สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 3 สิงหาคม 2564

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว และเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมามีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 ? 5 ส.ค. 64 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตลอดช่วง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันยังคงมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มี ฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3 ? 6 ส.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะสัปดาห์นี้ไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


เร่งกู้ตู้คอนเทนเนอร์ถูกคลื่นซัดหล่นกลางทะเลสตูลเข้าฝั่ง

ภูเก็ต-คลื่นลมแรงซัดเรือบรรทุกสินค้าไม้ยางพาราในตู้คอนเทนเนอร์หล่นลงทะเล 10 ตู้ ในน่านน้ำสตูลตรวจพบแล้ว 5 ตู้เร่งลากจูงเข้าฝั่ง



เมื่อวันที่ 2 ส.ค.พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค3 (ศรชล.ภาค 3) /ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก ศรชล.จังหวัดสตูล ว่า นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ รายงานว่า เรือสปีดโบ๊ทที่วิ่งระหว่าง ปากบารา - เกาะหลีเป๊ะ ตรวจพบตู้คอนเทนเนอร์ลอยน้ำ จำนวน 2 ตู้ ระหว่าง เกาะตะรุเตา - เกาะบุโหลน

ทั้งนี้ ศรชล.จังหวัดสตูลจึงได้ตรวจสอบข้อมูลปรากฏว่า เรือลากจูงชื่อ MC Express 1 ได้ทำการลากจูงเรือบาร์จ ชื่อ MCL PREMIER โดยออกเดินทางจากท่าเรือกันตัง จ.ตรัง ไปยัง ท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด 20 ฟุต จำนวน 30 ตู้ สินค้าด้านในเป็นยางพารา และ ขนาด 40 ฟุต จำนวน 70 ตู้ สินค้าด้านในเป็นไม้ยางพารา ซึ่งออกเดินทางจากท่าเรือกันตัง จ.ตรัง เมื่อ 1 ส.ค.64 และในเวลา 17.30 ได้ประสบเหตุคลื่นลมแรงทำให้ตู้สินค้าขนาด 40 ฟุต จำนวน 10 ตู้ หล่นลงไปในทะเล ทางผู้ควบคุมเรือได้แจ้งให้เจ้าของเรือทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และได้นำเรือเดินทางกลับเข้าท่าเรือกันตัง จ.ตรัง ขณะนี้อยู่ระหว่างการดินทาง คาดว่าจะถึงท่าเรือกันตังในวันที่ 3 ส.ค.64

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ตรวจพบตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 5 ตู้ ตรวจพบบริเวณช่องเขาขาด จำนวน 1 ตู้ กำลังดำเนินการลากกลับเข้าฝั่งที่ปากบารา อ.ละงู ตรวจพบตู้ที่ 2 - 3 ห่างจาก เกาะบุโหลนเล ประมาณ 3 ไมล์ กำลังลากกลับเข้าฝั่งบริเวณบ้านบ่อเจ็ดลูก อ.ละงู ตรวจพบตู้ที่ 4 - 5 บริเวณ เกาะบุโหลนไม้ไผ่ ทางเจ้าของเรือให้เรือในพื้นที่เฝ้าและจะดำเนินการลากกลับต่อไป


https://www.posttoday.com/social/local/659590

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


เร่งค้นหา 31 ชีวิต หลังเรือประมงจมกลางทะเลอันดามัน

2 ส.ค.-คลื่นแรง ซัดเรือประมงจมกลางทะเลลึก ทัพเรือภาค 3 สั่งเรือรบและเครื่องบินปูพรม ระดมค้นหา 31 ชีวิต



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับการประสานจาก ศรชล.ภาค 3 ว่าได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากคุณปริยาภา กาญจนโสภา แพปลาชาลี อ.คุระบุรี จ.พังงา ว่าเรือประมงของตนชื่อ โชคมณีเดช 21 ได้ประสบเหตุเรือจม เนื่องจากคลื่นลมแรง บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุรินทร์ ระยะประมาณ 70 ไมล์ทะเล แนวเส้นขอบชายแดนไทย ? เมียนมา กลางทะเลอันดามัน พร้อมลูกเรือ 31 คน เป็นคนไทย 2 คน และคนเมียนมา 29 คน ขอความช่วยเหลือช่วยชีวิตลูกเรือ

ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทัพเรือภาคที่ 3 จึงได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนแบบที่ 1 (DO-228) ขึ้นบินค้นหาทางอากาศ พร้อมกับเรือหลวงทยานชล ออกค้นหาทางทะเล ซึ่งในไฟท์แรกของวันนี้ เครื่องบินไม่พบเป้าเรือประมงดังกล่าวแต่อย่างใด โดยช่วงเช้า จะทำการบินค้นหาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน เรือหลวงทยานชลกำลังเข้าสู่พื้นที่ตามพิกัดที่แจ้ง โดยจะทำการค้นหาลูกเรือทั้ง 31 ชีวิต ตามการคำนวนของกระแสน้ำและกระแสลมจากกรมอุทกศาสตร์ตลอดทั้งคืน จนกว่าจะพบ.


https://tna.mcot.net/region-750956

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก อสมท.


ย้อนรอยเรือนำเที่ยว ฟินิกซ์ พีซีไดร์วิ่ง อับปางกลางทะเล 5 กรกฎาคม 2561



นับเป็นโศกนาฏกรรมด้านการท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ในรอบปี 2561 จากเหตุการณ์ "เรือฟินิกซ์" ล่มจมลงบริเวณเกาะเฮ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2561 เรือฟินิกซ์ พีซีไดร์วิ่ง เป็นเรือนำเที่ยว 2 ชั้น ให้บริการนักท่องเที่ยวดำน้ำ

นายสมจริง บุญธรรม กัปตันเรือ เล่าว่า นำนักท่องเที่ยวเดินทางจาก ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง เพื่อไปท่องเที่ยวดำน้ำบริเวณเกาะราชา ขณะเดินทางกลับเมื่อเรือแล่นมาถึงแหลมโม่ง เกิดคลื่นขนาดใหญ่ สูงประมาณ 4-5 เมตร ซัดเข้าใส่ทางด้านหน้าเรือ ทำให้น้ำไหลเข้าไปใต้ท้องเรือ ส่งผลให้เรือเอียง จมใต้ท้องทะเล ความลึกประมาณ 42 เมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน

ตัวเรือสามารถกู้ขึ้นมาได้ใน วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 สาเหตุที่ทำให้เรืออับปาง ตัวเรือต่อไม่ได้มาตรฐาน ประตูผนึกน้ำ มีเพียง 1 ประตู กระจกรอบตัวเรือไม่ได้ใช้กระจกมารีน ผู้เสียชีวิตจึงติดอยู่ในตัวเรือเป็นจำนวนมาก ส่วนเครื่องยนต์เรือใช้เครื่องยนต์รถสิบล้อ และใช้ปูนถ่วงความสมดุล ทำให้เรือจมลงอย่างรวดเร็ว เบื้องต้นดำเนินคดี 3 ราย คือ นายสมจริง บุญธรรม กัปตันเรือ, นายอ่อนจันทร์ กัณหาโยธี ช่างเครื่องประจำเรือ และ น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล กรรมการผู้จัดการบริษัท ที ซี บลู ดรีม จำกัด โดยเข้าข่ายมีลักษณะนอมินี และเกี่ยวข้องกับทัวร์ศูนย์เหรียญ แจ้งข้อหาเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต 1 ราย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเจ้าของอู่ต่อเรือ เนื่องจากไม่ใช่อู่ต่อเรือจริง แต่เป็นแค่โรงกลึง

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ทำให้หน่วยงานภาครัฐ ต้องทบทวบมาตรการด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทั้งการตรวจสอบมาตรฐานยานพาหนะ และเจ้าหน้าที่รัฐต้องไม่แสวงผลประโยชน์ในทางที่ผิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดซ้ำขึ้นอีก


https://www.mcot.net/view/9sNwmjHT