความเสื่อมโทรม ดังนั้นการจะเปิดท่องเที่ยวรอบใหม่ ต้องรอทุกอย่างแล้วเสร็จ รวมทั้งการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องนำมาใช้ "ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องปิดอ่าวมาหยานานแค่ไหน ตอนนี้พักอ่าวมาหยามาเกือบ 2 ปีสามารถเปิดได้ถ้าพร้อม และมีการจัดระเบียบรองรับการท่องเที่ยว เป็นคนละรูปแบบกับการปิดเกาะตาชัย ที่ปิดถาวรจนกว่าทรัพยากรจะกลับมา" ท่าเรือลอยน้ำ-สาธารณูปโภคคืบหน้า 70% ส่วนนายประยูร พงษ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า ตอนนี้แผนปรับปรุงท่าเรือลอยน้ำจุดใหม่ บริเวณอ่าวโละซามะคืบหน้ามากกว่า 70% หากเป็นไปตามแผนจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ ส่วนการปรับปรุงสิ่งอำนวยอำนวยควาสะดวก เช่นบร์อดวอล์กในพื้นที่ ห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกคืบหน้า 70% เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวจะผลักกันให้เปิดการท่องเที่ยวจริงหรือไม่ นายประยูร กล่าวว่า คนที่จะตัดสินใจเปิด หรือปิดต่อ คือนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.และผู้บริหารหน่วยงาน รวมทั้งการชั่งน้ำหนักทางวิชาการ ซึ่งส่วนตัวในภาพรวมหลังปิดอ่าวมาหยา พบว่าทรัพยากรทางทะเลสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะฝูงฉลามหูดำที่มาอาศัยแถวอ่าวมาหยา ถ้าจะเปิดท่องเที่ยวควรต้องเข้มงวดเรื่องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว "ยอมรับว่ามีกระแสทั้งคนที่อยากให้เปิด และปิดต่อ และบางคนบอกว่าอยากให้ปิดถาวร แต่ยืนยันไม่มีใครมาบีบได้ หากจะเปิดต้องคุมคนให้ได้ไม่ให้กระทบกับทรัพยากรที่ฟื้นตัวแล้ว เบื้องต้นมีการตั้งตัวเลขไว้ ไม่เกิน 370 คนต่อรอบ และจำกัดจำนวนเรือเข้าออก " ภาพ : Thon Thamrongnawasawat อาจารย์ธรณ์ ชี้อดใจรอ-ไม่ต้องการให้กระทบ ด้านนายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ว่า น้องๆ สื่อโทรมาถามเรื่องอ่าวมาหยา ถามว่าจะเปิดไหมคะอาจารย์ ? ผมตอบว่าทุกอย่างชัดเจนแล้วครับ ท่านรมต.ท่านอธิบดีกรมอุทยานก็พูดมาหลายครั้ง ดังนี้อ่าวมาหยาจะเปิดเมื่อทางเดินและท่าเรือเสร็จ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นไปตามภาพว่าทำไปเยอะแล้ว สำหรับคำถามว่าเมื่อไหร่เสร็จ ต้องรบกวนถามทางอุทยานครับ เมื่อเสร็จแล้วเปิดแล้ว เรือเข้าด้านหลังอย่างเดียว ไม่มีการเข้าด้านหน้าอีกแล้ว เรื่องนี้พูดทุกครั้งก็เหมือนกันทุกครั้ง กรมอุทยาน อาสาสมัครช่วยกันฟื้นฟูปะการัง จนรอดและกำลังโตเกือบ 20,000 กอ ฝูงฉลามก็ว่ายไปมาเป็นประจำ "การนำเรือเข้าข้างหน้าคงทำไม่ได้ ไม่งั้นเราจะฟื้นฟูไปทำไม จะสิ้นเปลืองงบประมาณสร้างท่าเรือข้างหลังไปทำไม" เมื่อเข้าไป มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว กรมอุทยานก็มีตัวเลขแล้ว คงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เข้าไปข้างใน ก็เดินตามเส้นทางศึกษาซึ่งทำเกือบเสร็จแล้ว ไม่เหยียบย่ำตามใจชอบต่อไป การประชุมที่ปรึกษาอุทยานทางทะเลทุกครั้งก็เป็นไปตามนี้ เท่าที่ทราบ กลางๆปีก็นาจะเสร็จ สอดคล้องกับช่วงเปิดประเทศอีกครั้ง (ไตรมาส 3-4) ซึ่งก็คงช่วยการท่องเที่ยวได้ เมื่อเปิดมาหยาใหม่แบบไม่ทำร้ายธรรมชาติ 2-3 ที่ผ่านมา ผมเจอคำถามเป็นประจำ และไม่เคยเปลี่ยนคำตอบเลย จึงบอกมาให้เพื่อนธรณ์สบายใจได้ การจัดการอ่าวมาหยาทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ได้ปรึกษาฝ่ายวิชาการที่มีทั้งป่า ทั้งทะเลสายตรง ยกกันมาเกือบหมดประเทศให้กำลังใจทุกฝ่าย อยากให้อดใจไว้อีกแป๊บ อ่าวมาหยาโฉมใหม่กำลังจะมา สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีระหว่างปี 2557-2561 พบว่าไม่ได้ลดลงหรือมีผลกระทบจากการปิดอ่าวมาหยา ปี 2557 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 143,555 คน ปี 2558 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 333,613 คน ปี 2559 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 1,731,573 คน ปี 2560 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 1,990,649 คน ปี 2561 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 1,877,871 คน https://news.thaipbs.or.th/content/302283
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|