เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 02-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงยังคงแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่มีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณตะวันออกของแหลมมลายู ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 2 ? 6 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนบางแห่ง กับมีอากาศเย็นในตอนเช้า ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในวันที่ 7 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนจะเริ่มแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงและมีอากาศเย็น ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะเริ่มกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตลอดช่วง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 2 ? 7 พ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ตลอดช่วง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 03-11-2021 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 02-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


7 ปีบาดแผล IUU ประมงไทยยังโคม่า



ตั้งแต่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศให้ใบเหลืองไทยหลังมีปัญหาประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (ไอยูยู) ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.2558 ในสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 มีคำสั่งให้ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2558

และใช้เวลากว่า 4 ปี "อียู" จึงประกาศปลดใบเหลืองประมงไทยช่วงต้นปี 2562

กว่า 7 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบอาชีพเรือประมงในพื้นที่ 22 จังหวัดติดชายทะเล และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งห้องเย็น แพปลา โรงน้ำแข็ง อู่เรือ ต้องเผชิญผลกระทบกับการออกกฎระเบียบ การออกพระราชกำหนดเข้ามาควบคุมการทำประมงอย่างเข้มงวด ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของ "อียู" เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากใบเหลือง

ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ประกอบอาชีพเรือประมง ออกมาเรียกร้องรัฐบาลช่วยเหลือเป็นระยะ ทั้งการเรียกร้องให้รัฐซื้อเรือประมงที่ต้องจอดทิ้งไว้คืน เพราะไม่สามารถนำออกทะเลทำประมงได้ การแก้ไขยกเลิกกฎระเบียบต่างๆ

สถานการณ์ของผูู้ประกอบอาชีพประมงในปัจจุบัน นายบุญชู แพใหญ่ นายกสมาคมประมงจังหวัดพังงาและรองประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทุกวันนี้ชาวประมงเหมือนรอวันตายไปวันๆ และทยอยเลิกอาชีพทำประมงเลิกไปเรื่อยๆ เนื่องจากไม่มีทุน ตอนนี้เรือของตนเอง จอดอยู่ 3 ลำ เป็นเรืออวนดำ ไม่มีแรงงานประมง เนื่องจากมีการกล่าวหาว่ามีการค้ามนุษย์ในเรือประมง อยากให้มาดูที่ท่าเรือของตนเองหรือว่าท่าเรือไหนก็ได้ในจังหวัดพังงาว่ามีการค้ามนุษย์จริงไหม อย่างลืมว่าเรือประมงไม่สามารถเอาแรงงานอื่นเข้ามาทดแทนได้ กฎหมายบางมาตรา มีโทษปรับสูง ปกติท่าเรือประมงในจังหวัดพังงาทุกท่าเรือจะมีหน่วยงานของรัฐมาคอยตรวจสอบเป็นประจำไม่ว่าจะเป็น PIPO เจ้าท่า กรมประมง และศรชล มาร่วมกันตรวจ การแจ้งเข้า-ออกของเรือประมง พอมีแรงงานเมียนมาเข้ามาเยอะก็กล่าวหาว่ามีการนำเข้ามาทำงานในเรือประมง อยากวิงวอนให้รัฐบาลโปรดมาดูแลชาวประมงบ้างไม่ใช่จะมากล่าวหาว่าชาวประมงเป็นโจรกันหมด ต่อไปอาชีพประมง ทางรัฐบาลไม่ต้องมาเข้มงวดหรอกเพราะจะหมดไปโดยปริยาย

"การออก พ.ร.ก.ประมงปี 2558 และแก้ไขปี 2560 เป็นการออกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับพี่น้องชาวประมง 22 จังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามขอบังคับของไอยูยู เช่น เรือประมงไทยที่เข้าไปในประเทศอินโดนีเซีย แม้มีใบอนุญาตทำประมงจะไปจับปลาต่างประเทศก็ไปไม่ได้แล้วโดนล็อกหมดมาตั้งแต่ปี 2558 ตอนนี้ต้องจอดทิ้งไว้ บางลำก็พังเสียหาย" นายบุญชูกล่าว

เช่นเดียวกับ นายนนทิวรรธน์ นนทภักดิ์ผู้ประกอบการ อู่ต่อเรือ ส.ภักดี จ.นครศรีธรรมราช ที่สะท้อนว่าปัญหาประมงในพื้นที่ว่าที่ผ่านมา ชาวประมงประสบปัญหาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ไอยูยู ซึ่งผู้ประกอบการก็หยุดที่จะออกทำการประมง เฉพาะอำเภอปากพนังก่อนหน้านี้มีเรือนับพันลำ วันนี้เหลือเพียงกว่า 100 ลำ ยอดปริมาณเรือตก70-80% เราต้องสูญเสียเงินรายได้เข้าจังหวัดมากมาย จนนำมาสู่การเรียกร้องในหลายๆ เรื่อง

"วันนี้เราไม่พูดถึงเรื่องอดีต เรามาพูดกันถึงปัจจุบัน นับจากวิกฤตโควิดมาอีก ลูกเรือหาย รายได้ไม่มี ครอบครัวประมงอยู่ในสภาพลำบาก ถามว่าทำอย่างไร ทุกคนต้องปรับเปลี่ยน เรือใหญ่ออกไม่ได้ เรือเล็กออกหาปลาชายฝั่ง เพื่อเลี้ยงครอบครัว และยังเจอปัญหาเรื่องเครื่องมือ เมื่อทุกคนปรับเปลี่ยนก็ดีขึ้น พอประคองครอบครัวได้ แต่ตัวผู้ประกอบการเรือใหญ่ที่เหลือ ต้องหาวิธีการช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการออกเรือ"

นายนนทิวรรธน์กล่าวด้วยว่า อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาของปากพนังในเวลานี้ เรือประมงที่เหลือออกหาปลาแต่กลับเข้าฝั่งไม่ได้เพราะร่องน้ำตื้นเขิน จำเป็นต้องไปขึ้นเรือที่ฝั่งขนอม สิชล ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น วันนี้เรือเข้าไม่ได้ ออกไม่ได้ ต้องจอดนิ่ง ผลผลิตสัตว์น้ำมีราคาถูกอีก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหา ล่าสุดเรื่องน้ำมันมีราคาสูงขึ้นบอกไม่ถูก วันนี้จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล ช่วยจัดสรรงบประมาณมาดูแลชาวประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยให้อยู่กันให้ได้ฝ่าวิกฤตให้ได้ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดกลับคืนมา



"สมุทรสาคร" เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบมาก เรือประมงที่เคยมีอยู่จำนวนสามารถนำออกไปทำประมงได้จำนวนน้อย นายกมล ไกรวัตนุสสรณ์ ประธานชมรมเรืออวนลากสมุทรสาคร ระบุว่า วิกฤตของพี่น้องชาวประมงในช่วงที่ผ่านมาว่า วิกฤตของชาวประมงนั้นที่หนักหนาสาหัสสุดในเรื่องของกฎหมายการทำประมง ส่งผลให้พี่น้องชาวประมงไทยไม่สามารถที่จะหากินได้ตามวิถีชีวิตปกติที่เคยทำมาหากินกันมาแต่ดั้งเดิม ในอดีตรัฐบาลเคยบอกว่ามีเรือประมงอยู่ 50,000 ลำ แต่ปัจจุบันออกหากินได้ไม่ถึง 9,000 ลำทั่วประเทศ เพราะโดนเรื่องของกฎหมายที่มีข้อบังคับอยู่มากมาย อีกทั้งยังออกมาอย่างต่อเนื่องปรับแก้กันอยู่เรื่อยไป อย่างเช่น เรื่องของแรงงานในเรือประมง ที่ยังคงมีการปรับแก้ไขจนทำให้ชาวประมงที่มีการจ้างแรงงานข้ามชาตินั้น ปฏิบัติตามแทบไม่ทันจนเกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการจ้างแรงงาน เพราะกฎหมายที่ไม่นิ่งนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของน้ำมันแพง ที่ปัจจุบันส่งผลกระทบต่ออาชีพประมงเป็นอย่างมาก เพราะน้ำมันขึ้นราคาแต่ชาวประมงกลับยังคงจับสัตว์น้ำได้เท่าเดิม ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่เป็นอยู่ก็ต้องพยายามประคองชีวิตภายใต้ภาระที่แบกรับกันอย่างหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว

เรื่องเร่งด่วนที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ไขคือ ปัญหาน้ำมันแพง และการแก้ไขปัญหาซื้อเรือประมงที่ยังคงยืดเยื้อเรื้อรังมานาน โดยต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนมาจัดซื้อเรือประมงคืน เพื่อพี่น้องชาวประมงจะได้นำเงินไปใช้หนี้ที่คั่งค้างอยู่ให้หมดไป และนำไปเป็นทุนตั้งต้นในการสร้างอาชีพใหม่ แต่ทางรัฐบาลก็ยังคงผัดผ่อนไปเรื่อยๆ ไม่มีความชัดเจนสักที แม้จะผ่านมานาน 3-4 ปีแล้วก็ตามที ทุกวันนี้ยังคงมีเรือที่รอขึ้นทะเบียนอีกกว่า 2,000 ลำ ให้รัฐบาลเข้ามารับซื้อเรือคืนไป

นายกมลกล่าวทิ้งท้ายว่า การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมายังแก้ไขไม่ตรงจุด การแก้กฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่องบนฝั่งมากเกินไป ทั้งที่การทำอุตสาหกรรมต่อเนื่องประมงบนฝั่งนั้น ส่วนใหญ่จะใช้การนำเข้าสินค้าประมงจากต่างประเทศเพื่อนำมาแปรรูปแล้วส่งออก ปัญหาของพี่น้องชาวประมงในทะเลที่พยายามแก้ไขกันมานานเกือบ 7 ปีแล้วยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน ยิ่งแก้ก็ยิ่งทำให้พี่น้องชาวประมงตายลงไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้้เป็นเสียงสะท้อนที่รอรัฐบาลเข้ามาแก้ไขอย่างจริง


https://www.matichon.co.th/economy/news_3021815

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 02-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


อ.ธรณ์ แจงรายงานพบฉลามวาฬที่เกาะเต่า 280 ตัว ยืนยันมีไม่มากขนาดนั้น

อ.ธรณ์ แจงรายงานพบฉลามวาฬที่เกาะเต่า 280 ตัว ในปี 63 ย้ำไม่เคยมีปีไหนที่พบเกิน 100 ตัว ผิด น่าจะเป็นการพบเห็น 280 ครั้ง มากกว่า



จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า รายงานการสำรวจเมื่อปี 63 มีการพบฉลามวาฬบริเวณเกาะเต่าถึง 280 ตัว ล่าสุด วันนี้ (1 พ.ย.) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ระบุว่า

คงต้องอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ฉลามวาฬที่เกาะเต่าไม่ได้มี 280 ตัว ข้อมูลจากรายงานของกรมทะเล ฉบับเป็นทางการ ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของประเทศ และผ่านกรรมการทะเลชาติ ระบุว่าในปี 63 ทั้งประเทศพบ 86 ตัว แน่นอนว่าแต่ละปีอาจพบมากพบน้อย

แต่ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ไม่มีปีไหนที่พบเกิน 100 ตัว เน้นย้ำคำว่าทั้งประเทศ รวมฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน พื้นที่พบบ่อย 5 อันดับแรกในช่วง 5 ปี คือริเชลิว หินม่วงหินแดง หินแปดไมล์ เกาะเต่า และชุมพร (ไม่เรียงลำดับ เปลี่ยนไปมาในแต่ละปี) บางปีก็มีที่อื่นแทรกเข้ามาบ้าง เช่น โลซิน พังงา (ปีที่แล้วเจอเยอะ) เพราะฉะนั้น เกาะเต่าคงไม่มีฉลามวาฬ 280 ตัวอย่างแน่นอน คาดว่าอาจเข้าใจผิด น่าจะเป็นการพบเห็น 280 ครั้ง อย่างไม่เป็นทางการ ในปี 63 "ครั้ง" กับ "ตัว" แตกต่างกัน

ฉลามวาฬตัวเดียว ว่ายวนไปมา นักดำน้ำมาเรือแต่ละลำ อาจเจอฉลามวาฬตัวเดียวกันตรงนั้นตรงนี้ ตัวเดียวจึงเจอได้หลายครั้งเท่าที่ทราบ ในโลกไม่เคยมีรายงานว่ามีฉลามวาฬอยู่รวมกัน 280 ตัวในพื้นที่เล็ก ๆ ฉลามวาฬไม่หากินเป็นฝูง เราอาจเจอ 4-5 ตัวพร้อมกัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไป มีบางแห่งในพื้นที่ห่างไกลในโลก (ไม่ใช่ไทย) รายงานพบฉลามวาฬมารวมกันเพื่อผสมพันธุ์ แต่เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม เกาะเต่ายังเป็นสถานที่พบเจอฉลามวาฬได้บ่อยครั้ง เป็นลำดับต้นๆ ของทะเลไทย จึงบอกเพื่อนธรณ์ไว้ป้องกันเข้าใจผิด เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีน้องๆ สื่อมวลชนโทรมาถาม อาจารย์คิดยังไงกับช่วงทะเลสงบ ฉลามวาฬที่เกาะเต่าเพิ่มจำนวน จนมีถึง 280 ตัว ทะเลสงบเป็นเรื่องดี แต่ธรรมชาติไม่ฟื้นฟูเร็วขนาดนั้น และทุกทะเลในโลกย่อมมีขีดจำกัดของจำนวนสัตว์ตามธรรมชาติครับ


https://www.nationtv.tv/news/378849876

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 02-11-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


สูงสุดในประวัติศาสตร์ ระดับน้ำทะเลโลกเพิ่ม 4.4 มม.ต่อปี อุตุโลกเผย .................... โดย ณิชา เวชพานิช

วันแรกเวทีเจรจาโลกร้อน COP26 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเปิดตัวข้อมูลใหม่ ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยโลกเพิ่มสูงสุดในประวัติศาสตร์ ด้วยอัตราเร็วสองเท่าจากยี่สิบปีก่อน

ผลประชุมกลุ่มประเทศยักษ์อุตสาหกรรมโลก G-20 ประกาศเป้าลดโลกร้อนระดับอ่อน ด้านประธานผู้จัด COP26 เผย "ยังมีหวัง"


ยืนยันความวิกฤต-เร่งด่วนภาวะโลกร้อน

31 ตุลาคม 2021 วันแรกของการประชุมโลกร้อนครั้งสำคัญ? องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เปิดตัวรายงานเก็บข้อมูลสภาพภูมิอากาศโลกช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมาของปีนี้ เปิดเผยว่า ระดับน้ำทะเลปีนี้เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในบันทึก โดยเพิ่มขึ้น 4.4 มิลลิเมตร/ปี เนื่องจากการละลายของแผ่นน้ำแข็งและเกลเชอร์ที่เร็วขึ้น

WMO ได้เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ช่วงปีค.ศ.1990 และพบว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยโลกทยอยเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ โดยเพิ่มในอัตรา 2.1 มิลลิเมตร/ปี ระหว่างปี 1993-2002 และไต่ขึ้น 4.4 มิลลิเมตร/ปี ในช่วงยี่สิบปีนี้


ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยโลกกำลังทยอยสูงขึ้น (ภาพ: WMO)

แม้ว่าปีนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยโลกจะร้อนน้อยกว่าปีก่อนหน้าเพราะมีสภาวะลานิญา ทำให้เกิดฝนมาก โดยเฉพาะแถบเอเชียแปซิฟิก ช่วงเจ็ดปีมานี้ อุณหภูมิโลกยังร้อนสูงสุดกว่าช่วงสิบปีก่อนอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ อุณหภูมิสูงขึ้น 1.09 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

"อุณหภูมิผันผวนเป็นวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งมีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์" ศาสตราจารย์ Petteri Taalas เลขาธิการ WMO กล่าว

รายงานนี้เปิดตัวในช่วงเย็นของการประชุมโลกร้อน COP26 วันแรก ณ เมืองกลาสโกลว์ สหราชอาณาจักร ซึ่งทั่วโลกจะตกลงหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันเพื่อรักษาอุณหภูมิโลกให้ไม่พุ่งเกิน 1.5 องศาเซลเซียสในแปดสิบปีนี้ ซึ่งการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่าความพยายามปัจจุบันนั้นไม่พอและจะพาโลกแตะอุณหภูมิสูงถึง 2.7 องศา

กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองในที่ราบชายฝั่งซึ่งเสี่ยงจมน้ำมากที่สุดในโลก ซึ่งวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กล่าวถึงประเด็นนี้ในงานแถลงข่าวก่อนหน้าเดินทางไปร่วม COP26 ว่า ปัญหาระดับน้ำทะเลเพิ่มจะ "เป็นปัญหาในอีก 30-40 ปี"


ผู้นำประเทศ G20 ประชุมที่อิตาลีก่อนเดินทางไปประชุม COP26 ที่สหราชอาณาจักร (ภาพ: G20 Italy)


G-20 ประกาศเป้าหมายลดโลกร้อน "ระดับอ่อน"

ในวันแรก ยังมีการประชุมของ G-20 กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 80% ในโลก เช่น จีนและสหรัฐฯ สำนักข่าว AP รายงานว่า G-20 ประกาศเป้าหมายใน "ระดับอ่อน" เรื่องลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการเลิกใช้ถ่านหิน

สำนักข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้สรุปไว้เพียงคร่าวๆ ว่าจะพยายามถึงจุดเป็นกลางทางคาร์บอน (ปริมาณการปล่อยและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หักลบกันพอดี) ?ช่วงกลางศตวรรษนี้? ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่ระบุชัดเจนและอาจปฏิบัติไม่ได้จริง

สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ตั้งเป้าจะเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ด้านจีน รัสเซีย และซาอุดิระเบียกล่าวว่าทำให้ได้ในปี 2060 ขณะที่ไทยตั้งเป้าไว้ที่ปี 2065 ซึ่งประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเข้าร่วมประชุมผู้นำระดับสูงและจะนำเสนอในที่ประชุมผู้นำระดับสูงวันนี้ (1 พ.ย.) ช่วง 19.45 น.เป็นต้นไป (เวลาไทย)

G-20 ยังประกาศจะเลิกสนับสนุนการลงทุนใช้เชื้อเพลิงถ่านหินใน "ต่างประเทศ" ให้ได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ตั้งคำถามว่าเป้าหมายดังกล่าวเลี่ยงที่จะลดการใช้ถ่านหิน "ภายในประเทศ" ซึ่งคิดเป็นปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสมาชิก G-20


เกรต้าเดินทางถึงกลาสโกลว์ (ภาพ: Greta Thunberg)


"ยังมีหวัง" เสียงจากเจ้าภาพ COP26

อย่างไรก็ตาม การประชุมโลกร้อนนานาชาติครั้งนี้อาจยังมีหวังและนำสู่การเปลี่ยนแปลงที่ปฏิบัติได้จริง จุดประสงค์ของประชุมสองอาทิตย์นี้คือ แต่ละประเทศประกาศยกระดับการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตกลงกันสำเร็จเรื่องจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนารับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

Alok Sharma ประธานจัดงานเผยในงานแถลงข่าวว่า "เห็นแนวโน้มที่ดี" จากการประชุม G-20 และฝากความหวังไว้กับการประชุมผู้นำระดับสูงวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้

ในวันเปิดตัวการประชุม นิวซีแลนด์ได้ชิงประกาศจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 50% ในปี 2030

ทางฝั่งไทยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% จากการผลิตเดิม (25% หากได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ) ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมกับที่ตั้งไว้เมื่อหกปีก่อน

ด้านการเคลื่อนไหวนอกห้องประชุม ประชาชนจากหลายประเทศได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และจัดกิจกรรมบนท้องถนนเพื่อสภาพภูมิอากาศ รวมถึง เกรต้า ธันเบิร์ก นักกิจกรรมสวีเดนวัยสิบแปดที่จุดประกายกระแสเยาวชนเมื่อสามปีก่อน ได้เดินทางมาร่วม COP26 เช่นกัน


https://greennews.agency/?p=26195

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger