สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนเริ่มมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 - 11 มิ.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 6 ? 11 มิ.ย. 64 บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 6 - 11 มิ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


บริษัทเรือ "เอ็กซ์-เพรส ฟีเดอร์ส" ขอโทษต่อศรีลังกา



บริษัทเอ็กซ์-เพรส ฟีเดอร์ส เจ้าของเรือบรรทุกสารเคมีที่เกิดไฟไหม้นาน13 วัน นอกชายฝั่งกรุงโคลอมโบของศรีลังกา เผยเมื่อ 4 มิ.ย.ว่า ได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ รวมทั้งหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล และกองทัพเรือศรีลังกา เพื่อช่วยควบคุมการรั่วไหลและกำจัดคราบน้ำมัน ทำความสะอาดชายหาด รวมทั้งมลพิษอื่นๆ หลังจากนายชมูเอล ยอสโควิตซ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ของบริษัทได้ออกมากล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อชาวศรีลังกาที่ภัยพิบัติครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม

เรือเอ็มวี เอ็กซ์-เพรส เพิร์ล ของสิงคโปร์ ซึ่งบรรทุกกรดไนตริก 25 ตัน พร้อมกับสารเคมีและเครื่องสำอางอื่นๆ เกิดไฟไหม้ตั้งแต่ 20 พ.ค.ก่อนจะสามารถดับไฟได้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทำให้ชายหาดแนวชายฝั่งตะวันตกของศรีลังกาถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดพลาสติกซึ่งไม่ย่อยสลายเองโดยธรรมชาติ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือชายหาดใกล้กับเมืองเนกอมโบ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเม็ดพลาสติกดังกล่าวสามารถล่องลอยไปได้ไกลถึงอินเดีย อินโดนีเซีย และโซมาเลีย ขณะที่นักอนุรักษ์ต่างเกรงว่าน้ำมันที่รั่วไหลจะยิ่งทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเล.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2108666

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


อิตาลีปรับนักท่องเที่ยวขโมยทราย-เปลือกหอย

นักท่องเที่ยวหลายสิบคนถูกตำรวจอิตาลีสั่งปรับโทษฐานขโมยทรายและเปลือกหอยกลับไปเป็นที่ระลึกจากชายหาดเกาะซาร์ดิเนียที่ยังสะอาดบริสุทธิ์อยู่



สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงโรมประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ว่า สื่อมวลชนอิตาลีรายงานว่าตำรวจศุลกากรบนเกาะซาร์ดิเนียทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของอิตาลีได้ลงโทษปรับนักท่องเที่ยว 41 คนเป็นเงินกว่า 3,000 ยูโร(ราว 108,000บาท)ตามความผิดที่ได้ก่อไว้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ด้วยการพยายามลักลอบนำทราย เปลือกหอย และหินชายหาด น้ำหนักรวมกัน 100 กก.จากชายหาดที่ยังสะอาดบริสุทธิ์ของเกาะซาร์ดิเนีย

สำนักข่าวลาเปรสเซรายงานว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนแล้วพบว่ามีนักท่องเที่ยวบางรายมีเจตนาที่จะสิ่งของที่นำกลับไปนั้นเพื่อนำไปขายทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งกำลังเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูโดยเฉพาะตลาดผิดกฎหมายสำหรับของที่ระลึกที่ฉกฉวยหรือขโมยมาจากพื้นที่ตั้งรีสอร์ตหรูแถบชายหาดเอเมอรัลด์

ของกลางที่พบมีทั้งถุงบรรจุทราย เปลือกหอยและก้อนหินชายหาดที่ยึดมาได้ ที่สนามบินและท่าเรือบนเกาะซาร์ดิเนีย ซึ่งมีกฎหมายท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2560 ระบุโทษปรับตั้งแต่ 500-3,000 ยูโร และเจ้าหน้าที่จะนำของกลางเหล่านี้กลับไปคืนที่ชายหาดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

กฎหมายออกมาบังคับใช้เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่มาเที่ยวชายหาดในแต่ละปีบนเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นำทรายและเปลือกหอยกลับไป


https://www.dailynews.co.th/foreign/847977

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


คิดไม่ได้!! นักท่องเที่ยวลักลอบกางเต็นท์พักแรมและตกปลาในพื้นที่อุทยาน

เพชรบุรี ? เจ้าหน้าที่แก่งกระจาน ลาดตระเวนทางน้ำ พบนักท่องเที่ยวลักลอบกางเต็นท์พักแรมและตกปลาในพื้นที่อุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำ ควบคุมตัวทั้งหมดมาเปรียบเทียบปรับ



วันนี้( 5 มิ.ย.) นายอิทธิพล ไทยกมล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฯ ออกลาดตระเวนตรวจทางน้ำ เนื่องจากสืบสวนทราบว่า มีกลุ่มบุคคลลักลอบเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณเกาะในเขื่อนแก่งกระจานในพื้นที่เขตอุทยานฯ

ในที่เกิดเหตุพบมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาย หญิง อายุประมาณ 35-50ปี จำนวน 2 กลุ่ม ร่วมประมาณ 10 คน ได้กางเต้นท์พักแรมอยู่บนเกาะในเขื่อนแก่งกระจาน ห่างจากที่ทำการฯ ประมาณ 8 กม.และยังมีการตกปลาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยไม่ได้รับอนุญาต ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน



จากการตรวจสอบ ทราบว่ากลุ่มบุคคลทั้งหมดได้ลักลอบเข้ามาดำเนินกิจกรรมฯในบริเวณดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ การกระทำการดังกล่าวอาจจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นหรือตนเอง หรือจะเป็นการรบกวน เดือดร้อนรำคาญ แก่คนหรือสัตว์ป่า หรือจะทำให้เสียหายแก่สภาพ ระบบนิเวศ และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่

พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมได้แจ้งให้กลุ่มบุคคลทั้งหมดทราบว่า การเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 20 พร้อมทั้งได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาเปรียบเทียบปรับ ตามมาตรา 47 , มาตรา 52 ปรับคนละไม่เกิน 1 แสนบาท ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน


https://mgronline.com/local/detail/9640000054416