เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้มีอากาศเย็นโดยทั่วไป กับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส และยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนบางแห่งทางตอนล่างของภาค


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน กับมีอากาศเย็น และมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 11 ? 13 ธ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางยังคงปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า

ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 ธ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 1?3 องศาเซลเซียส โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียวจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ตลอดช่วง และควรระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือบริเวณภาคใต้ตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 11-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


'หลอนเลย นึกว่าผี' นักชีววิทยาเจอ แมงกะพรุนยักษ์ ใต้ทะเลลึกในสหรัฐฯ

ตะลึง นักชีววิทยาทางทะเล ตกใจเจอแมงกะพรุนยักษ์ ใต้ทะเลลึก ผ่านทางกล้องใต้น้ำระหว่างการส่งยานสำรวจใต้ทะเลลึกในอ่าวแคลิฟอร์เนีย



เมื่อ 10 ธ.ค. 64 เว็บไซต์เมโทร รายงาน ทีมนักชีววิทยาทางทะเลของสถาบันวิจัยทางทะเล (Monterey Bay Aquarium Research Institute) MBARI ในสหรัฐอเมริกา ต้องตกตะลึง เมื่อได้เจอกับแมงกะพรุนยักษ์ Giant Phantom จนนึกว่าเป็นผี ผ่านทางกล้องถ่ายรูปใต้น้ำ ระหว่างการใช้ยานสำรวจใต้ทะเลลึก ROV Tiburon ลงสำรวจใต้ทะเลลึก ที่บริเวณอ่าวแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ

ทีมนักชีววิทยาทางทะเลของสถาบัน MBARI คาดว่า แมงกะพรุนยักษ์ตัวนี้ มีส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อทรงกระดิ่ง (bell) มีขนาดความกว้างกว่า 1 เมตร และมีส่วนที่เป็นรยางค์ คล้ายแขนที่มีลักษณะคล้ายกับริบบิ้น อีก 4 เส้น ซึ่งรยางค์แต่ละเส้นมีความยาวนับ 10 เมตร ที่คาดว่าใช้ในการจับเกี่ยวอาหารก่อนจะลากเข้าปาก

แมงกะพรุนยักษ์ตัวใหญ่เหลือเชื่อ Giant Phantom ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมงกะพรุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกตัวนี้ มีขนาดริบบิ้นที่ยาวสยายอยู่ใต้ทะเล มีความยาวเท่ากับฉลามวาฬที่มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 33 ฟุต หรือ 10 เมตร ขณะที่ ทีมนักชีววิทยาของสถาบัน MBARI ที่รายงานการพบแมงกะพรุนยักษ์ตัวนี้พร้อมกับลงรูปและคลิป ยังถึงกับเขียนแคปชั่นบรรยายว่า เจอแมงกะพรุนยักษ์ผี ที่หาดูได้ยาก!!

ตามปกติแล้ว จะพบ แมงกะพรุนยักษ์ ซึ่งถือเป็นสิ่งมีชีวิตใต้มหาสมุทรที่เข้าใจยากมากที่สุด ในบริเวณใต้ทะเลลึกราว 1,000-4,000 เมตร จนทำให้นักชีววิทยาทางทะเลเรียกแมงกะพรุนว่า พวกมันอาศัยอยู่ในแดนสนธยา อีกทั้งนักชีววิทยาทางทะเลได้เคยเห็นแมงกะพรุนยักษ์ เพียงแค่ประมาณ 100 ครั้ง นับตั้งแต่เห็นมันครั้งแรกในปี 1989

ชมคลิป : ที่นี่
https://metro.co.uk/video/giant-phan.../?ito=vjs-link


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2261905

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 11-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เปิดแผนอนุรักษ์สัตว์ทะเลฯ รับลูก MMPA สหรัฐฯ ประมงยั่งยืนอย่าแค่จัดฉาก



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ว่าด้วยเรื่องการอนุรักษ์สัตว์ทะเลกับการทำประมงยั่งยืนเป็นประเด็นที่ทั่วโลกตระหนักให้ความสำคัญ

ย้อนกลับไปช่วงปี 2558 ประเทศไทยโดนใบเหลืองจากสหภาพยุโรป (EU) ติดโผประเทศทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม (IUU) หากไม่ทำการแก้ไขปรับปรุงจะส่งออกประมงไปยังสหภาพยุโรปไม่ได้

และหลังจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เวลากว่า 4 ปี ทั้งการกำหนดกฎระเบียบประมงต่างๆ ออก พ.ร.ก.การประมง ปี 2558 และแก้ไขเพิ่มเติม ปี 2560 เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ EU กระทั่งในที่สุดประเทศไทยหลุดจากการโดนแบน ได้รับประกาศปลดใบเหลืองเมื่อช่วงต้นปี 2562

อย่างไรก็ตาม นับเป็บบทเรียนครั้งสำคัญของประมงไทยซึ่งในประเด็นนี้ ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีตวุฒิสภา และในฐานะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมประมงมาตลอดชีวิต ได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "EU-IUU หลุมพรางการพัฒนาการทำประมงอย่างยั่งยืน : กรณีประเทศไทย (EU-IUU, pitfall for sustainable fisheries development: Thailand case)" ระบุในตอนหนึ่งความว่า

การดำเนินการแก้ไขประเด็นปัญหาที่เป็นสาเหตุให้ประเทศไทยได้รับใบเหลืองอย่างเร่งรีบและเข้มงวด ได้ส่งผลกระทบต่อชาวประมงและอุตสาหกรรมประมงของไทยในทุกระดับทั่วประเทศ อุตสาหกรรมประมงขนาดเล็กต้องล่มสลาย เรือประมงที่เป็นทั้งทรัพย์สินและเครื่องมือประกอบอาชีพของผู้ประกอบการต้องกลายเป็นเศษเหล็กและเศษไม้ที่ไร้ค่า ชุมชนประมง ภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของชาวประมงตกอยู่ในสภาวะล่มสลาย โดยรัฐไม่มีมาตรการดูแล ช่วยเหลือ หรือเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเสียหายปีละไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท แม้รัฐบาลปลดใบเหลืองสำเร็จ แต่ความสำเร็จดังกล่าวเป็นเพียง "หลุมพราง" หรือ "กับดักการพัฒนาการทำประมงอย่างยั่งยืน" ในประเทศไทย

เช่นเดียวกันกับ การประกาศกฎระเบียบในการบังคับใช้ข้อกำหนดว่าด้วยการนำเข้าสินค้าประมงภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำเพื่อคุ้มครองสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม (Marine Mammal Protection Act : MMPA) ขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA)

MMPA มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประเมินกฎระเบียบข้อบังคับการทำประมง การทำประมงเชิงพาณิชย์ของประเทศที่ส่งสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไปยังสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดการตายหรือบาดเจ็บรุนแรงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น โลมา วาฬ พะยูน ฯลฯ จึงส่งผลให้ประเทศคู่ค้ากับสหรัฐฯ และประเทศที่ทำการประมงพาณิชย์ (Havesting Nations) ทั่วโลก ซึ่งอาจเข้าข่ายเสี่ยงต่อการถูกห้ามนำเข้าสินค้าประมง

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศเริ่มใช้กฎหมาย MMPA ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 และกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน 5 ปี เพื่อให้ประเทศคู่ค้าได้มีการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎระเบียบ MMPA และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลและการประมงอย่างยั่งยืน แต่แม้จะพยายามปกป้องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลในน่านน้ำของตนเอง เครื่องมือประมงยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อประชากรวาฬและโลมา และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลอื่นๆ อ้างอิงข้อมูลศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพรายงานว่า สัตว์เหล่านี้จำนวนกว่า 650,000 ตัว ถูกจับและฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจในเครื่องมือประมงทั่วโลก

ดังนั้น MMPA ของสหรัฐฯ จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการจับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่เกี่ยวข้องกับการประมงเชิงพาณิชย์ระหว่างประเทศ โดยกำหนดให้ประเทศที่ส่งออกปลาและผลิตภัณฑ์จากปลาไปยังสหรัฐฯ ต้องถือปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันกับการทำการประมงเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รวมทั้ง มีการพัฒนาโปรแกรมการกำกับดูแลตามความเหมาะสมซึ่งเทียบเคียงได้มาตรฐานโปรแกรมของสหรัฐฯ

MMPA เป็นการส่งสัญญาณจากสหรัฐฯ ถึงประเทศคู่ค้าสินค้าและผลิตภัณ์ประมง ให้ตระหนักผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในทะเล หากการทำประมงส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนน้อย หรือไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง หรือมีมาตรการดูแลที่มากพอ สหรัฐฯ ก็จะไม่แบนสินค้า

