เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 02-09-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณเกาะไหหลำ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดช่วง ประกอบกับในช่วงวันที่ 2 - 5 ก.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 7 ก.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ตลอดช่วง

สำหรับในช่วงวันที่ 2 - 5 ก.ย. 64 บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 7 ก.ย. 64 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 02-09-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


น้ำมันรั่วจากโรงงานซีเรีย ลอยข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้ถึงไซปรัส

คราบน้ำมันในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งรั่วไหลมาจากโรงกลั่นขนาดใหญ่สุดในซีเรีย กระจายวงกว้างมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่จะลอยไปไกลถึงเกาะไซปรัส



สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานในวันพุธที่ 1 ก.ย. 2564 ว่า ทางการซีเรียเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า แทงก์น้ำมันซึ่งบรรจุเชื้อเพลิงไว้ถึง 15,000 ตัน ที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อน ในเมืองบานิยาส บริเวณชายฝั่ง รั่วไหลออกมาตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. แม้ตอนนี้จะควบคุมได้แล้ว แต่มีน้ำมันไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นจำนวนมาก

ภาพถ่ายจากดาวเทียมล่าสุดซึ่งวิเคราะห์โดยบริษัท Orbital EOS ชี้ว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมา มีจำนวนมากกว่าที่คิดเอาไว้ในตอนแรก โดยตอนนี้มันแผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่กว่า 800 ตร.กม. หรือ เทียบเท่าพื้นที่ของนครนิวยอร์ก และอยู่ห่างจากชายฝั่งเกาะไซปรัสเพียง 7 กม.เท่านั้น

ด้านกรมวิจัยการเดินทะเลและสัตว์น้ำของไซปรัส ระบุว่า เมื่อดูจากการจำลองการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันและข้อมูลทางอุตุนิยิมวิทยา คราบน้ำมันอาจเดินทางมาถึงแหลม อโพสโตลอส แอนเดรียส ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองบานิยาสไปทางตะวันตกราว 130 กม. ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ทั้งนี้ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีภาพมากมายถูกเผยแพร่ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นคราบน้ำมันเปรอะเปื้อนชายฝั่งเมืองบานิยาสและเมืองเจเบลห์ ของซีเรีย ขณะที่ชาวบ้านท้องถิ่นหลายคนออกมาเตือนว่า มลภาวะที่เกิดขึ้นอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล

ชาวเมืองบานิยาสคนหนึ่งบอกกับ ซีเอ็นเอ็น ว่า พื้นที่ชายฝั่งปนเปื้อนหนักมาก "ผู้คนไม่ต้องการสิ่งนี้ การใช้ชีวิตที่นี่ยากลำบากอยู่แล้ว และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อครอบครัวมากมาย และทำให้พวกเขาสูญเสียรายได้" "รัฐบาลเพียงส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้ามาพร้อมกับฟองน้ำและสายฉีดน้ำ พวกเขาไม่มีขีดความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ คุณทำความสะอาดทะเลด้วยฟองน้ำไม่ได้"


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2183070


*********************************************************************************************************************************************************


ภูเขาไฟ เปรียบเสมือนวาล์วนิรภัยภูมิอากาศโลก



มีงานวิจัยที่ก่อเกิดข้อสงสัยมานานเกี่ยวกับแนวคิดที่ว่า ความเสถียรของสภาพอากาศของโลกในช่วงหลายสิบถึงหลายร้อยล้านปีนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างสภาพดิน ฟ้า อากาศของพื้นทะเลและโครงสร้างภายในของทวีป ทว่าเมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีเคมีแห่งมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน ในอังกฤษ ก็ได้ไขความกระจ่างเรื่องดังกล่าว

การคลี่คลายความซับซ้อนในเรื่องนี้ ทีมวิจัยจึงได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า "เอิร์ธ เน็ตเวิร์ก" (Earth Network) ซึ่งรวมเอาอัลกอริธึมการเรียนรู้ด้วยเครื่องและการสร้างแผ่นเปลือกโลกขึ้นใหม่ สิ่งนี้ทำให้ทีมสามารถระบุปฏิสัมพันธ์ที่โดดเด่นภายในระบบการทำงานของโลกและวิธีทั้งหมดพัฒนาไปตามกาลเวลา ทีมวิจัยพบว่าเทือกเขาที่มีภูเขาไฟมีบทบาทที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของความรุนแรงด้านสภาพดิน ฟ้า อากาศ ในช่วง 400 ล้านปีที่ผ่านมา ปัจจุบันประกอบด้วยกลุ่มภูเขาไฟในเทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้ และภูเขาไฟแคสเคดในสหรัฐอเมริกา ภูเขาไฟเหล่านี้มีลักษณะของการสึกกร่อนสูงและเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากหินภูเขาไฟแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและมีปฏิกิริยาทางเคมีทำให้ผุพังอย่างรวดเร็วและไหลลงสู่มหาสมุทร

ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ในด้านหนึ่งภูเขาไฟเหล่านี้จะปั๊มคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจำนวนมาก จนทำให้เพิ่มระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ในทางกลับกัน ภูเขาไฟก็จะช่วยขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติอันเนื่องจากสภาพดิน ฟ้า อากาศและสิ่งมีชีวิตเช่นกัน.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2181791
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 02-09-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ


UN เผย ภัยพิบัติธรรมชาติ 50 ปี มูลค่าความเสียหาย 3.64 ล้านล้านดอลลาร์


REUTERS/Devika Krishna Kumar/File Photo

ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วม หรือคลื่นความร้อน (Heat wave) ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) ช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน และมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 3.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

วันที่ 1 กันยายน 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะของสหประชาชาติระบุว่า จำนวนภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วม หรือคลื่นความร้อน (Heat wave) ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อช่วง 50 ปีที่ผ่านมา รวมถึงทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 2 ล้านคน และมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 3.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ทางองค์การได้ทำแบบสำรวจเหตุภัยพิบัติ 11,000 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างช่วงปี 1979-2019 โดยรวมเหตุการณ์อย่างเช่น ภัยแล้งที่ประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 300,000 คน รวมถึง "เฮอริเคนแคทรีนา" เมื่อปี 2005 ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.64 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานข่าวระบุว่า รายงานดังกล่าวขององค์การ ยังแสดงให้เห็นถึงเทรนด์ของจำนวนภัยพิบัติ ซึ่งกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีจำนวนภัยพิบัติซึ่งเกิดขึ้นมากกว่าช่วงทศวรรษปี 1970 มากถึง 5 เท่า พร้อมกับระบุด้วยว่า ในอนาคตจะมีเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้วเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาวะโลกร้อน

นอกจากนี้ "เพททรี ทาลาส" เลขาธิการใหญ่ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก กล่าวว่า มูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากเมื่อช่วงปีทศวรรษ 1970 ซึ่งมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 1.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงปีทศวรรษ 2010 มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ


https://www.prachachat.net/world-news/news-752002

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:19


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger