#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออก จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 11 - 12 มี.ค. 64 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในช่วงวันที่ 13 ? 17 มี.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนบางแห่ง ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 11 - 12 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
โผล่อีกแล้ว 'หมึกบลูริง' ย่างขายในตลาด หนุ่มสงสัย ฝากคนตาดีดูให้หน่อย โผล่อีกแล้ว 'หมึกบลูริง' เสียบไม้ย่างขายในตลาด หนุ่มสงสัย ฝากคนตาดีดูให้หน่อย ใช่หรือเปล่า หลังไปเจอ บอกเตือนพ่อค้าแล้วแต่เขาจะขาย หลังกลายเป็นข่าวฮือฮาและสร้างความหวาดผวาให้กับประชาชน ที่มีผู้ค้านำหมึกบลูริงมาเสียบไม้ย่างขาย ซึ่งหมึกบลูริงนั้นเป็นหมึกที่มีพิษและอันตรายกับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก รวมทั้งอันตรายถึงชีวิต ล่าสุดวันที่ 11 มี.ค.64 เฟซบุ๊กเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ version2 by kim" ได้โพสต์ภาพและข้อความจากหนุ่มคนหนึ่ง หลังไปเจอหมึกบลูริงเสียบไม้ย่างขายในตลาด โดยมีข้อความว่า "มันคือหมึกบลูริงใช่ไหม ขอผู้มีความรู้เราเจอที่ตลาดมีคนขาย เราถามพ่อค้าบอกลูกปลาหมึก 11 มีนาคม 64 เราเตือนพ่อค้าแล้วแต่เขาจะขายทำไงได้ ตลาดตรงพื้นที่นี้ครับ ผมไม่ได้ซื้อมานะครับ เพราะผมไม่มีความรู้เคยเห็นผ่านๆ เลยได้แต่บอกพ่อค้า" หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก รวมทั้งระบุว่าในจำนวนหมึกที่นำมาย่างขายนั้น มีหมึกบลูริงปะปนมาด้วย https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6114279 ********************************************************************************************************************************************************* นานครั้งได้เห็นสักที "ลูกเต่าเผือก" ฟักออกจากไข่บนเกาะในออสเตรเลีย นานครั้งได้เห็นสักที ? วันที่ 11 มี.ค. เดอะการ์เดียน รายงานการพบ ลูกเต่าเผือก สัตว์หายากยิ่ง ที่ฟักออกมาจากไข่ ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ปรากฏการณ์ดังกล่าวแม้ที่ผ่านมา จะเห็นได้ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่ยังไม่เคยเห็นเต่าเผือกโตเต็มวัยจริงๆ เมื่อไม่นานนี้ น.ส.เจสซิกา บักแมน ได้รับมอบหมายไปตรวจสอบรังไข่เต่าตนุบนเกาะเลดี้เอลเลียต และค้นหาลูกเต่าที่อาจพลัดหลงจากรังด้วย และพบลูกเต่าเผือกหายากสีชมพูอ่อนตัวหนึ่งตรงปากรังไข่เต่า แต่เป็นการพบไม่ธรรมดา เพราะว่าลูกเต่าเผือกตัวนั้นมีปัญหาเล็กน้อยตอนดันตัวเองออกมาจากไข่ "ฉันดึงมันออกจากทราย และมันอยู่ตรงกลางทราย ฉันทึ่งมากเลย มันมีความเป็นพิเศษต่อสายตาผู้พบเห็นทีเดียว" น.ส.บักแมนให้สัมภาษณ์เดอะการ์เดียนจากแนวปะการังทางใต้สุดของ เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ขณะที่ นายจิม บัก เพื่อนร่วมงาน ผู้ทำงานติดตามเต่าบนแนวปะการังมากกว่า 30 ปี ประเมินว่า ไข่เต่า 1 ใบ ในทุกๆ 100,000 ใบ ที่วางไว้ จะฟักออกมาเป็นเต่าเผือก ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้น้อยมากๆ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เห็นลูกเต่าเผือกฟักไข่จากรังดังกล่าว "ยากที่จะบอกว่ามีเต่าเผือกตัวอื่นๆ อีกไหมเพราะไม่ได้อยู่ตอนที่ลูกเต่าฟักออกมาจากไข่" นายบักกล่าวด้วยว่า หลายปีทั้งหมดของการวิจัยเต่า ไม่เคยเห็นเต่าเผือกโตเต็มวัยหรือเคยได้ยินรายงานการพบเต่าเผือกโตเต็มวัยสักตัวเดียว ด้านน.ส.บักแมนกล่าวว่า ลูกเต่าเผือกที่ฟักออกมาจากไข่ไม่ใช่เต่าแข็งแรงที่สุด แต่หลังช่วยนิดๆ หน่อยๆ ให้ลูกเต่าเผือกออกจากรังมาได้ มันสามารถเดินไปที่ริมน้ำได้ห่างออกไปประมาณ 10-15 เมตร "เต่าต้องเดินลงน้ำด้วยตัวเองเพื่อปรับตัวเข้ากับสนามแม่เหล็กของโลก และนั่นเป็นวิธีการที่ทำให้เต่ารู้ว่าพวกตัวอยู่ที่ไหนบนแผนที่โลกกันแน่" แต่นักวิจัยหญิงผู้นี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นลูกเต่าเผือกตัวนี้อีกครั้งเพราะว่า "ปกติแล้ว จำนวนเต่าตนุที่ฟักออกมาจากไข่เป็นตัวเต็มวัยอยู่ที่ 1 ตัว ใน 1,000 ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกมันเหล่านี้มีโอกาสรอดถึงขั้นนั้นลดลงอย่างมาก" นายบักและน.ส.บักแมน ทำงานจัดการระบบนิเวศที่รีสอร์ตนิเวศบนเกาะเลดี้เอลเลียต ทั้งคู่มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการทำรังของเต่าตนุ และเต่าหัวค้อน ทั้งบนเกาะเลดี้เอลเลียต และบนเกาะเลดี้มัสเกรฟที่อยู่ใกล้เคียงด้วย ทั้งนี้ ผิวเผือกเป็นความผิดปกติถ่ายทอดทางพันธุกรรมเนื่องจากไม่มีเม็ดสีหรือมีบางส่วน ส่งให้สิ่งมีชีวิตเกิดมามีสีขาวหรือชมพู แต่ในโลกของสัตว์แล้ว อายุของพวกมันจะสั้นมาก เนื่องจากไม่มีความสามารถในการพรางตัวได้ https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_6114394
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ถึงกับผงะ! ผ่าชันสูตรซาก ?เต่าตนุ? พบ ?ขยะ-ของเหลวสีดำ?ในกระเพาะ-ลำไส้ 11 มี.ค.64 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการชันสูตร "ซากเต่าทะเล" ที่ตายเกยหาด พร้อมกับ ?ก้อนน้ำมัน? จำนวนมาก บริเวณหาดบ้านแพรกเมือง บ้านฉิมหลา หมู่ 3 อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ตนได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สั่งการให้เจ้าหน้าที่และทีมสัตวแพทย์ลงพื้นที่ตรวจสอบการตายของเต่าทะเลตัวดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานให้ทราบผล ด้านสัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้เข้ารับซากเต่าทะเลที่เกยตื้นตาย จากอาสาสมัครเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายาก หลังจากที่พบซากเต่าทะเลตัวดังกล่าวนี้ รวมถึงก้อนน้ำมันจำนวนมากบริเวณชายหาดแพรกเมือง ล่าสุด วันนี้ (11 มี.ค.) สัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ได้ร่วมกันทำการผ่าชันสูตรซากเต่าทะเล พบว่าเป็นเต่าตนุ เพศเมีย อายุประมาณ 4 - 5 ปี น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม หลังจากที่ผ่าเปิดช่องท้อง และชันสูตรลึกไปจนถึงระบบทางเดินอาหารของเต่า พบว่าภายในกระเพาะอาหาร และลำไส้เต็มไปด้วยขยะพลาสติกจำพวกเชือกจากเครื่องมือประมง ถุงพลาสติกขนาดเล็ก และพบของเหลวสีดำคล้ายกับก้อนน้ำมันที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดแล้วละลายกลายเป็นของเหลว โดยทั้งหมดถูกเก็บเป็นตัวอย่างนำไปวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งชิ้นส่วนและเนื้อเยื่อของเต่าตนุ หลังจากนั้นได้ฝังกลบซากเต่าตนุตัวดังกล่าวไว้ในบริเวณหาดทราย นายโสภณ กล่าวว่า จากการรายงานเบื้องต้นภายหลังผ่าชันสูตรเต่าตนุจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง ทราบว่า ไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ เพราะสภาพซากเริ่มเน่ามาก แต่จากการตรวจพบ ในระบบทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขายังสามารถหาอาหารได้ตามปกติ แต่ในลำไส้มีขยะอยู่ค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเต่าตนุอย่างแน่นอน ส่วนก้อนน้ำมันจำนวนมากที่เกยหาดทรายนั้น ขณะนี้ได้ละลายกลายเป็นของเหลวข้นสีดำและซึมไปในหาดทราย โดยเจ้าหน้าที่ยังหวั่นอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสัตว์ทะเล หายากในบริเวณนี้จากสารประกอบโลหะหนักที่อยู่ในก้อนน้ำมัน ซึ่งอาจไปสะสมอยู่ในร่างกายของสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ และจะก่อให้เกิดอาการป่วย หากรับไปในปริมาณมากจะทำให้ตายได้ในทันที นายโสภณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านได้เน้นย้ำถึงสิ่งที่ตั้งใจและพยายามหาแนวทางในการดำเนินงานที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล เพื่อส่งต่อให้ถึงมือเยาวชนรุ่นต่อไปได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืนที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรที่นับวันจะมีแนวโน้มลดจำนวนลงอย่างสัตว์ทะเลหายาก ท่านจึงมอบหมายให้กรมฯ เพิ่มมาตรการในการคุ้มครองและดูแลเต่าทะเลให้เข้มข้น เพื่อลดปัญหาการเกยตื้น ตลอดจนเร่งแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในทะเลที่เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียสัตว์ทะเลหายากหลายชนิด ผ่านการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประมงชายฝั่ง และภาคธุรกิจการท่องเที่ยว สุดท้ายนี้ ตนขอฝากไว้ว่า เต่าทะเลก็เหมือนคนเรา หากเห็นที่ไหนปลอดภัย สวยงาม น่าอยู่ ก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น การปล่อยให้เต่าทะเลได้อยู่ตามธรรมชาติถือเป็นวิถีที่ดีที่สุด เราทุกคนต้องหันมาช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ลดการใช้และทิ้งขยะพลาสติก เครื่องมือทำการประมงลงไปในระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ หากพบเจอเต่าทะเลเกยตื้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ทุกคนแจ้งเบาะแสมายังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ให้เข้าทำการช่วยเหลือได้ทันท่วงที https://www.naewna.com/likesara/558398
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|