สำหรับ สหรัฐฯ คือประเทศคู่ค้าสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ อันดับ 1 ของประเทศไทย อ้างอิงข้อมูลการส่งออกในปี 2563 ประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไปยังสหรัฐ มีมูลค่าสูงถึง 3.99 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงออกแนวทางการดำเนินการตามข้อบังคับใช้ของกฎระเบียบตามกฎหมาย MMPA) ของสหรัฐฯ เคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2566 ? 2570 และโครงการเร่งด่วนเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2564-2565

ในประเด็นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าสัตว์น้ำของประเทศไทย รวมถึงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชาวประมงและผู้ประกอบการ อีกทั้งการดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ จะต้องทำควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบต่อประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาครอบคลุมประเด็นที่รอบด้านเป็นระบบ ตลอดจนจะได้สร้างความเชื่อมั่นต่ออาหารทะเลไทยเพื่อผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ไปพร้อมกับการทำประมงที่ยั่งยืน

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติเปิดเผยความคืบหน้าของรัฐบาลไทยต่อกรณีสหรัฐฯ ประกาศข้อกำหนดว่าด้วยการนำเข้าสินค้าประมงภายใต้กฎหมาย MMPA โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2564 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2567 ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2566 ? 2570 และโครงการเร่งด่วนเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2564-2565

สำหรับแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2566? 2570 ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ 19 แผนงาน 51 โครงการ ดังนี้ กลยุทธ์ที่ 1 การติดตามและประเมิน (Monitoring & Estimation) ประกอบด้วย 2 แผนงาน 8 โครงการ กลยุทธ์ที่ 2 การวิจัยและพัฒนา (Research & Development) ประกอบด้วย 5 แผนงาน 11 โครงการ กลยุทธ์ที่ 3 การอนุรักษ์และจัดการ (Conservation & Management) ประกอบด้วย 6 แผนงาน 11 โครงการ กลยุทธ์ที่ 4 การบังคับใช้ (Enforcement) ประกอบด้วย 3 แผนงาน 7 โครงการ กลยุทธ์ที่ 5 การสื่อสาร (Communication) ประกอบด้วย 3 แผนงาน 14 โครงการ

โดยมีโครงการเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2564 ? 2565 จำนวน 8 โครงการ ได้แก่

1. โครงการการใช้เทคโนโลยีสำรวจติดตามและประเมินจำนวนสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มประชากรใกล้ฝั่งและไกลฝั่ง

2. โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงและวิธีการทำการประมงเพื่อป้องกันการติดโดยบังเอิญของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

3. โครงการการประเมินผลกระทบด้านสังคม เศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหา การบรรเทาผลกระทบและการเยียวยาชาวประมง ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่

4. โครงการ การแก้ไขปัญหาเครื่องมือประมงที่มีผลกระทบต่อพะยูน

5. โครงการการพัฒนาระบบการออกใบอนุญาตทำการประมง (e-License) เพื่อรองรับมาตรการเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

6. โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสัตว์น้ำเพื่อรองรับ Marine Mammal Protection Act ของประเทศสหรัฐอเมริกา

7. โครงการการควบคุมเฝ้าระวังพื้นที่ทำการประมงในบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

8. โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสัตว์ทะเลหายากผ่านระบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพทางทะเล (Smart Marine Patrol) มีวงเงินงบประมาณรวม 225.9 ล้านบาท โดยมอบให้อนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย อ. 1 พิจารณารายละเอียดโครงการและงบประมาณต่อไป

ทั้งนี้ กรมประมง ได้จัดส่งข้อมูลการปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยให้สหรัฐฯ ในกรอบเวลาที่กำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางสหรัฐฯ จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการประกาศผลการพิจารณา ก่อนบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2566

อย่างไรก็ตาม แผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมของไทยเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น โดยภายใต้การบริหารจัดการของรัฐที่มีประสิทธิภาพ จึงจะส่งเสริมการการอนุรักษ์สัตว์ทะเลควบคู่กับการทำประมงอย่างยั่งยืน สร้างประโยชน์ทั้งมิติในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านเศษฐกิจ


https://mgronline.com/daily/detail/9640000122194

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 11-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เปิดให้เที่ยวแล้ว "อ่าวมาหยา" 1 ม.ค.นี้ เปิดจองคิว 20 ธ.ค.เข้าได้วันละ 4 พันคน หลังปิดนาน 2 ปี



