เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 14-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 14 ? 19 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 14 - 19 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูและสุขภาพเนื่องจากอากาศที่ร้อนไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 14-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"นกชนหิน" เข้าลิส "สัตว์ป่าสงวน" คุ้มครอง "งาสีเลือด" โทษสูงสุด! "นักล่า" คุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน


นกชนหิน ขึ้นทะเบียน สัตว์ป่าสงวน ลำดับที่ 20 ของประเทศไทย (ภาพ: มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก)

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับเป็นข่าวดีในแวดวงอนุรักษ์ธรรมชาติ ล่าสุด "นกชนหิน" ขึ้นทะเบียนเป็น "สัตว์ป่าสงวน ลำดับที่ 20" ของประเทศไทย กฎหมายคุ้มเข้ม "หมายหัวนักล่า" มีโทษหนัก จำคุก 3 ? 10 ปี ปรับตั้งแต่ 3 แสน 1 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากตกเป้า "ขบวนการล่าสัตว์" สังเวยตลาดมืดค้าชิ้นส่วนสัตว์ป่า จนอยู่ในสถานะวิกฤตเสี่ยงสูญพันธุ์"

สำหรับ นกชนหิน (Helmeted hornbill) เป็นนกขนาดใหญ่ในวงศ์นกเงือก 1 ใน 13 ชนิด นับเป็นสายพันธุ์โบราณหายาก มีถิ่นอาศัยกระจายในพื้นที่ป่าดิบชื้นทางตอนใต้ของคาบสมุทรมาเลย์ ไปจนถึงเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว โดยมีเขตกระจายพันธุ์เหนือสุดบริเวณภาคใต้ตอนล่างของไทย พบในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส, อุทยานแห่งชาติบางลาง จ.ยะลา อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี และอุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สถานการณ์ของนกชนหินในเมืองไทยเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ เกิดขบวนการลักลอบล่าเพื่อนำ "โหนก" อวัยวะส่วนโหนกบริเวณหัวกะโหลก สีเหลืองแดงตันแข็งเหมือนงาช้าง ซึ่งเป็นลักษณะโดดเด่นของนกชนหิน จนได้รับการขนานนามว่า "งาสีเลือด" นิยมนำไปใช้ในการทำตราประทับ เครื่องตกแต่ง กำไล สร้อย ทดแทนงาช้าง มีความเชื่อกันว่าเป็นสิ่งมงคล ทำให้โหนกของนกชนหินมีมูลค่ามาก เป็นที่ต้องการในตลาดซื้อขายชิ้นส่วนสัตว์ป่าโดยเฉพาะในประเทศจีนและสิงคโปร์

ดังเช่นที่ตกเป็นข่าวครึกโครมช่วงปลายปี 2562 เมื่อพรานป่านายอดีตทหารเก่าอุกอาจล่าหัวนกชนหิน 4 ตัว ในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อแลกเงินค่าหัว หัวละ 10,000 บาท ก่อนจะส่งขายให้กับกลุ่มนักสะสมที่มีความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งเมื่อมีการแปรรูปโหนกของนกชนหินเป็นเครื่องประดับราคาซื้อขายจะพุ่งพรวดไปอยู่ที่ 20,000 - 30,000 บาทเลยทีเดียว

ในระดับสากลนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอยู่ในบัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ตั้งแต่ปี 2518 ห้ามค้าชิ้นส่วนของนกชนหินมีความตามผิดกฎหมายทั้งไทยและเทศ ขณะที่สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรรมชาติ (IUCN) จัดให้นกชนิดนี้อยู่ในสถานภาพเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง

ในประเทศไทยแต่เดิมนกชนหินอยู่ในสถานะสัตว์ป่าคุ้มครอง สถานการณ์นกชนหินในประเทศไทยมีจำนวนไม่เกิน 100 ตัว ความสามารถในการขยายพันธุ์ต่ำ มีแนวโน้มสูญพันธุ์สูง เนื่องจากพื้นที่อาศัยถูกคุกคาม ทำลายแยกเป็นหย่อมป่าขาดความต่อเนื่อง และถูกล่าเพื่อเอาโหนก มีการค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์


นกชนหิน (ภาพ: มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก)

อย่างไรก็ตาม การผลักดันสถานะนกชนหินเข้าสู่บัญชีสัตว์ป่าสงวนเป็นผลพวงมากจากกระแสสังคม หลังจาก นายปรีดา เทียนส่งรัศมี เจ้าหน้าที่โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาเปิดเผยกรณีกลุ่มพรานเข้าป่าล่านกชนหินในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ช่วงปี 2562 สร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์สัตว์ป่าและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีต่อนกชนิดนี้มาเป็นลำดับ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เครือข่ายนักอนุรักษ์ เรียกร้องให้ภาครัฐ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม "ยกระดับการคุ้มครองนกชนหิน" ให้ "ขึ้นบัญชีเป็นสัตว์สงวนชนิดใหม่ ลำดับที่ 20" เกิดแคมเปญ "ขอให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนอันดับที่ 20 ของไทย" ผ่านเว็บไซต์ www.change.org ซึ่งที่ผู้ร่วมลงชื่อเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเรียกร้องให้รัฐระดมกำลังและทรัพยากรในการเข้าปรามปรามขบวนการล่าค้านกชนหินอย่างเด็ดขาดครบวงจร ทั้งในพื้นที่ตลอดจนเครือข่ายออนไลน์

กระทั่ง ที่ประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ครั้งที่ 1/2564 ที่มี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบกำหนดให้ นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวน ลำดับที่ 20 ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 เพื่อยกระดับความคุ้มครองนกชนหินและถิ่นอาศัยให้สอดคล้องกับมาตรการนานาชาติ ให้สังคมเพิ่มความตระหนักในการอนุรักษ์มากขึ้น พร้อมกันนี้ มีการประกาศพื้นที่เตรียมกำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่เตรียมการกำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 24 แห่ง เนื้อที่รวมกว่า 619,681 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของประเทศด้วย

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 กำหนดโทษการล่าสัตว์ป่า จำแนกเป็น มาตรา 89 สัตว์ป่าคุ้มครอง จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท และมาตรา 89 วรรคสองสัตว์ป่าสงวน จำคุก 3 ? 10 ปี ปรับตั้งแต่ 300,000 ? 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ศ.ดร.พิไล พูลสวัสดิ์ หัวหน้าโครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาวิจัยนกเงือก ให้ความรู้ว่าในจำนวนนกเงือกทั้ง 13 ชนิดในประเทศไทย นกชนหินเป็นนกที่มีอายุโบราณมากที่สุด กล่าวได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของนกเงือกที่ยังมีชีวิตอยู่ บรรพบุรุษของนกเงือกในไทยมี 3 ชนิด เก่าแก่ที่สุดคือนกเงือกหัวหงอกมีอายุ 47 ล้านปี นกชนหิน 45 ล้านปี และนกเงือกคอแดง ซึ่งอยู่ในสถานะที่น่าเป็นห่วงเช่นเดียวกัน

บทบาทสำคัญของนกเงือกในระบบนิเวศคือการกระจายเมล็ดพันธุ์ไม้ การอนุรักษ์นกเงือกไว้ได้เท่ากับจะได้พื้นที่ป่าเพิ่มมากขึ้น เพราะนกเงือกเหล่านี้ช่วยปลูกป่าและขยายพื้นที่ป่าให้มากขึ้นจากพฤติกรรมการกินผลไม้ที่หลากหลาย ส่งผลให้ป่าที่นกปลูกมีความหลากหลายตามไปด้วย ขณะเดียวกันผลไม้ที่นกเงือกกินและปลูกยังเป็นผลไม้ประจำถิ่น จึงได้ทั้งปริมาณ คุณภาพ และความหลากหลายที่ทำให้ป่ามีความสมบูรณ์

จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับชีววิทยาการสืบพันธุ์ของนกชนหินพบว่า การทำรังของนกชนหินไม่ง่ายเหมือนชนิดอื่น เนื่องจากจะพิถีพิถันในการเลือกทำรังอย่างมาก โดยรังต้องมีลักษณะพิเศษที่จะต้องมีปุ่ม หรือมีชานชาลายื่นออกมาเพื่อให้นกเกาะเมื่อโผเข้ารัง ซึ่งโพรงลักษณะนี้ในธรรมชาติมีอยู่น้อย ไม่เหมือนนกเงือกชนิดอื่นที่ไม่พิถีพิถันในการเลือกรัง อีกทั้งวงจรชีวิตของนกชนหินยาวกว่าชนิดอื่นๆ โดยถือว่ายาวที่สุดในบรรดานกเงือกเอเชีย

ทว่า เมื่อป่าลดลง ขาดป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะไม้วงศ์ยาง ไม้ตะเคียน ไม้กาลอ เป็นต้น ซึ่งเป็นไม้เศรษฐกิจถูกลักลอบตัดมากขึ้น เป็นภัยคุกคามอันดับแรกๆ ของนกชนหินและนกเงือกชนิดอื่นๆ ในประเทศไทย เป็นการทำลายและรบกวนถิ่นอาศัยของนก ทั้งการเข้าไปหาของป่า เข้าไปตัดไม้ หรือกิจกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการล่า เมื่อมีการรบกวนหรือทำกิจกรรมในป่านกก็จะตื่น และจะไม่ทำรัง เมื่อไม่ทำรังก็ไม่ออกลูกตามมา

จากการศึกษาวิจัยในผืนป่าเทือกเขาบูโดฯ กว่า 30 ปี ของ ทีม ศ.ดร.พิไล ระบุว่า พบรังนกสะสมทั้งหมด จำนวน 22 รัง ที่มีนกเข้ามาใช้ซ้ำๆ ราว 40 คู่ แต่เกิดการเสียหายไป 19 รัง เพราะต้นไม้หัก ถ้าไม่มีการเฝ้าระวังและมีการซ่อมแซมเมื่อต้นรังหักนกเงือกก็ต้องหารังใหม่ เท่ากับปีนั้นแม่นกจะไม่ออกลูก

คาดว่าปัจจุบัน มีนกชนหินในพื้นที่เทือกเขาบูโดฯ ประมาณ 100 ตัว หรืออาจไม่ถึง 100 ตัว เพราะในระยะหลังแต่ละปีพบนกทำรังแค่ 1 - 2 คู่ และออกลูกเพียงตัวเดียว ส่วนพื้นที่อื่นนั้นไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด แต่นกชนหินสามารถพบได้ในพื้นที่ป่าดิบทางภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไป

ศ.ดร.พิไล พูลสวัสดิ์ เปิดเผยถึงข้อดีของการขึ้นทะเบียนนกชนหินเป็นสัตว์สงวน กฎหมายในการดูแลคุ้มครองมีความเข้มข้นขึ้น แต่การบังคับใช้ต้องเข้มงวดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนข้อเสียเมื่อนกชนหินถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าสงวน กระทบต่อการทำวิจัยจะยุ่งยากขึ้น เพราะมีการกำหนดเขตหวงห้าม ซึ่งอาจจะเป็นการปิดกั้นนักวิจัยจากภายนอก ขณะเดียวกันหากไม่มีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ นกชนหินอาจจะหายไปโดยธรรมชาติ เพราะไม่สามารถเจาะโพรงเองได้ และยังต้องเป็นโพรงลักษณะพิเศษอีกด้วย ดังนั้นการจัดอันดับให้เป็นสัตว์ป่าสงวน แต่ไม่มีการเฝ้าระวังที่ดี ในที่สุดนกชนหินอาจค่อย ๆ ลดลง หรือหายไปเพราะไม่มีที่ทำรัง

นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากังวลสำหรับการยกสถานะนกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนก็คือ อาจเป็นการเพิ่มค่าหัวสร้างแรงจูงใจของนักล่ามากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้นภาครัฐโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมศึกษาพัฒนาแนวทางในการอนุรักษ์นกชนหินอย่างเหมาะสม



อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นสมาชิกอนุสัญญาไซเตส (CITES) ได้ร่วมลงนามรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ. 2518 มีกลุ่มประเทศภาคี 178 ประเทศ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเพื่อประโยชน์แห่งมวลมนุษยชาติ ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศดังกล่าว เพื่อจัดให้มีมาตรการในการควบคุมการครอบครอง การค้า การนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า

มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ป่าหลายฉบับ แต่เดิมมีการคุ้มครองสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าที่หายาก ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 จำนวน 9 ชนิด แต่ด้วยสถานการณ์ของสัตว์ป่าในไทยหลายชนิดมีแนวโน้มถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น จึงได้มีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ซึ่งกำหนดให้เปลี่ยนแปลงชนิดสัตว์ป่าสงวนได้โดยสะดวก โดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมเท่านั้น ไม่ต้องแก้ไข พ.ร.บ. อย่างฉบับเดิม

