เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 19-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้มีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 19 ? 22 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ส่งผลทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น

ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 24 ต.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก ในขณะที่ลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนขอให้ดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 19-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


การค้นพบเปลือกหอยสังข์ทะเลชนิดสายพันธุ์ใหม่ที่หายาก


(ภาพประกอบ Credit : Dr John Healy, Queensland Museum)

ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์ควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย จอห์น ฮีลี รายงานการค้นพบหอยที่หายากหลังจากได้รับบริจาคเปลือกหอยจากผู้คนในท้องถิ่น เปลือกหอยทะเลชนิดใหม่นี้มีชื่อว่า Amoria Thorae ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บริจาคเปลือกหอยดังกล่าว มีนามว่า โธรา ไวท์เฮด (Thora Whitehead)

Amoria Thorae อยู่ในวงศ์ Amoria ที่เป็นหอยขนาดกลางมีหลากหลายชนิด พบได้ทั่วไปนอกชายฝั่งออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์ควีนส์ แลนด์เผยว่า เปลือกหอยนี้เป็นของหอยสังข์ทะเลที่กินเนื้อเป็นอาหารและเป็นสายพันธุ์ที่หายากมาก แม้จะรู้มานานแล้วว่าอาจมีหอยสังข์ทะเลที่กินเนื้อเป็นอาหารสายพันธุ์ใหม่จากชายฝั่งตะวันออกกลางของออสเตรเลีย ทว่าก็ยังไม่เคยพบตัวอย่างที่มีชีวิต และที่ผ่านมาก็พบแต่ในหนังสือเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการ

ที่น่ายินดีคือการค้นพบครั้งนี้ไม่ใช่พบแค่ตัวอย่างเดียว แต่พบถึง 2 ตัวอย่างของสายพันธุ์ใหม่ Amoria Thorae ซึ่งอาจช่วยในการศึกษาความเข้าใจถึงชีววิทยาและความสัมพันธ์ของสัตว์ได้ดีขึ้น.


https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2221466


*********************************************************************************************************************************************************


ขีดเส้นใหม่ เขตชายฝั่ง 23 จังหวัดชายทะเล ลดขัดแย้งประมงพื้นบ้านกับประมงพาณิชย์



นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เขตทะเลชายฝั่งตามพระราชกำหนดการประมง 2558 เดิมมีการกำหนดออกเป็น 2 รูปแบบ 1) เขตทะเลชายฝั่งนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล และ 2) เขตทะเลชายฝั่งตามที่ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดเป็นการเฉพาะที่มีระยะตามที่กฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่งให้มีระยะนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปน้อยกว่าหรือมากกว่าสามไมล์ทะเล มี 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชลบุรี ตรัง ตราด พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล และสุราษฎร์ธานี

"แต่จากการบังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมา เราพบว่ายังคงมีเขตทะเลชายฝั่งที่มีลักษณะเป็นเส้นโค้งเว้า ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนของพื้นที่ทำการประมง ส่งผลให้ชาวประมงได้รับความเดือดร้อน เกิดความขัดแย้งระหว่างประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ เนื่องจากมีการเข้าไปทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งโดยไม่ตั้งใจ และยังขาดการมีส่วนร่วมในการกำหนดเขตอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กรมประมงจึงได้ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง โดยจะยกเลิกฉบับเดิมทั้งหมด และจะออกกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่งฉบับใหม่ ระบุเส้นแบ่งเขตชายฝั่งทะเลเป็นรายจังหวัด ทั้ง 23 จังหวัดชายทะเล เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของพื้นที่แต่ละจังหวัด"



นายบัญชา เผยอีกว่า สำหรับข้อกำหนดที่จะออกมานี้ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละพื้นที่ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยในกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ มีการกำหนดให้เขตทะเลชายฝั่งเป็นเส้นตรง ลากผ่านจุดพิกัดทำให้ชาวประมงเดินเรือได้ง่ายและพนักงานเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ชัดเจนด้วย

"กรณีที่เป็นพื้นที่เขตทะเลชายฝั่งทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขตที่กำหนดตามกฎหมายอื่น ให้ชาวประมงที่ทำการประมงหรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่ง ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ให้ครบถ้วนด้วย การกำหนดเขตทะเลชายฝั่งมิใช่แค่แก้ไขความขัดแย้งของชาวประมงเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ภายใต้บริบทของวิถีการทำประมงในพื้นที่นั้นๆ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นย้ำในเรื่องของการบริหารจัดการการทำประมงให้เกิดความยั่งยืนควบคู่ไปกับความมั่นคงในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวประมง ขณะนี้การออกกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้อยู่ระหว่างการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเสียก่อนถึงจะประกาศใช้ได้" รองอธิบดีกรมประมงกล่าว.


https://www.thairath.co.th/news/local/2216681

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 19-10-2021 เมื่อ 03:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 19-10-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานีหนุนสร้างท่าเรือสำราญเกาะสมุย คาดรายได้ทะลุ 5 หมื่นล้านต่อปี

นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี หนุนภาครัฐเดินหน้าสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ในอ.เกาะสมุย ช่วยดึงนักท่องเที่ยวมากขึ้น คาดสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวทะลุ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี



เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีขอสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าดำเนินการโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่บริเวณแหลมหินคมต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย ที่มีการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อรองรับเรือท่องเที่ยวในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 มีเรือสำราญจากยุโรปและสิงคโปร์เข้าเกาะสมุย จำนวน 48ลำและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2563 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เส้นทางยุโรปอเมริกา และสิงคโปร์แจ้งเข้าเกาะสมุยเพิ่มขึ้นเป็น 64 ลำ มีความจุลำละ 2,000-6,000 คน แต่เข้ามาได้ส่วนหนึ่งเป็นช่วงเกิดระบาดโควิด-19 ต้องหยุดไปคาดว่า หลังสถานการณ์โควิดการท่องเที่ยวเรือสำราญจะกลับมาเดินทางอีกแน่นอน



นายวิชวุทย์ กล่าวต่อว่า เกาะสมุยเป็นจุดสำคัญในเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวของประเทศไทยและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยมีเรือสำราญต้องการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุยปีละ 100 ลำ หรือ ไม่น้อยกว่า 300,000 คน จะเป็นการสร้างโอกาสเปิดประเทศอีกเส้นทางหนึ่ง ที่จะสามารถสร้างรายได้การท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเกาะสมุยยังไม่มีท่าเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่และพื้นที่บริเวณแหลมหินคม ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (CruiseTerminal) เนื่องจากมีร่องน้ำลึกที่เหมาะสมอยู่แล้วและมีแนวกันลมกันคลื่นขนาดใหญ่สามารถรับเรือเข้าเทียบได้ตลอดปี

ทั้งนี้ด้วยเกาะสมุยมีความจำเป็นจะต้องมีจุดรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นประชาชนเกาะสมุยเห็นด้วยว่า บริเวณแหลมหินคมมีความเหมาะสมที่สุดมีระดับน้ำลึกกว่า 20 เมตร และสร้างสะพานยาว 800 เมตร รองรับได้ ซึ่งที่ผ่านมาเกาะสมุยไม่มีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ ทำให้เรือสำราญต้องลอยกลางทะเล โดยใช้เรือขนาดเล็กนำนักนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะเสียเวลา 3-4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับสูงจากยุโรปอเมริกา รวมถึงนักท่องเที่ยวเอเชียที่ต้องการขึ้นเกาะ หากมีท่าเทียบเรือจะเป็นการอำนวยความสะดวกได้มาก



อย่างไรก็ตามสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้สำรวจข้อมูลไว้เมื่อปี 2558 ประเทศไทยมีตลาดเรือสำราญจากทั่วโลกเข้าประเทศ โดยจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 5 แสนคน ซึ่งจะทำรายได้ 3,500 ล้านบาทต่อปี และปี 2557กรมการท่องเที่ยวระบุว่า ภาคใต้สามารถดึงดูดเงินจากตลาดการท่องเที่ยวได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นที่นิยมสูงและยังมีการใช้จ่ายในพื้นที่สูงกว่า 5.05 แสนล้านบาทต่อปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2555-2557 อยู่ที่ 30% แต่หากเจาะจงเฉพาะที่ อ.เกาะสมุย ในปี 2562 สร้างรายได้ 57,811.84 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน ทริปละ 12,132 บาท รองจากกรุงเทพฯอยู่ที่ 12,454 บาท ซึ่งการมีท่าเรือจะช่วยช่วยตอกย้ำจุดหมายทางทะเลชั้นนำของภาคใต้ และอาจสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย


https://www.dailynews.co.th/news/388181/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:52


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger