#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมามีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 2 - 7 ส.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 2 ? 7 ส.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะสัปดาห์นี้ไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
สวยอันตราย! นักเซิร์ฟลงเล่นเซิร์ฟที่หาดกมลา จ.ภูเก็ต โดนพิษแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกสหวิดไม่รอด ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สวยอันตราย! นักเซิร์ฟลงเล่นเซิร์ฟที่หาดกมลา จ.ภูเก็ต โดนพิษแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกสหวิดไม่รอด โชคดีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดช่วยทัน เผยช่วงนี้จะพบบ่อยเนื่องจากคลื่นลมแรง ขณะนี้ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ta Prathompon ซึ่งเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และ เป็นช่างภาพ Surf ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า "เหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว เมื่อเวลา 17.20 น.วันที่ 31 ก.ค.บริเวณหาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อนสนิท โดนแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกสที่แขนขวา ในเบื้องต้นนัก Surf ที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันนำขึ้นมาจากทะเล ทำการล้างบาดแผลด้วยน้ำทะเล คีบชิ้นส่วนเนื้อเยื่อของแมงกะพรุนออก ล้างน้ำส้มสายชูบริเวณบาดแผล แรกรับคนไข้รู้สึกตัวดี 5 นาที แรกยังไม่แสดงอาการ 8 นาที มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณบาดแผล 10 นาทีต่อมา มีอาการแขนขาอ่อนแรง แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวด Glasgow Coma Scale E4 V5 M6 Vital Signแรกรับ PR:91 O2:95 เปอร์เซ็นต์ RR:32 ได้ทำการประสานรถพยาบาลฉุกเฉินของ อบต.กมลา ผ่านทางสายด่วน 1669 หลังจากรถพยาบาลมาถึงได้ให้ Oxygen Mask with bag 10L O2: กลับมาเป็น 99 เปอร์เซ็นต์ รักษาอุณหภูมิในร่างกาย ก่อนรถฉุกเฉินนำส่ง รพ.ป่าตอง ผมในฐานะ EMT จึงได้ตัดสินใจขึ้นรถฉุกเฉินมากับผู้บาดเจ็บด้วย เมื่อถึงโรงพยาบาลป่าตองได้นำผู้บาดเจ็บเข้าห้องล้างตัว ล้างด้วยน้ำส้มสายชูเป็นเวลา 5 นาที ก่อนนำเข้าห้องฉุกเฉิน ในเบื้องต้น หมอได้รักษาตามอาการ เฝ้าระวังภาวะกล้ามเนื้อกระตุก และกล้ามเนื้อหัวใจ หมอได้ให้ยาแก้ปวดและยาแก้แพ้ก่อนแอดมิทโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ทั้งนี้ ในช่วงฤดูมรสุมของ จ.ภูเก็ต ทุกๆ ปี มักจะพบแมงกระพรุนหมวกโปรตุเกสตามชายหาดต่างๆ เนื่องจากถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติถูกหรือสัมผัสแมงกระพรุนหมวกโปรตุเกสจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งพิษของแมงกระพรุนชนิดดังกล่าวค่อยข้างร้ายแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้ถ้าทำการรักษาช้าหรือนำส่ง รพ.ไม่ทันเวลา สำหรับความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.20 น. วันนี้ (1 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ประจำชายหาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ระบุว่า นักเล่นเซิร์ฟที่โดนแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกสขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดแจ้งว่าช่วงนี้เป็นฤดูมรสุม คลื่นและลมจะแรงกว่าปกติ ทำให้มีแมงกะพรุนดังกล่าวลอยมากับกระแสน้ำ ซึ่งจะพบเห็นได้ทุกปี แต่จะไม่ค่อยมากเท่าไรนัก เพราะส่วนใหญ่ช่วงนี้จะติดธงแดง ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำเนื่องจากคลื่นลมแรง เกรงว่าจะเกิดอันตราย แต่ขณะเดียวกัน นักเซิร์ฟบอร์ดจะนิยมมาเล่นในช่วงนี้ เนื่องจากคลื่นจะใหญ่และค่อนข้างสูง ทำให้ช่วงนี้มีนักเซิร์ฟมารอเล่นเกลียวคลื่นทุกวัน ทำให้อาจไปสัมผัสกับแมงกะพรุนหมวกโปรตุเกสที่มีพิษร้ายแรงถึงตายได้ถ้าส่ง รพ.ไม่ทันเวลา https://mgronline.com/south/detail/9640000075175 ********************************************************************************************************************************************************* กรีนพีซ วิเคราะห์ 7 เมืองใหญ่เอเชีย พื้นที่สุ่มเสี่ยงน้ำท่วมภายในปี 2573 เมืองชายฝั่งทั่วเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง โตเกียว จาการ์ต้า โซล ไทเป มะนิลา และกรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุหมุนเขตร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น รายงานของกรีนพีซ เอเชียตะวันออก คาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ประชาชนกว่า 15 ล้านคนใน 7 เมือง อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม การวิเคราะห์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในการวิเคราะห์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูงในการระบุถึงพื้นที่ของเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และขอบเขตของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เมืองชายฝั่งทั่วเอเชียกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่มากขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุโซนร้อนที่เข้มข้นมากขึ้น คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(IPCC) เตือนว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ระหว่าง 0.43-0.84 เมตรภายในปี พ.ศ.2643 (IPCC, 2019) ขณะเดียวกัน ตลอดศตวรรษที่ 21 พายุมีความเร็วลมรุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายมากขึ้น คลื่นพายุซัดฝั่งที่สูงขึ้น และปริมาณน้ำฝนที่มีสภาวะสุดขีดมากกว่าในอดีต (Knutson et al., 2020) ผู้จัดการโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออก กล่าวว่า "ภายในทศวรรษนี้ เมืองที่อยู่ติดชายฝั่งในเอเชียจะมีความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุที่เข้มข้นรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ความปลอดภัย และวิถีชีวิตของผู้คน นอกจากเหลือเวลาไม่มากในการยุติโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด รัฐบาลแต่ละประเทศจะต้องดำเนินการระบบบริหารจัดการน้ำท่วมและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (nationally determined contribution targets) นั้นไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งในสภาวะสุดขีด" นอกจากอินโดนีเซีย และไทเป อีกหลายเมืองในเอเชียที่จะได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น จาการ์ตา โตเกียว ฮ่องกง โซล มะนิลา รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย เราเลือกเมือง 7 แห่งในเอเชียที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและตั้งอยู่บนชายฝั่งหรือใกล้ชายฝั่งเพื่อวิเคราะห์ถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากน้ำท่วมชายฝั่ง(coastal flooding) ในปี พ.ศ.2573 ตามภาพฉายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นไปตามปกติ (business as usual) การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองต่างๆ ที่อยู่ในรายงานนี้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งทศวรรษ เว้นแต่เราจะลงมือทำในทันทีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างรวดเร็ว จากปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายภายใต้แผนที่นำทางก๊าซเรือนกระจกขอประเทศ(nationally determined contribution targets) นั้นยังไม่เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งแบบสภาวะสุดขีด รัฐบาลและบรรษัทต่างๆ ต้องลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วขึ้น เช่น ยุติการสนับสนุนทางการเงินให้กับอุตสาหกรรมถ่านหินและเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เพื่อป้องกันมิให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มมากไปกว่า 1.5 องศาเซลเซียส https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000075298
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 02-08-2021 เมื่อ 02:40 |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ภารกิจช่วยเหลือ "วาฬเพชฌฆาต" ลอยติดโขดหินชายฝั่งอลาสกา 6 ชั่วโมง ภารกิจช่วยเหลือ ? วันที่ 1 ส.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานภารกิจการช่วยเหลือวาฬเพชฌฆาตลอยติดบนชายฝั่งโขดหิน ในเกาะปรินซ์ออฟเวลส์ รัฐอลาสกา สหรัฐอเมริกา เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 29 ก.ค. โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) และลูกเรือของเรือสเตดฟาสต์ที่อยู่ใกล้เคียง จูลี แฟร์ โฆษกของ NOAA บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า เรือสเตดฟาสต์พบวาฬเพชฌฆาต และตนอนุญาตให้ลูกเรือใช้เครื่องสูบน้ำทะเลเพื่อให้วาฬเพชฌฆาตยังเปียกน้ำและไม่ให้บรรดานกเข้ามาใกล้ โดยลูกเรือจับตาวาฬเพชฌฆาต กระทั่งเจ้าหน้าที่ NOAA และทหารสัตว์ป่าอลาสกา ตามมาสมทบ "ตอนลอยติดบนโขดหิน วาฬเพชฌฆาตตัวนั้นส่งเสียงร้อง และวาฬเพชฌฆาตตัวอื่นๆ ถูกพบในบริเวณใกล้เคียงด้วย" โฆษกของ NOAA กล่าว ในที่สุดวาฬเพชฌฆาตกลับมาลอยน้ำอีกครั้งขณะที่น้ำขึ้นสูงเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยกลุ่มอนุรักษ์สัญชาติแคนาดาอย่าง เบย์ ซีทอลโลจี (Bay Cetology) ทราบข้อมูลว่า นี่เป็นวาฬเพชฌฆาตบิกส์ (Bigg?s killer whale) อายุ 13 ปี เป็นตัวเดียวกับที่กลุ่มอนุรักษ์เฝ้าติดตามและระบุชื่อเป็น T146D photo credit: Captain Chance Strickland and Crew of M/V Steadfast via NOAA จูลี แฟร์ กล่าวว่า NOAA กำลังตรวจสอบภาพถ่ายและวิดีโอวาฬเพชฌฆาตตัวดังกล่าวเพื่อดูอาการบาดเจ็บ โดยวาฬเพชฌฆาตตัวนี้เกยตื้นไม่ถึง 1 วัน หลังเกิดแผ่นดินไหว 8.2 แม็กนิจูด นอกชายฝั่งรัฐอลาสกา แต่ NOAA ไม่เชื่อว่าจะเป็นสาเหตุให้วาฬเพชฌฆาตลอยติดบนโขดหิน ผู้ใช้ติ๊กต็อกที่มีชื่อ Aroon Melane แชร์วิดีโอเผยคนช่วยให้วาฬเพชฌฆาตเปียกน้ำ กระทั่ง NOAA มาถึงและกล่าวว่า วาฬเพชฌฆาตสามารถว่ายน้ำได้อย่างอิสระ เมื่อกระแสกลับมาขึ้น "เราได้ยินว่าวาฬเพชฌฆาตเกยหาดจึงไปดู NOAA อนุญาตให้เราสูบน้ำทะเลให้วาฬเพชฌฆาตเปียกและปกป้องจากสัตว์อื่น จนกว่า NOAA จะตามมาถึง" Melane พูดในวิดีโอว่า "เราใช้สายยางและเครื่องสูบน้ำทะเล ระหว่างนี้ เราใช้ถังตักน้ำราดให้วาฬเพชฌฆาตเปียก และวาฬเพชรฆาตเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นหลังเราพาลงน้ำ" และว่า วาฬเพชฌฆาตตัวนี้ลอยติดบนโขดหินราว 6 ชั่วโมง เบย์ ซีทอลโลจี กล่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วาฬเพชฌฆาตบิกส์ลอยติดบนโขดหิน "การวิจัยของเราในหัวข้อเฉพาะนี้ซึ่งเผยแพร่เมื่อปีก่อนแสดงให้เห็นว่า วาฬเพชฌฆาตทั้งหมดอาศัยอยู่ตามชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือ ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นสัตว์ในระบบนิเวศของวาฬเพชฌฆาตบิกส์ และพวกมันทั้งหมดรอดมาได้ บางครั้งรอดมาด้วยความช่วยเหลือเล็กน้อย" กลุ่มอนุรักษ์ระบุ https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_6540872
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|