#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในวันนี้ (22 พ.ย. 64) ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไปโดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในวันที่ 23 พ.ย. 64 โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 21- 22 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กับมีหมอกบางในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 27 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 23-27 พ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย และขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย และประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
เฮ! ชาวประมง กะรน จ.ภูเก็ต จับปลามงได้จำนวนมาก สร้างรายได้งาม ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ธรรมชาติสรรค์สร้าง ชาวประมงพื้นบ้านกะรนภูเก็ตเฮ! จับปลามง ได้ยกฝูง ติดต่อกันหลายวัน สร้างรายได้อย่างงาม ขณะนี้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Tang Kata Thubkaew รวมทั้ง Jaroon Phuket ได้โพสต์ภาพนิ่ง และ คลิปวีดิโอ ซึ่งเป็นภาพที่ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต กำลังจับปลาทะเล โดยมีปลาถูกจับขึ้นมา กองๆ เรียงรายจำนวนมากบนบริเวณชายหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งปลาที่ชาวประมงจับขึ้นมาได้เป็นปลามงขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยตัวละประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ซึ่งปลามงดังกล่าวชาวประมงได้ขายให้กับชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าที่มารอซื้อโดยตรงทำให้ขายได้ราคาดี โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง อย่างไรก็ตามสำหรับการจับปลาได้จำนวนมาก ๆ ว่าเป็นการสร้างสรรค์โดยธรรมชาติ หลังจากทะเลถูกรบกวนน้อยลงทำให้ความสมบูรณ์ของทะเลกลับมา ส่งผลดีต่อชาวประมงสามารถจับปลาได้มากขึ้น https://mgronline.com/south/detail/9640000115338 ********************************************************************************************************************************************************* พบลูกพะยูนยาว 1.2 เมตรลอยตายที่บริเวณเกาะมุก จ.ตรัง ตรัง - พบลูกพะยูน ขนาดยาว 1.2 เมตร ลอยตายอยู่ที่บริเวณเกาะมุก อ.กันตัง ตรวจสอบไม่พบร่องรอยบาดแผลบริเวณลำตัวอย่างใด เบื้องต้นคาดสาเหตุการตายเกิดจากสภาพธรรมชาติ วันนี้ (21 พ.ย.) นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จม.3 (เกาะกระดาน) ว่า พบพะยูน สัตว์อนุรักษ์ชื่อดังของจังหวัดตรัง ลอยตายอยู่ที่บริเวณเกาะมุก ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบ แต่เบื้องต้นไม่ทราบเพศของพะยูนตัวนี้ มีขนาดยาว 1.2 เมตร และไม่พบร่องรอยบาดแผลบริเวณลำตัวอย่างใด อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมจึงได้นำซากพะยูนดังกล่าวส่งไปยังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง เพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง และเจ้าหน้าที่ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน สภ.กันตัง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดจากมรสุมที่ยังคงพัดรุนแรงในช่วงนี้ และพะยูนตัวนี้ก็ยังเป็นลูกพะยูนที่มีขนาดที่เล็ก ทำให้เสี่ยงต่อการตายตามสภาพธรรมชาติสูง https://mgronline.com/south/detail/9640000115457 ********************************************************************************************************************************************************* วอนรัฐแก้ปัญหาเครื่องมือประมงขวางร่องน้ำท่าเรือส่งออกยางพาราใน จ.สงขลา ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - วิกฤตโควิด-19 ราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง "4 ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ยางพาราภาคใต้ตอนล่าง" ประสานกระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ออกสินค้าทางเรือ ใช้ท่าเรือเซาท์เธิร์สโลจิสติกส์ จ.สงขลา เป็นทางเลือกรองรับเรือเทียบท่าขนถ่ายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศแทนท่าเรือสงขลาและท่าเรือปีนัง แต่ติดปัญหาเครื่องมือประมงกีดขวางร่องน้ำ วอนรัฐช่วยเหลือ วันนี้ (21 พ.ย.) นายวรนนท์ อังชยกุล ตัวแทนผู้ประกอบการส่งออก เปิดเผยว่า จากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้การส่งออกและนำเข้าประสบปัญหาจากการที่ท่าเรือต้องปิด ขาดแคลนแรงงาน ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้สินค้าค้างในเรือบรรทุกสินค้า ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าเช่าตู้คอเทนเนอร์เพิ่มสูงขึ้น จากเดิมตู้ละ 200,000 บาท เพิ่มเป็น 700,000 บาท "ที่สำคัญต้องเสียเวลาจะลำเลียงเข้าประเทศไทย ทำให้การส่งออกสินค้าต้องล่าช้าไปด้วย ผู้ประกอบการจึงได้หารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ รัฐมนตว่าการกระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ส่งสินค้าออกทางทะเลแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการ เพื่อหาทางช่วยเหลือ ได้ข้อสรุปว่าในการแก้ปัญหา ให้ใช้กล่องเหล็กบรรจุสินค้ายางพาราแทนตู้คอเทนเนอร์ เมื่อถ่ายสินค้าแล้วพับส่งกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งราคาถูกกว่าตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 40-50 %" นายวรนนท์ กล่าว นายวรนนท์ กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีท่าเรือน้ำลึกสงขลา แต่ไม่สะดวก ผู้ประกอบการส่งออกยางพารารายใหญ่ 4 รายภาคใต้ ประกอบด้วยบริษัทศรีตรัง เต็กบีห้าง เซาท์แลนด์ และบริดจสโตน จึงมีมติใช้ท่าเรือเชาท์เธิร์นโลจสติกส์ (2009) จำกัด จ.สงขลา ซึ่งมีศักยภาพที่รองรับเรือขนถ่ายสินค้าประเภทยางพาราส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ดีแห่งหนึ่ง และรองรับการส่งออกยางพาราได้เดือนละ 2 ครั้ง ร่องน้ำลึกเรือเข้า-ออกสะดวก ซึ่งผลดีที่จะเกิดขึ้นในท้องถิ่นทั้งทางตรงและทางอ้อม กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากขึ้น เกิดการจ้างงานเพิ่ม ยางพาราไหลออกจากตลาดเร็วขึ้น จะช่วยดึงราคายางดิบของเกษตรกรเพิ่มเหมาะสมในยุคราคาน้ำมันแพง แทนท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย ลดต้นทุนการขนส่งแล้วลดเวลาการขนส่งแล้ว มีความสะดวกหลายเท่า ด้านนายอภิชา ธรรมชาติ ผู้จัดการทั่วไปท่าเรือเซาท์เธิร์น โลจิสติกส์ (2009) จำกัด เปิดเผยว่า ท่าเรือเซาท์เธิร์นฯ มีศักยภาพในการรองรับการขนถ่ายสินค้าลงเรือเพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่มีปัญหาคือมีเครื่องมือประมงโพงพางในร่องน้ำกีดขวาง ทำให้เรือเดินมหาสมุทรและเรือเฟอรี่ที่เชื่อมเศรษฐกิจ 2 ภาคเข้าออกลำบาก ดังนั้นเพื่อให้ทั้ง 2 อาชีพอยู่ร่วมกันได้ จึงขอให้ภาครัฐเป็นตัวกลางลงมาหาข้อยุติปัญหาแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น จะทำให้ปัญหาจบด้วยดี ผลดีจะเกิดกับเศรษฐกิจของ จ.สงขลาและภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา https://mgronline.com/south/detail/9640000115379
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|