ต่อมา มีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงใหม่ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฉบับล่าสุด พร้อมทั้ง บรรจุบัญชีชื่อสัตว์ทะเลเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดใหม่อีก 4 ชนิดในรอบ 27 ปี ได้แก่ วาฬบรูด้า, วาฬโอมูระ, ปลาฉลามวาฬ และ เต่ามะเฟือง เนื่องจาก พ.ร.บ. ฉบับเดิมบังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติบางมาตรการ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่จะใช้เป็นเครื่องมือหรือเอื้ออำนวยต่อการสงวน อนุรักษ์คุ้มครอง ดูแลรักษา ฟื้นฟูสัตว์ป่าและแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยมีสัตว์ป่าสงวนมีทั้งสิ้น 20 ชนิด ได้แก่ 1. นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร 2. แรดชวา 3. กระซู่ 4. กูปรี หรือโคไพร 5. ควายป่า 6. ละอง หรือ ละมั่ง 7. สมัน 8. เลียงผา 9. กวางผา 10. นกแต้วแล้วท้องดำ 11. นกกระเรียนไทย 12. แมวลายหินอ่อน 13. สมเสร็จ 14. เก้งหม้อ 15. พะยูน หรือ หมูน้ำ 16. วาฬบรูด้า 17. วาฬโอมูระ 18. เต่ามะเฟือง 19. ปลาฉลามวาฬ และล่าสุด 20. นกชนหิน


https://mgronline.com/daily/detail/9640000024011
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 14-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default




จระเข้โผล่กลางทะเลอ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ประสานชุดไกรทองลุ่มน้ำตาปีร่วมจับ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พบจระเข้ ยาว 1.5 เมตร โผล่ว่ายน้ำกลางอ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ประมงเร่งประสานชุดไกรทองลุ่มน้ำตาปีร่วมจับตัว คาดเป็นจระเข้ตัวเดียวกับที่พบในป่าชายเลนคลองเกาะผีเมื่อเดือน ก.ย.63



เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 13 มี.ค.ฉ ศูนย์ข่วยเหลือนักท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หรือ ศูนย์ไข่มุก ท่าเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากลูกเรือสปีดโบ๊ตว่า พบจระเข้โผล่อยู่เหนือผิวน้ำบริเวณจุดจอดเรือศูนย์ไข่มุก ใกล้ท่าเรือมารีน่า อ่าวฉลอง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ

ทั้งนี้บริเวณทะเลดังกล่าวเป็นจุดจอดเรือนานาชนิด มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาลงเรือไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโดยรอบจุดที่ได้รับแจ้งพบว่า จระเข้ซึ่งมีขนาดความยาวประมาณ 1.5 เมตร โผล่ลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำ ในลักษณะผลุบๆโผล่ๆ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ดำลงทะเลหายไป เบื้องต้นได้ประสานไปยังสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เพื่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ ไกรทองลุ่มน้ำตาปี เข้ามาดำเนินการจับตัวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายวัชรินทร์ รัตนชู ประมงจังหวัดภูเก็ต พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางลงพื้นที่บริเวณท่าเรืออ่าวฉลองเพื่อตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ไข่มุกแล้ว ซึ่งนายวัชรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมอุปกรณ์การจับจระเข้ไว้แล้วบางส่วน และเฝ้าสังเกตุการณ์เพื่อรอชุดไกรทองลุ่มน้ำตาปีจาก จ.สุราษฏร์ธานีเดินทางมาถึง ส่วนชนิดของจระเข้นั้นยังไม่แน่ชัด ว่าเป็นจระเข้น้ำจืดหรือน้ำเค็ม หรือลูกผสม แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานประมงจังหวัดตั้งแต่ช่วงนี้ปีที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบกับสถานเลี้ยงต่างๆในจังหวัด ก็มั่นใจว่าไม่มีจระเข้หลุดออกมา จึงน่าจะเป็นจระเข้จากแหล่งธรรมชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา มีชาวบ้านพบเห็นจระเข้ภายในคลองคลองเกาะผี ชุมชนสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นป่าชายเลนขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับทะเล ซึ่งจระเข้ตัวดังกล่าวมีขนาดตัวประมาณ 1.5 เมตร โดยครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ชุดไกรทองลุ่มน้ำตาปีร่วมกับประมงจังหวัดภูเก็ตและชาวบ้านได้ร่วมเข้าตรวจสอบ แต่จากสภาพพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ยากต่อการติดตามตัว จึงไม่สามารถจับตัวจระเข้ได้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นจระเข้ตัวเดียวกันที่พบบริเวณอ่าวฉลองครั้งนี้


https://mgronline.com/south/detail/9640000024458


*********************************************************************************************************************************************************


ก้อนน้ำมันทะลักหาดหัวไทรหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติชี้เป็นปัญหาของประเทศที่ต้องแก้ไข

นครศรีธรรมราช - ก้อนตะกอนน้ำมันยังทะลักหาดหัวไทรอย่างหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเล่นน้ำผวาทั้งน้ำปนเปื้อนและมีสีดำคล้ำ อีกทั้งยังมีกลิ่นน้ำมันฟุ้งเกิดภาวะมลพิษอย่างต่อเนื่อง ชี้เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่จะต้องได้รับการแก้ไข



วันนี้ (13 มี.ค.) บริเวณหาดหน้าศาล ต.หัวไทร ยาวไปจนถึงหน้าหน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ยังคงอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างรุนแรง หลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ก้อนน้ำมัน และตะกอนน้ำมันถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งเดินทางผ่านพื้นที่ได้แวะลงเล่นน้ำทะเล จากสภาพน้ำได้สร้างความแปลกใจให้แก่นักท่องเที่ยวรายนี้อย่างมาก

สำหรับสภาพน้ำทะเล พบว่า เต็มไปด้วยตะกอนน้ำมันที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำอย่างเห็นได้ชัด แนวคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งมีสีคล้ำ และมีกลิ่นคล้ายน้ำมันเตาหรือน้ำมันก๊าดโชยมากับกระแสลมที่พัดเข้าฝั่งตลอดเวลา ส่วนบริเวณชายหาดนั้นเต็มไปด้วยก้อนน้ำมัน หรือที่เรียกว่า "ทาร์บอล" ที่เกยหาดทราย และเมื่อถูกแดดเผาได้ละลายกลายเป็นของเหลวข้นสีดำ มีกลิ่นคล้ายน้ำมันหรือสารเคมี

โดยลักษณะเช่นนี้ได้สร้างความกังวลให้แก่เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมาก นอกจากผลกระทบเชิงกายภาพต่อสิ่งแวดล้อมที่เห็นได้ชัดแล้ว ยังมีความกังวลต่อภาวะการตกค้างของสารประกอบโลหะหนักในก้อนน้ำมัน ที่ส่งผลต่อสัตว์ทะเลหายาก รวมทั้งกลุ่มสัตว์อาหารทะเลเศรษฐกิจที่ถูกจับขึ้นมาบริโภค



นายบินดี้ ชาวออสเตรีย ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมบ้านภรรยาชาวไทยในพื้นที่หัวไทร ได้ลงเล่นน้ำทะเล แต่ได้ระบุผ่านภรรยาว่า สภาพน้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก มีสีดำคล้ำ มีกลิ่นเหม็นน้ำมัน และมีน้ำมันปนเปื้อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีขยะทะเลอีกจำนวนมาก เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่จะต้องได้รับการแก้ไข

สำหรับสถานการณ์ก้อนน้ำมันที่ซัดเข้าชายฝั่งทะเลในย่านนี้มีปริมาณมหาศาล และเกิดปรากฏการณ์ซัดเข้าฝั่งเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องตลอดร่วม 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงปลายมรสุม ขณะเดียวกัน มีการเก็บตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ทุกปี แต่ทว่าไม่มีหน่วยงานใดสามารถชี้ชัดได้ว่าก้อนน้ำมันจำนวนมากเหล่านี้มาจากที่ใด และไม่มีมาตรการใดๆ ป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเชื่อว่าต้นเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการกระทำของมนุษย์จากกิจกรรมกลางทะเล จนสร้างความเอือมระอาให้แก่ชาวบ้านต่อเนื่องทุกปี


https://mgronline.com/south/detail/9640000024375


*********************************************************************************************************************************************************


บางแสนเจอขยะทะเลถูกคลื่นซัดเกยชายหาดยาวกว่า 4 กม. ทำนักท่องเที่ยวไม่กล้าเล่นน้ำ

ศูนย์ข่าวศรีราชา -มรสุมทำผิด! หาดบางแสนถูกคลื่นซัดขยะจากกลางทะเลเกยชายหาดยาวกว่า 4 กม. ทำเจ้าหน้าที่เร่งจัดเก็บ ส่งผลนักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำ ขณะที่บรรยากาศท่องเที่ยวสัปดาห์นี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร



วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีขยะจำนวนมากถูกคลื่นซัดเกยชายหาดบางแสนเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจ พบว่า เป็นขยะประเภทถุงพลาสติกและขวดน้ำที่ถูกคลื่นซัดจากกลางทะเลเข้าเกยชายหาด ทำให้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนต่างไม่กล้าที่จะลงเล่นน้ำ

เนื่องจากเกรงว่าอาจมีผลกระทบต่อผิวหนังและส่วนใหญ่เลือกที่จะนั่งรับประทานอาหารบนเตียงผ้าใบแทน ขณะที่บรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณชายหาดบางแสนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ พบว่า ไม่คึกคักเช่นสัปดาห์ก่อน

และจากการสอบถาม น.ส.นันท์นภัส ลิ้มวุฒิพงษ์ อายุ 46 ปี แม่ค้าขายอาหารบริเวณชายหาด บอกว่า เมื่อหมดฤดูหนาวสภาพน้ำทะเลใสบริเวณชายหาดบางแสนก็จะหมดไป ส่วนขยะที่ถูกคลื่นซัดเกยชายหาดเป็นขยะที่อยู่กลางทะเล และจะถูกคลื่นซัดเข้าสู่ชายหาดบางแสนเป็นประจำเมื่อลมแรงหรือมรสุม

อย่างไรก็ดี หลังมีขยะจำนวนมากถูกคลื่นซัดเกยชายหาด เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแสนสุข ได้เร่งเข้าจัดเก็บขยะออกจากพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเพื่อให้สภาพชายหาดพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว

อยากขอให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าในวันนี้ชายหาดบางแสนยังคงมีความงดงามเช่นเคย เพียงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากที่เมื่อหลายวันที่ผ่านมา จ.ชลบุรี มีฝนตกหนักจึงทำให้มีคลื่นลมแรงจนทำให้ขยะที่ถูกทิ้งกลางทะเลถูกพัดเข้าฝั่ง

ทั้งนี้ ชายหาดบางแสนยังมีบริการน้ำจืดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำในทะเล และหากนักท่องเที่ยวเกิดอาการแพ้ บริเวณชายหาดจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้การปฐมพยาบาลอย่างใกล้ชิดอีกด้วย


https://mgronline.com/local/detail/9640000024367
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 14-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


พบซาก 'เต่ากระ' เกยตื้นกลางหาด 'หน้าทัพ' บางสน จ.ชุมพร

พบซากเต่าทะเลเกยตื้นจำนวน 3 ตัว บริเวณชายหาดหน้าทัพ ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร



นักวิชาการประมง ทำการตรวจสอบเต่ากระที่เสียชีวิต ไม่พบหมายเลขไมโครชิพและแถบเหล็กระบุรหัสประจำตัว ผลการชันสูตรส่วนอวัยวะภายในดี พบอาหารในกระเพาะอาหารพวกเศษก้างปลาและ เศษหมึก และไข่ปลาจำนวนมาก สาเหตุการตายขาดอากาศหายใจ

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายปกรณ์ เมืองเกษม พบซากเต่ากระ เกยตื้นกลางหาดหน้าทัพ เป็นจำนวนมากขึ้นมาเกยตื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทีผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว พบซากเต่าทะเลเกยตื้นจำนวน 3 ตัว บริเวณชายหาด หน้าทัพ ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร

นายปกรณ์ เมืองเกษม กล่าว ได้ออกมาบริเวณ ชายหาด หน้าทัพ ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตนได้พบกับซากเต่าทะเล จำนวน 3 ตัว นอนเกยตื้นกลางหาด หน้าทัพ และปลาหมึกขึ้นมานอนเกยตื้นเป็นจำนวนมาก จึงได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆเข้ามาดูแลและตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรที่ได้ทำให้มีการขึ้นมาเกยตื้นของสัตว์ทะเลเป็นจำนวนมากนั้น จึงมี หน่วยงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และทีมของนักวิชาการประมงลงพื้นที่ตรวจสอบ

นักวิชาการประมง ทำการตรวจสอบเป็น เต่ากระ ไม่พบหมายเลขไมโครชิพและแถบเหล็กระบุรหัสประจำตัว ผลการชันสูตรส่วนอวัยวะภายในดี พบอาหารในกระเพาะอาหารพวกเศษก้างปลาและ เศษหมึก และไข่ปลาจำนวนมาก สาเหตุการตายขาดอากาศหายใจ


https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/927205

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 14-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก อสมท.


เดินหน้าแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน

กทม. 13 มี.ค.64 - ครม. เห็นชอบแนวทางบูรณาการโครงการกัดเซาะชายฝั่ง 92 กิโลเมตรของไทย ด้านวราวุธย้ำแก้ไขปัญหากัดเซาะต้องทำอย่างยั่งยืน มอบ ทช. หาแนวทางบูรณาการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบ



ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของไทย ยังคงสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้ในหลายพื้นที่ระยะทางรวมทั้งประเทศกว่า 92 กิโลเมตร

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยผลการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อให้ทุกหน่วยงานเสนอโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พิจารณากลั่นกรอง

โดยผ่านอนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญก่อนเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่อไป

ซึ่งเป็นการบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยเน้นย้ำการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต้องยั่งยืนและไม่สร้างผลกระทบต่อเนื่อง

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ปัญหาและสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย เป็นปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องตามมาหลายปี ในฐานนะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ทราบดีว่าหลายหน่วยงานพยายามเร่งรัดช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีพื้นที่กัดเซาะชายฝั่งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกกว่า92 กิโลเมตร จากความยาวชายฝั่งทะเลทั้งสิ้นกว่า 3,151 กิโลเมตร



ส่วนใหญ่ก็เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงสร้างป้องกันชายฝั่งเดิมที่ไม่ได้ศึกษาผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง ทั้งนี้ตนได้หารือกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้หลักการเดียวกัน โดยคำนึงถึงผลกระทบภายหลังการดำเนินการต่อพื้นที่ข้างเคียงและชุมชนโดยรอบด้วย

ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หาแนวทางการบูรณาการการแก้ไขปัญหา ได้จัดทำหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

ซึ่งในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนเองได้ชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี ถึงความจำเป็นในการบูรณาการโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของทุกหน่วยงาน ก่อนที่สำนักงบประมาณจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและมอบให้สำนักงบประมาณใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณด้วย

ทั้งนี้ขอฝากให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากดำเนินการด้วย หากช่วยเหลือพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องตามแก้ไขให้อีกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ปัญหาก็จะไม่สิ้นสุด การแก้ไขปัญหาต้องแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จและยั่งยืน อย่าให้เป็นการแก้ไขอย่างไม่รู้จบ ซึ่งไม่คุ้มกับการสูญเสียทั้งทรัพยากรธรรมชาติและงบประมาณ



ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า สาเหตุปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคาร ท่าเรือ รวมถึง การก่อสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่ไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นที่ข้างเคียง

ด้วยเหตุนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เชิญนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างทางวิศวกรรม นักธรณีวิทยา เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ภายใต้แนวคิดการจัดการระบบกลุ่มหาด โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่มหาดหลัก 44 ระบบกลุ่มหาด 318 หาด ซึ่งจะยึดตามลักษณะของหาดและธรณีสัณฐาน สำหรับหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ

โดย ทช. จะแจ้งเวียนจังหวัดและหน่วยงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทราบและเสนอโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมาให้ ทช. เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการบูรณาการด้านการจัดการการกัดเซาะชายฝั่งทะเลพิจารณา ต่อไป สำหรับโครงการที่จะเสนอขอสนับสนุนงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่เสนอเข้ารับการพิจารณา จำนวน64 โครงการ และผ่านเกณฑ์การพิจารณา ทั้งสิ้น 17 โครงการ


https://www.mcot.net/view/4hc8VvfT

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:25


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger