#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้มีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 19 ? 22 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่งผลทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 24 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก ในขณะที่ลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนขอให้ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
การค้นพบเปลือกหอยสังข์ทะเลชนิดสายพันธุ์ใหม่ที่หายาก (ภาพประกอบ Credit : Dr John Healy, Queensland Museum) ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์ควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย จอห์น ฮีลี รายงานการค้นพบหอยที่หายากหลังจากได้รับบริจาคเปลือกหอยจากผู้คนในท้องถิ่น เปลือกหอยทะเลชนิดใหม่นี้มีชื่อว่า Amoria Thorae ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคเปลือกหอยดังกล่าว มีนามว่า โธรา ไวท์เฮด (Thora Whitehead) Amoria Thorae อยู่ในวงศ์ Amoria ที่เป็นหอยขนาดกลางมีหลากหลายชนิด พบได้ทั่วไปนอกชายฝั่งออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์ควีนส์ แลนด์เผยว่า เปลือกหอยนี้เป็นของหอยสังข์ทะเลที่กินเนื้อเป็นอาหารและเป็นสายพันธุ์ที่หายากมาก แม้จะรู้มานานแล้วว่าอาจมีหอยสังข์ทะเลที่กินเนื้อเป็นอาหารสายพันธุ์ใหม่จากชายฝั่งตะวันออกกลางของออสเตรเลีย ทว่าก็ยังไม่เคยพบตัวอย่างที่มีชีวิต และที่ผ่านมาก็พบแต่ในหนังสือเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการ ที่น่ายินดีคือการค้นพบครั้งนี้ไม่ใช่พบแค่ตัวอย่างเดียว แต่พบถึง 2 ตัวอย่างของสายพันธุ์ใหม่ Amoria Thorae ซึ่งอาจช่วยในการศึกษาความเข้าใจถึงชีววิทยาและความสัมพันธ์ของสัตว์ได้ดีขึ้น. https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2221466 ********************************************************************************************************************************************************* ขีดเส้นใหม่ เขตชายฝั่ง 23 จังหวัดชายทะเล ลดขัดแย้งประมงพื้นบ้านกับประมงพาณิชย์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เขตทะเลชายฝั่งตามพระราชกำหนดการประมง 2558 เดิมมีการกำหนดออกเป็น 2 รูปแบบ 1) เขตทะเลชายฝั่งนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล และ 2) เขตทะเลชายฝั่งตามที่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดเป็นการเฉพาะที่มีระยะตามที่กฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่งให้มีระยะนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปน้อยกว่าหรือมากกว่าสามไมล์ทะเล มี 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชลบุรี ตรัง ตราด พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล และสุราษฎร์ธานี "แต่จากการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมา เราพบว่ายังคงมีเขตทะเลชายฝั่งที่มีลักษณะเป็นเส้นโค้งเว้า ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนของพื้นที่ทำการประมง ส่งผลให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อน เกิดความขัดแย้งระหว่างประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ เนื่องจากมีการเข้าไปทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งโดยไม่ตั้งใจ และยังขาดการมีส่วนร่วมในการกำหนดเขตอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กรมประมงจึงได้ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง โดยจะยกเลิกฉบับเดิมทั้งหมด และจะออกกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่งฉบับใหม่ ระบุเส้นแบ่งเขตชายฝั่งทะเลเป็นรายจังหวัด ทั้ง 23 จังหวัดชายทะเล เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของพื้นที่แต่ละจังหวัด" นายบัญชา เผยอีกว่า สำหรับข้อกำหนดที่จะออกมานี้ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละพื้นที่ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยในกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ มีการกำหนดให้เขตทะเลชายฝั่งเป็นเส้นตรง ลากผ่านจุดพิกัดทำให้ชาวประมงเดินเรือได้ง่ายและพนักงานเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ชัดเจนด้วย "กรณีที่เป็นพื้นที่เขตทะเลชายฝั่งทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขตที่กำหนดตามกฎหมายอื่น ให้ชาวประมงที่ทำการประมงหรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่ง ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ให้ครบถ้วนด้วย การกำหนดเขตทะเลชายฝั่งมิใช่แค่แก้ไขความขัดแย้งของชาวประมงเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ภายใต้บริบทของวิถีการทำประมงในพื้นที่นั้นๆ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำในเรื่องของการบริหารจัดการการทำประมงให้เกิดความยั่งยืนควบคู่ไปกับความมั่นคงในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวประมง ขณะนี้การออกกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้อยู่ระหว่างการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเสียก่อนถึงจะประกาศใช้ได้" รองอธิบดีกรมประมงกล่าว. https://www.thairath.co.th/news/local/2216681
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 19-10-2021 เมื่อ 03:57 |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานีหนุนสร้างท่าเรือสำราญเกาะสมุย คาดรายได้ทะลุ 5 หมื่นล้านต่อปี นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี หนุนภาครัฐเดินหน้าสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ในอ.เกาะสมุย ช่วยดึงนักท่องเที่ยวมากขึ้น คาดสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวทะลุ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีขอสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าดำเนินการโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่บริเวณแหลมหินคมต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย ที่มีการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อรองรับเรือท่องเที่ยวในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 มีเรือสำราญจากยุโรปและสิงคโปร์เข้าเกาะสมุย จำนวน 48ลำและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2563 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เส้นทางยุโรปอเมริกา และสิงคโปร์แจ้งเข้าเกาะสมุยเพิ่มขึ้นเป็น 64 ลำ มีความจุลำละ 2,000-6,000 คน แต่เข้ามาได้ส่วนหนึ่งเป็นช่วงเกิดระบาดโควิด-19 ต้องหยุดไปคาดว่า หลังสถานการณ์โควิดการท่องเที่ยวเรือสำราญจะกลับมาเดินทางอีกแน่นอน นายวิชวุทย์ กล่าวต่อว่า เกาะสมุยเป็นจุดสำคัญในเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวของประเทศไทยและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยมีเรือสำราญต้องการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุยปีละ 100 ลำ หรือ ไม่น้อยกว่า 300,000 คน จะเป็นการสร้างโอกาสเปิดประเทศอีกเส้นทางหนึ่ง ที่จะสามารถสร้างรายได้การท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเกาะสมุยยังไม่มีท่าเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่และพื้นที่บริเวณแหลมหินคม ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (CruiseTerminal) เนื่องจากมีร่องน้ำลึกที่เหมาะสมอยู่แล้วและมีแนวกันลมกันคลื่นขนาดใหญ่สามารถรับเรือเข้าเทียบได้ตลอดปี ทั้งนี้ด้วยเกาะสมุยมีความจำเป็นจะต้องมีจุดรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นประชาชนเกาะสมุยเห็นด้วยว่า บริเวณแหลมหินคมมีความเหมาะสมที่สุดมีระดับน้ำลึกกว่า 20 เมตร และสร้างสะพานยาว 800 เมตร รองรับได้ ซึ่งที่ผ่านมาเกาะสมุยไม่มีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ ทำให้เรือสำราญต้องลอยกลางทะเล โดยใช้เรือขนาดเล็กนำนักนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะเสียเวลา 3-4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับสูงจากยุโรปอเมริกา รวมถึงนักท่องเที่ยวเอเชียที่ต้องการขึ้นเกาะ หากมีท่าเทียบเรือจะเป็นการอำนวยความสะดวกได้มาก อย่างไรก็ตามสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้สำรวจข้อมูลไว้เมื่อปี 2558 ประเทศไทยมีตลาดเรือสำราญจากทั่วโลกเข้าประเทศ โดยจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 5 แสนคน ซึ่งจะทำรายได้ 3,500 ล้านบาทต่อปี และปี 2557กรมการท่องเที่ยวระบุว่า ภาคใต้สามารถดึงดูดเงินจากตลาดการท่องเที่ยวได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นที่นิยมสูงและยังมีการใช้จ่ายในพื้นที่สูงกว่า 5.05 แสนล้านบาทต่อปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2555-2557 อยู่ที่ 30% แต่หากเจาะจงเฉพาะที่ อ.เกาะสมุย ในปี 2562 สร้างรายได้ 57,811.84 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน ทริปละ 12,132 บาท รองจากกรุงเทพฯอยู่ที่ 12,454 บาท ซึ่งการมีท่าเรือจะช่วยช่วยตอกย้ำจุดหมายทางทะเลชั้นนำของภาคใต้ และอาจสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย https://www.dailynews.co.th/news/388181/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|