#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมภาคตะวันออก เฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 11 - 12 เม.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 16 เม.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ฝั่งตะวันออกออกจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณบริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง แต่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีลมตะวันตกพัดเข้ามาปกคลุมทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 11 - 16 เม.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
พยาบาลสาวใหญ่ติดโคลนชายหาดเมืองบอสตัน นางคามิล โคเอโญ พยาบาลสาวใหญ่จากรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา แค่อยากมาเดินเล่นบนชายหาดและหาเก็บกรวดทรายทะเล แต่กลับต้องมาติดอยู่ในโคลน เจ้าหน้าที่กู้ภัยหาทางช่วยเหลือได้สำเร็จ สำนักข่าวเอพี รายงานจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ว่า สื่อท้องถิ่นเดอะบอสตัน เฮอรัลด์รายงานว่า นางคามิล โคเอโญ พยาบาลสาววัย 54 ปี ออกมาเดินเล่นชายหาดคอนสติติวชั่นของเมืองบอสตัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา และหาเก็บกรวดทรายทะเล แต่มาพบว่าตัวเองจมลงในโคลนตอนน้ำลง ลึกเกินเข่า ทำให้รู้สึกว่าเคลื่อนตัวไม่ได้ พยาบาลสาวจากห้องผู้ป่วยหนักไอซียูของโรงพยาบาลเซาท์ชอร์ เปิดเผยว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจมอยู่ในโคลน เลยเข่าและติดอยู่อย่างนั้น เหตุการณ์นี้เรียกความสนใจของคนมาเที่ยวชายหาด ซึ่งได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ แล้วก็มีสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ของลูกชายชื่อ ลูซี คอยอยู่เคียงข้างเธอด้วย เพราะมันไม่ได้ติดอยู่ในหล่มโคลนด้วย ขณะรอความช่วยเหลือ เธอเห็นมีเฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์ บินอยู่ด้วย ก็เลยเกรงว่าความวุ่นวายของเธออาจเดือดร้อนถึงกับต้องเรียกกำลังเสริม เธอได้โทรศัพท์หาเพื่อนแล้วบอกให้ดูในกูเกิล Google woman trapped in mud ก่อนที่เหตุการณ์จะยืดเยื้อไปกว่านี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึงและสามารถช่วยเหลือเธอขึ้นมาจากโคลนได้ เธอบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แย่มากๆ ในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 แต่มันก็ทำให้เธอหัวเราะได้และมีชื่อเสียงราว 15 นาที https://www.dailynews.co.th/foreign/836384
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ธรรมชาติยังสมบูรณ์! เจ้าหน้าที่ออกสำรวจทะเลกระบี่ พบแม่พะยูน พาลูกน้อยอวดโฉมอย่างน่ารัก "กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง" เผยภาพสุดน่ารักของพะยูนแม่ลูก ที่ว่ายน้ำอวดโฉมบริเวณกลางทะเลกระบี่ ซึ่งแสดงถึงความสมบูรณ์เพศของตัวสัตว์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบโลมาหลังโหนก 10 ตัว และเต่าทะเล 22 ตัว เมื่อวันที่ 9 เม.ย. เฟซบุ๊ก "กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง" เผยภาพสุดน่ารักของพะยูนแม่ลูก บริเวณทะเลกระบี่ โดยทางศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนล่าง ได้ออกสำรวจการแพร่กระจายสัตว์ทะเลหายาก บริเวณทะเลกระบี่ โดยวิธีการบินสำรวจ (Aerial Survey) โดยใช้เครื่องบินปีกตรึง 2 ที่นั่ง ร่วมกับนักบินอาสาสมัคร นาย Eduado Anrelo Loigorri ณ บริเวณเกาะศรีบอยา เกาะจำ เกาะปู จ.กระบี่ ผลการสำรวจพบเห็น (ไม่ใช่จำนวนประชากรสัตว์ทะเลในพื้นที่ เนื่องจากอาจมีการนับตัวซ้ำ) พบพะยูน 13 ตัว (พะยูนแม่-ลูก จำนวน 2 คู่) โลมาหลังโหนก (Indo-Pacific Humpback Dolphin, Sousa chinensis) 10 ตัว และเต่าทะเล 22 ตัว ผลการตรวจสุขภาพประเมินสุขภาพจากการสังเกตด้วยสายตา พบว่า สุขภาพพะยูนโดยรวมปกติ นอกจากนี้ ยังพบพะยูนคู่แม่-ลูก ซึ่งแสดงถึงความสมบูรณ์เพศของตัวสัตว์ รวมถึงโลมาหลังโหนก และสุขภาพโดยรวมไม่พบสัตว์ทะเลหายากที่แสดงความผิดปกติ ส่วนข้อมูลและภาพถ่ายจากการสำรวจครั้งนี้ จะใช้คำนวณหาจำนวนประชากรที่แท้จริงของสัตว์ทะเลหายากในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ต่อไป https://mgronline.com/onlinesection/.../9640000034359
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ทร.จับเรือตังเก 'อิเหนา' ทำประมงล้ำน่านน้ำไทย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จับเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียทำการประมงรุกล้ำน่านน้ำไทย คุมตัวลูกเรือ32คน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 เม.ย 2564 ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ภายในท่าเทียบเรือรัษฏา ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ( ศรชล.ภาค 3 ) นำโดย นาวาเอก พัลลภ โกมโลทก ผู้บังคับหมวดเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำกองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต และด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าเรือภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม เรือประมง ชื่อ KMRIZKI ซึ่งเป็นเรือประมงประเภทอวนล้อม สัญชาติอินโดนีเซีย พร้อมลูกเรือชาวอินโดนี้เซีย จำนวน 32 คน หลังพบลักลอบทำประมงอยู่ในทะเลพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย บริเวณห่างจากภูเก็ตไปประมาณ 122 ไมล์ทะเล นาวาเอก พัลลภ โกมโลทก ผู้บังคับหมวดเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 เปิดเผยว่า การจับกุมเรือประมงดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 8 เมษายน 2564 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ( ศรชล.ภาค 3 ) ได้รับการประสานจาก ศรชล.จังหวัดพังงา ว่าเครือข่ายเรือประมงไทยในพื้นที่แจ้งเหตุตรวจพบเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 3 ลำ ลักลอบทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ที่บริเวณ แลต 08 องศา 00 ลิปดา 00 ฟิลิปดา เหนือ ลอง 96 องศา 21 ลิปดา 00 ฟิลิปดา ตะวันออก (แบริ่ง 265 ระยะ 122 ไมล์ จาก จว.ภูเก็ต) หลังจากได้รับแจ้งเหตุ ศรชล.ภาค 3 ได้มีการประชุมบูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสั่งการให้ เรือ ต.994 และ เครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 ออกทำการตรวจสอบเรือประมงดังกล่าวว่ามีการกระทำผิดตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่ กระทั่งต่อมา เมื่อ 9 เม.ย.64 เวลา 06.30 น. เครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 รายงานการตรวจพบเรือประมงอินโดนีเซียหลายลำกำลังลักลอบทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย จึงได้แจ้งให้ เรือ ต.994 ทราบและเข้าทำการจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียได้ จำนวน 1 ลำ ชื่อ KMRIZKI เป็นเรือประมงประเภทอวนล้อม ลักษณะตัวเรือสีเขียว เก๋งสีเขียว มีลูกเรือ จำนวน 32 คน เป็นสัญชาติอินโดนีเซียทั้งหมด และได้นำเรือดังกล่าวกลับเข้าฝั่งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ทางทะเลฝั่งอันดามันยังคงปรากฏข่าวสารเรือประมงต่างชาติลักลอบเข้ามาทำการประมงอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา เคยมีการจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียในบริเวณดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ผลสำเร็จของการจับกุมในครั้งนี้ ต้องขอบคุณหน่วยงานใน ศรชล.ภาค 3 ส่วนราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายเรือประมงของไทยที่พบเห็นการกระทำผิดในทะเลและแจ้งข้อมูลต่างๆให้ ศรชล.ภาค 3 นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและประชาชนไทยให้ยั่งยืนสืบไป นาวาเอก พัลลภ กล่าว อย่างไรก็ตามสำหรับลูกเรือชาวอินโดนีเซียทั้ง 32 ราย เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าเรือภูเก็ตพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและเก็บสวอปเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด -19 ขณะเดียวกันก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวบนเรือเป็นระยะเวลา 14 วัน หากไม่พบอาการป่วยหรือติดเชื้อโควิด -19 ก็จะส่งตัวทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป https://www.naewna.com/local/565370
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|