สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้และประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในวันนี้(26 เมษายน 2564) ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนประกอบกับมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26 เม.ย. ? 1 พ.ค. 64 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามัน อ่าวไทย และภาคใต้ มีลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 26 เม.ย. ? 1 พ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สร้างหุ่นยนต์ปลาดาว เพื่อใช้ศึกษาสิ่งมีชีวิตใต้น้ำแบบใกล้ชิด


ภาพ Credit : MIT Computer Science & Artiticial Intellgence Lab

การพัฒนาหุ่นยนต์ทำงานในน้ำเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พยายามกันมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อ 4 ปีก่อน ทีมจากห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (CSAIL) ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์หรือเอ็มไอที ในสหรัฐอเมริกา ก็สร้างหุ่นยนต์ปลานิ่มให้แหวกว่ายไปกับปลาจริงตามแนวปะการังของฟิจิ

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของน้ำและทำลายระบบอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างอย่างรวดเร็ว ทำให้หุ่นยนต์ใต้น้ำพัฒนาได้ยาก เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ที่ใช้ทางอากาศหรือบนบก ดังนั้น ทีม CSAIL จึงต้องใช้เวลาหลายเดือนกับการออกแบบหุ่นยนต์ปลาจนกระทั่งได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ ทว่ากลุ่มวิจัยคิดว่ายังมีทางเร่งกระบวนการผลิตหุ่นยนต์นิ่มให้ใช้งานได้ภายในเวลารวดเร็วขึ้น ทีมจึงพัฒนาสร้างหุ่นยนต์นิ่มคล้ายปลาดาว ทำจากโฟมซิลิกอน เคลื่อนที่ด้วยตัวกระตุ้นที่ใช้พลังงานต่ำ ให้เคลื่อนที่ด้วยเส้นเอ็นใน 4 ขาซึ่งเชื่อมต่อกับเซอร์โวมอเตอร์ (Servo Motor) ที่ควบคุมการงอและผ่อนคลายขาของหุ่นยนต์ปลาดาว

ทีมเผยว่าการเลือกออกแบบหุ่นยนต์เลียนแบบปลาดาว เพราะความเรียบง่ายและสง่างามของการเคลื่อนไหว การบีบและปล่อยขาทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า ทั้งนี้ ทีมพบว่าระบบของพวกเขาสามารถทำงานได้กับร่างกายหลายประเภท การออกแบบต่อไปอาจมีแรงบันดาลใจจากเต่าทะเล กระเบนราหู และฉลาม ที่ท้าทายในการพัฒนาโครงสร้างที่ซับซ้อนของข้อต่อและครีบ.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2071596

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


พบแล้ว! ซากเรือดำน้ำอินโดฯ ลูกเรือเสียชีวิตยกลำ 53 ราย

ทางการอินโดฯ ยืนยัน พบซากเรือดำน้ำที่ขาดการติดต่อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว บริเวณนอกชายฝั่งทางเหนือเกาะบาหลี ลูกเรือ 53 คนเสียชีวิตยกลำ



พล.ร.อ.ยูโด มาร์โกโน ผู้บัญชาการกองทัพเรืออินโดนีเซีย แถลงที่เกาะบาหลีเมื่อวันนี้ (25 เม.ย.) ว่า ภาพถ่ายจากกล้องในหุ่นยนต์ดำน้ำลึก พบว่า เรือเคอาร์ไอ นังกาลา 402 แตกออกเป็น 3 ส่วนขนาดใหญ่ จมอยู่ก้นทะเล ในระดับความลึกราว 838 เมตรจากผิวน้ำ โดยจุดที่เรือจม อยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ 1,500 เมตร จากจุดพิกัดสุดท้ายที่เรือลอยลำอยู่ ก่อนสูญหาย ขณะเข้าร่วมการฝึกซ้อมทางยุทธวิธี ในทะเลนอกชายฝั่งทางเหนือของเกาะบาหลี เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา

ด้าน พล.อ.อ.ฮาดี ทยาห์ยันโต ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินโดนีเซีย แถลงว่า ภาพถ่ายใต้น้ำที่ได้รับ ยืนยันว่า เรือดำน้ำนังกาลา 402 จมอยู่ก้นทะเล ไม่ใช่สูญหาย ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ และลูกเรือ 53 คนที่อยู่ในเรือเสียชีวิตทั้งหมด

หุ่นยนต์ดำน้ำลึกที่พบซากเรือนังกาลา 402 จากการบันทึกภาพ เป็นของเรือกู้ภัยทางทะเล "เอ็มวี สวิฟท์ เรสคิว" (MV Swift Rescue) ของสิงคโปร์

ส่วนเรือ เคอาร์ไอ ริเกล ของอินโดนีเซีย ค้นหาเรือนังกาลา 402 ด้วยการใช้เครื่องโซนาร์น้ำลึก และเครื่องวัดความเข้มข้นของสนามแม่เหล็ก (magnetometer)

จนถึงขณะนี้ ทางการอินโดนีเซียยังไม่ทราบสาเหตุ ที่ทำให้เรือดำน้ำนังกาลา 402 จมสู่กันทะเล โดยก่อนหน้านี้ กองทัพเรือสันนิษฐานว่า ระบบไฟฟ้าขัดข้องภายในเรือ อาจทำให้เรือไม่สามารถลอยกลับสู่ผิวน้ำได้

ข้อมูลของกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ระบุว่า เรือเคอาร์ไอ นังกาลา 402 พลังงานดีเซล สร้างขึ้นที่เยอรมนีและดัดแปลงที่เกาหลีใต้ นำเข้าประจำการในกองทัพเรืออินโดนีเซียเมื่อปี 2524 หรือ 40 ปีที่แล้ว


https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/934441