กระบี่ - กรมอุทยานฯ เปิดให้เที่ยว "อ่าวมาหยา" จ.กระบี่ ได้แล้วตั้งแต่ 1 ม.ค.นี้ หลังปิดมานาน 2 ปี จำกัดจำนวนเรือและคน เข้าได้วันละ 4,125 คน เปิดให้จองในแอปพลิเคชันคิวคิว ตั้งแต่ 20 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป เต็มจำนวนระบบปิดทันที เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ตามที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดแหล่งท่องเที่ยว "อ่าวมาหยา" เพื่อให้บริการในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลังจากที่กรมอุทยานฯ ได้ประกาศปิดอ่าวมาหยามานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ และในวันที่ 1 ม.ค.2565 นี้ ทางกรมอุทยานฯ ได้ประกาศเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวได้อีกครั้ง เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว

นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายปราโมทย์ แก้วนาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชน สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมมัคคุเทศก์ ผู้ประกอบการเรือทัวร์นำเที่ยว และผู้ประกอบการเรือหัวโทงนำเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ พังงา และจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้นที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่

เพื่อร่วมปรึกษาหารือกำหนดแนวทางในการถือและปฏิบัติตามมาตรการในการนำนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่อ่าวมาหยา ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวไปเข้าเที่ยวชมและลงเล่นน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้ ในวันที่ 1 มกราคม 2565 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยว และผู้ประกอบกิจการต่อเนื่อง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ให้มีความเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวอ่าวมาหยา มาเป็นเวลากว่า 2 ปี ทั้งผู้ประกอบการนำเที่ยวต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี

การประชุมได้ข้อสรุปว่า "อ่าวมาหยา" จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยนักท่องเที่ยวสามารเหยียบอ่าวมาหยาได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. และออกจากอ่าวมาหยา เวลา 18.00 น. เรือนำเที่ยวเข้าเทียบท่าได้วันละ 11 รอบๆ ละ 375 คน รวมทั้งวัน 4,125 คน นักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้ 22 รอบๆ ละ 99 คน ในเวลา 45 นาที และลงเล่นน้ำหน้าชายหาดได้คนละ 1 ชั่วโมง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้าเหยียบอ่าวมาหยาช่วงช่วงเช้าน่าจะมีโอกาสได้พบกับฝูงฉลามหูดำที่ออกมาหากินอยู่ริมชายหาด และผู้ที่ดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น จะได้พบกับกุ้งมังกร 7 สี แต่ขึ้นอยู่กับโอกาส และความโชคดีของแต่ละคน ว่า ช่วงนั้นสภาพท้องทะเลเป็นอย่างไร โดยอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จะเปิดให้จองผ่านแอปพลิเคชัน QueQ คิวคิว ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป

นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3 จังหวัดในการที่จะมาทำการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ หรืออุทยานใกล้เคียง มีข้อตกลงร่วมกันที่จะทำให้การท่องเที่ยวแห่งนี้มีความยั่งยืน การกำหนดการเข้าไปเหยียบพื้นที่เป็นรอบๆ ละ 375 คน ซึ่งทางผู้ประกอบการเห็นด้วย ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะกลับไปปรับปรุงเรื่องการจองคิว ทั้งนี้ สิ่งอื่นที่เราต้องการตามมาคือ เป็นการท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการเล็งเห็นความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเรื่องของปะการัง ทรัพยากรต่างๆ อีกทั้งให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามข้อห้ามต่างๆ เช่น เรื่องขยะ

ถ้าระบบนี้ออกมาแล้วสิ่งที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาดหวังคือ ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจแล้ว เชื่อว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกที่รับข้อมูลข่าวสารจะเห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว คือ อ่าวมาหยา มีการพัฒนาการไปอย่างไร เชื่อว่าจะเป็นมิติที่ดีและขยายผลเป็นอ่าวมาหยาโมเดลไปปฏิบัติในพื้นที่อื่นๆ ด้วย

นายดำรัส กล่าวต่อไปว่า การเข้าอ่าวมาหยา จะถูกล็อกด้วยระบบที่วางเอาไว้ต่อรอบๆ ละ 375 คน ซึ่งระบบการจองผ่านระบบการจองแอปพลิเคชัน QueQ คิวคิว จะมีช่องทางให้เลือกว่าบริษัทนี้จองมากี่คนจนกระทั่งครบตามจำนวนแต่ละรอบแล้วจะปิดระบบ ไปจองในระบบรอบต่อไป หรือวันถัดไป

ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อยากฝากไปถึงนักท่องเที่ยวขอให้ยึดตามกฎเกณฑ์นี้ ความพึงพอใจของท่านคือความสุขของเรา และจากการที่นายกรัฐมนตรี ได้มาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งได้เลือกหาดนพรัตน์ธารา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดการท่องเที่ยวในภาพรวมของจังหวัดกระบี่ และได้ให้แนวทางไว้ รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทุกท่านตั้งแต่ระดับสูงทั้งกระทรวง กรม มีความคาดหวังว่าเมื่อเปิดแหล่งท่องเที่ยวอ่าวมาหยาแล้ว นักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือ ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ ความสำเร็จของการท่องเที่ยวที่เราคาดการณ์ไว้น่าจะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้

การที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เปิดอ่าวมาหยา ในวันที่ 1 มกราคม 2565 นี้ ถือว่าเป็นวันดีฤกษ์ดีนั้นคือ วันปีใหม่ ถือเป็นการมอบของขวัญให้นักท่องเที่ยว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้ผู้ประกอบการได้มีช่องทางในการที่จะทำธุรกิจให้ดีขึ้นต่อไป กรมอุทยานฯ พร้อมที่จะตอบสนองในเรื่องของการท่องเที่ยวเช่นกัน ทุกอย่างต้องไปควบคู่กัน ถือว่าเป็นการให้ของขวัญให้พี่น้องนักท่องเที่ยวทุกคน


https://mgronline.com/south/detail/9640000122136


*********************************************************************************************************************************************************


ชาวบ้าน 3 ตำบลรวมตัวจัดทัพเรือประมงพื้นบ้านค้านโครงการ "นิคมอุตสาหกรรมจะนะ"

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้าน 3 ตำบลใน อ.จะนะ จ.สงขลา รวมตัวจัดทัพเรือประมงพื้นบ้านค้านโครงการ ?นิคมอุตสาหกรรมจะนะ? เรียกร้องยุติการดำเนินคดีกับกลุ่มแกนนำที่ถูกจับกุมทั้ง 37 คน ประกาศลั่นเตรียมระดมพลขึ้นไปสมทบที่กรุงเทพฯ เพื่อรอฟังคำตอบจากรัฐบาล 13 ธ.ค.นี้



วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่บริเวณชายหาดบ้านบ่อโชน หมู่ 7 ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ทางกลุ่มผู้คัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ทั้งเครือข่ายจะนะถิ่น สมาคมรักษ์ทะเลจะนะ รวมทั้งกลุ่มชาวประมงพื้นที่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ 3 ตำบลของโครงการ ทั้ง ต.นาทับ ต.ตลิ่งชัน ต.สะกอม และองค์กรอิสระต่างๆ ราว 400 คน ได้รวมตัวกันแสดงพลัง และแสดงเจตนารมณ์หยุดนิคมอุตสาหกรรมจะนะ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งประกาศจุดยืนหยุดเวลาเวทีรับฟังความคิดเห็น EIA ฉ้อฉล พร้อมกับการระดมเรือประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 3 ตำบลหลายสิบลำ เพื่อมาแสดงพลังในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่สามารถเคลื่อนขบวนมายังชายทะเลฝั่งที่มีการรวมตัวกันได้ เนื่องจากมรสุมคลื่นลมแรง จึงต้องจอดลอยลำอยู่ในอ่าวอีกฟาก

โดยหลังจากมีการปราศรัยทั้งจากตัวแทนชาวบ้าน และปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ ก็ได้มีการปราศรัยจาก นายมังโสด หมะเต๊ะ ผู้บริหารของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน อ.จะนะ ถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการนี้ รวมทั้งแสดงความไม่เห็นด้วย และคัดค้านโครงการ รวมทั้งระบุว่าจะมีการระดมผู้นำจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อีกหลายแห่งที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ เดินทางขึ้นไปสมทบกับกลุ่มแกนนำที่ปักหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อร่วมกันเรียกร้อง และฟังคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องนี้จากทางฝั่งของรัฐบาล

หลังจากนั้นได้มีการอ่านแถลงการณ์จากทัพเรือประมงพื้นบ้าน ณ ชายฝั่งทะเลจะนะ โดย น.ส.สารีด๊ะ นิยมเดชา ซึ่งใจความสำคัญได้อธิบายถึงบริบทของพื้นที่ รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนชุมชนที่เป็นแหล่งทำประมงพื้นบ้านที่สำคัญของประเทศ และระบุว่ารัฐบาลกลับรวมหัวกันกับนายทุน เพื่อปล้นทรัพยากรจากชาวบ้านไปให้นายทุนทำอุตสาหกรรม ซึ่งแม้จะมีการรวมตัวเรียกร้องให้หยุดโครงการ และทำการประเมินสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์หรือ SEA ซึ่งรัฐบาลได้ตกลงแล้ว แต่กลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และยังคงเดินหน้าโครงการต่อไป

โดยในแถลงการณ์ฉบับนี้ได้มีการเสนอข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลรวม 4 ข้อคือ การขอทวงสัญญาจากรัฐบาลที่ตกลงเอาไว้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ว่ารัฐบาลจะจัดให้มีการประเมินผลเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาหรือ SEA แบบมีส่วนร่วม ที่จะมีคณะศึกษาอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลทางวิชาการที่ถูกต้อง ครบถ้วน และมาประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ



นอกจากนี้ รัฐบาลต้องสั่งให้ยุติการเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะไว้ก่อนตามข้อตกลง รวมถึงหยุดการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ที่จะจัดขึ้นราวกลางเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งขัดกับข้อตกลง และยังขัดต่อหลักสากล ด้วยการจัดรับฟังความเห็นไม่มีคณะกรรมการรับฟังความเห็นที่เป็นกลาง แต่จัดโดยผู้ศึกษา อีกทั้งยั้งจัดทางออนไลน์ที่คนในชุมชนจำนวนมากเข้าร่วมไม่ได้ เพราะไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ และหากรัฐบาลยังปล่อยให้มีการจัดรับฟังความเห็นต่อไป พวกตนขอประกาศไม่ยอมรับ และถือว่าเป็นการกระทำที่ตระบัดสัตย์ของรัฐบาล

อีกทั้งรัฐบาลต้องยุติการดำเนินคดีกับกลุ่มแกนนำผู้คัดค้าน 37 คน ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 ทั้งที่ชุมนุมโดยสงบ และมีเป้าหมายเพียง "ทวงคำตอบจากรัฐบาลที่ผิดคำสัญญา" และสุดท้ายคือทางกลุ่มผู้คัดค้าน และชาวบ้านในพื้นที่จะไปทวงคำสัญญาอย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 และขอเชิญชวนพี่น้องทุกคนเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย

น.ส.สารีด๊ะ นิยมเดชา ผู้อ่านแถลงการณ์ ระบุด้วยว่า การทำโครงการขนาดใหญ่จะต้องมีการประเมินสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์หรือ SEA แบบมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้ชัดเจนว่า ?นิคมอุตสาหกรรมจะนะ? ไม่ใช่การพัฒนา แต่คือการอ้างคำว่า "พัฒนา" เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปล้นทรัพยากร และปล้นสิทธิชุมชน นำไปตอบสนองต่อนายทุน และนักการเมืองฉ้อฉลเพียงเท่านั้น


https://mgronline.com/south/detail/9640000122329

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 11-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


เจ้าหน้าที่ประมงตรวจยึดไอ้โง่ เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย 2 แห่งที่สุราษฎร์ ได้ 80 ลูก



เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 นายจักรพันธ์ ขาวสุวรรณ เจ้าพนักงานประมง ปฎิบัติงาน หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลหลังสวน(ชุมพร) สังกัดศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจังหวัดชุมพร พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 5 นาย นำเรือตรวจประมง ย 11 ออกปฎิบัติงานควบคุมเฝ้าระวังการทำการประมงพื้นที่ทะเลชายฝั่ง บริเวณคลองฉนาก หมู่ที่ 2 ต.คลองฉนาก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้พบเครื่องประมงลอบพับได้ หรือ ไอ้โง่ สภาพใหม่จำนวน 25 ลูก ซึ่งเป็นเครื่องประมงจับสัตว์น้ำที่ผิดกฎหมายถูกวางดักสัตว์น้ำอยู่บริเวณกลางคลองฉนาก ไม่พบผู้กระทำความผิด จึงทำการกู้ยึดเป็นของกลางส่ง ร.ต.ท.หญิง นิธิมา นนทิสิทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

รายเพิ่มเติมว่า ก่อนนี้มีชาวประมงพุมเรียง อ.ไชยา แจ้งนายเสน่ห์ รัตนสำเนียง ประมงอำเภอไชยา ว่า มีการทำการประมงโดยใช้เครื่องมือผิดกฎหมายบริเวณชายฝั่งอ่าวพุมเรียง ต.พุมเรียง อ.ไชยา จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลหลังสวน จำนวน 4 นาย พร้อมเรือตรวจการณ์ประมง ออกปฏิบัติการตรวจพบเครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมายลอบพับได้ หรือไอ้โง่ จำนวน 55 ลูก ยึดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3081525

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:41


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger