เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 17-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. 2564

ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีหมอกบางในตอนเช้า และมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส แต่ยังคงทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็น สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-12 องศาเซลเซียส และยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 16 - 17 ธ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1?3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว

ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 20 ธ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอุณหภูมิจะลดลง 3?5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2?4 องศาเซลเซียส

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 21 - 22 ธ.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2?4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่งในบริเวณดังกล่าว

สำหรับในช่วงวันที่ 16 - 18 ธ.ค. 64 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเคลื่อนผ่านประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 - 22 ธ.ค. 64 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ราอี" บริเวณทิศตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์และลงทะเลจีนใต้ในวันที่ 18 ธ.ค. 64 โดยพายุนี้ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16-17 และ 21-22 ธ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 18 - 20 ธ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นไว้ด้วย สำหรับในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือบริเวณภาคใต้ตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ตอนล่าง(มีผลกระทบถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2564) " ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2564

หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

พื้นที่ที่คาดว่าได้รับผลกระทบมีดังนี้

วันที่ 17 ธันวาคม 2564: บริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล

วันที่ 18 ธันวาคม 2564: บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร สำหรับทะเลอันดามันตอนล่างคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. 2564









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 17-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ยันไม่เลื่อนเปิด "อ่าวมาหยา" 1 ม.ค.นี้ได้ยลโฉมแน่

กระบี่ - จังหวัดกระบี่ยืนยันไม่เลื่อนเปิด "อ่าวมาหยา" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง 1 ม.ค.65 นี้ นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมความสวยงามอย่างแน่นอน ภายใต้ข้อกำหนดทั้งการจำกัดจำนวนคน เวลา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องตามที่ กมธ.ที่ดินติง



จากกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมเปิดอ่าวมาหยาให้นักท่องเที่ยวเข้าได้อีกครั้ง ในวันที่ 1 ม.ค.2565 หลังถูกปิดเพื่อฟื้นฟูสภาพธรรมชาติมานานตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.61 รวมเวลา 3 ปีเศษ จนสภาพธรรมชาติฟื้นตัวกลับมาสวยงามอีกครั้ง โดยกรมอุทยานฯ เตรียมแผนรองรับการเปิดอ่าวครั้งใหม่ด้วยการสร้างท่าเทียบเรือขึ้นที่บริเวณอ่าวโละซามะ เพื่อใช้รับส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปยังอ่าวมาหยา และเส้นทางเดินบอร์ดเวย์ จากท่าเรือไปยังอ่าวมาหยา เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเหยียบย่ำลงบนพื้นทราย

ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ ในฐานะรองประธาน กมธ.ที่ดินฯ นำคณะเข้าตรวจสอบกรณีบริษัทรับเหมาเอกชนร้องเรียนไปยัง กมธ.ที่ดินฯ ถึงปัญหาการก่อสร้างท่าเทียบเรือ พร้อมกับได้เข้าประชุมเรื่องดังกล่าวที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ โดยมีนายปราโมทย์ แก้วนาม หน.อุทยานฯ นายมานะ นวลหวาน ผอ.เจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ นายทศพร โชติช่วง ผอ.ทสจ.กระบี่ นายทิดฐพงษ์ พรมภักดี วิศวกรจาก บ.ไฮ-พลัส คอร์ปอเรชั่น จก. ซึ่งเป็นบริษัทที่เสียหาย น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยตัวแทนของบริษัทไฮ-พลัสฯ ให้ข้อมูลกับคณะ กมธ.ที่ดินฯ ว่า การก่อสร้างท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะ เกิดปัญหาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามสัญญาเนื่องจากก่อนนี้กรมอุทยานฯ ทำแบบแปลนก่อสร้างท่าเทียบเรือ มีสะพานยื่นออกมารับกับโป๊ะจอดเรือลอยน้ำ แต่แบบแปลนแรกที่นำมาเปิดประมูลให้บริษัทฯ เข้าดำเนินการเกิดความผิดพลาดจึงต้องยกเลิก และทำการออกแบบใหม่ก่อนเปิดให้มีการประมูลหาผู้รับเหมารายใหม่เข้าไปดำเนินการ ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายจากการทำสัญญาก่อสร้างฉบับแรก เพราะมีการเตรียมอุปกรณ์ไว้แล้ว และมีการตรวจรับอุปกรณ์ตามระเบียบ แต่บริษัทกลับไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ จึงนำเรื่องนี้ไปร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากกรมอุทยานฯ นอกจากนี้ ในแบบแปลนของกรมอุทยานฯ ที่ออกมาแบบที่ 2 ไม่สามารถติดตั้งเข้ากับโป๊ะจอดเรือแบบลอยน้ำได้ จนต้องปรับแก้รูปแบบท่าเรือใหม่

ซึ่งทาง กมธ.ที่ดินฯ มองว่า รูปแบบที่ก่อสร้างใหม่อาจไม่มั่นคงปลอดภัยเพียงพอหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในการปรับแบบใหม่ ทางกรมอุทยานฯ ไม่ได้ยื่นขอแก้แบบไปยังกรมเจ้าท่า มีเพียงการยื่นขออนุญาตไปครั้งแรกในรูปแบบเก่าเท่านั้น จึงอาจผิดระเบียบของกรมเจ้าท่าได้ ทาง ผอ.เจ้าท่า สาขากระบี่ จึงเสนอให้ทางอุทยานฯ ดำเนินการยื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อน

นายสฤษฎ์พงษ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องท่าเทียบเรืออ่าวมาหยา เกิดปัญหาจากการร้องเรียนของผู้รับเหมารายแรกที่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามสัญญา เพราะมีปัญหามาจากแบบแปลนการก่อสร้าง ทำให้ทางผู้รับเหมาต้องไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหาย ต่อมา มีการนำเอาบริษัทรับเหมาอีกรายเข้ามาดำเนินการต่อ ซึ่งรายที่ 2 จะเข้ามาถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องรูปแบบของท่าเทียบเรือ ที่ทางวิศวกรก่อสร้าง มองว่ามีความไม่มั่นคงปลอดภัยเพียงพอ จึงต้องปรับแก้กันอยู่ในตอนนี้

รอง ปธ.กมธ.ที่ดินฯ กล่าวด้วยว่า ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต้องมาเป็นอันดับแรกหากเร่งรีบเปิดอ่าวมาหยา ทั้งที่ความพร้อมยังไม่มี จะเกิดผลเสียตามมาในภายหลังได้ รวมถึงการขออนุญาตก่อสร้างจากกรมเจ้าท่า และทราบว่ามีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างไปเพียงครั้งแรกครั้งเดียว แต่เกิดปัญหาต้องมาแก้ไขรูปแบบจึงยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตกรมเจ้าท่าใหม่ แต่หลังจากที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.มาที่กระบี่ มาให้นโยบายว่าต้องเปิดอ่าวมาหยาให้ได้ในวันที่ 1 ม.ค.65 ทำให้หน่วยงานในพื้นที่ต้องเร่งดำเนินการจนอาจจะผิดกฎหมายได้

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมา ทาง กมธ.ที่ดินจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมใหญ่ เพื่อดูมติว่าอาจจะต้องเสนอกรมอุทยานฯ ให้เลื่อนการเปิดอ่าวมาหยาออกไปก่อน เพราะยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ ทุกอย่างต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน แต่หากยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ หากจะต้องขยายเวลาปิดอ่าวมาหยา ออกไปอีก หรือหากแก้ไขแบบไม่ได้ถึงขนาดต้องทุบท่าเรือทิ้งไปต้องดูความเห็นจากวิศวกรอีกครั้ง ซึ่งการจะต้องเลื่อนการเปิด หรือขยายเวลาปิดอ่าวมาหยาออกไปอีก เชื่อว่าภาคเอกชนน่าจะเข้าใจ เพราะต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

ล่าสุด นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีทั้งตัวแทนภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และผู้นำท้องถิ่นใน จ.กระบี่ เข้าประชุมที่ห้องประชุมสำนักงานอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยมีวาระที่สำคัญคือ การเตรียมความพร้อมเปิดอ่าวมาหยา เพื่อมอบเป็นของขวัญให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยว และผู้ประกอบกิจการต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.กระบี่ หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวอ่าวมาหยา รวม 3 ปีเศษ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องการดำเนินการสร้างสะพานบริเวณทางขึ้นของบริษัทเอกชนผู้รับเหมา และเรื่องที่ กมธ.ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้รับการร้องเรียนจากผู้รับเหมาเอกชนว่าการก่อสร้างท่าเรือโล๊ะซามะทางเข้าอ่าวมาหยา เกิดปัญหาจากแบบแปลนก่อสร้าง ทำให้จนถึงตอนนี้ท่าเรือยังไม่เสร็จเรียบร้อย ทาง กมธ.ที่ดินฯ ติงว่าหากเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวเกรงจะเกิดปัญหาหากเปิดให้นักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้เปิดอ่าวมาหยา ตามกำหนดเดิมคือ วันที่ 1 ม.ค.65 โดยมีเงื่อนไข คือ นักท่องเที่ยวสามารถเหยียบอ่าวมาหยา ได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. และออกจากอ่าวมาหยา เวลา 18.00 น. เรือนำเที่ยวเข้าเทียบท่าได้วันละ 11 รอบๆ ละ 375 คน รวมทั้งวัน 4,125 คน นักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้ 22 รอบๆ ละ 99 คน ในเวลา 45 นาที และลงเล่นน้ำหน้าชายหาดได้คนละ 1 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จะเปิดให้จองผ่านระบบ QueQ (คิวคิว) ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.64 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป และเปิดพื้นที่ให้สำหรับคนในท้องถิ่นส่วนหนึ่งในการเข้าจอดเรือที่อ่าวโล๊ะซามะ

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ทาง กมธ.ที่ดินฯ ได้เข้ามาตรวจสอบการก่อสร้างท่าเรือบริเวณอ่าวโละซามะ ซึ่งใช้เป็นท่าเทียบเรือให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปอ่าวมาหยาพบว่ามีปัญหาเนื่องจากในส่วนที่แก้ไขแบบยังไม่ได้มีการขออนุญาต จะให้ทางอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้มีการขออนุญาตให้ถูกต้อง และเชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหา และจังหวัดจะเข้าไปร่วมด้วย

และอย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 มกราคมนี้จะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าอ่าวมาหยาได้อย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ เพื่อทดสอบระบบว่าติดขัดปัญหาตรงไหนอย่างไร จะมีการดำเนินการแก้ไขต่อไปเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกฝ่ายคำนึงถึงการเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาล


https://mgronline.com/south/detail/9640000124278

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 17-12-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


วางเรือหลวง 3 ลำ สร้างอุทยานเรียนรู้ใต้ทะเล เกาะลันตา เผยอีก 8 ลำที่ปลดประจำการ เตรียมจม มี.ค.65

จ.กระบี่ ทำพิธีวางฝูงเรือรบอย่างสมเกียรติ สร้างอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเล เกาะลันตา



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 ธันวาคม) นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีจมเรือรบหลวง รวม 3 ลำ ใกล้กับเกาะหมา ท้องทะเล อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ลงสู่ใต้ทะเล เป็นอุทยานการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรทางทะเล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำระดับโลก ในพื้นที่ทะเลเกาะลันตา จ.กระบี่ โดยมี นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พลเรือตรี พัลลภ เขม้นงาน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และประชาชน เข้าร่วม

ก่อนการวางเรือหลวงทั้ง 3 ลำ คือเรือหลวงปราบปรปักษ์ เรือ ต.15 หรือเรือหลวงสู้ไพรินทร์ และเรือ ต.16 หรือเรือหลวงหาญหักศัตรู ลงสู่ใต้ท้องทะเล ได้มีพิธีวางพวงมาลาไว้อาลัยอย่างสมเกียรติ พร้อมทำการนำน้ำเข้าเรือใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง กว่าเรือจะจมดิ่งสู่ก้นทะเลทั้ง 3 ลำ

สำหรับพิธีจมเรือดังกล่าวเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำของ จ.กระบี่ และจังหวัดฝั่งอันดามัน ตามโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล โดยความร่วมมือระหว่าง จ.กระบี่ ร่วมกับกองทัพเรือ และสภาการศึกษา จ.กระบี่


ภาพโดย ทัพเรือภาคที่ 3

นายไชยยศกล่าวว่า โครงการสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ได้รับการอนุเคราะห์จากกองทัพเรือมอบเรือปลดประจำการ จำนวน 11 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่ปลดประจำการเพื่อจมใต้ท้องทะเลเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ โดยในวันนี้ทำการจมเรือรบปลดประจำการ จำนวน 3 ลำ ได้มีการทำพิธีวางเรือไปแล้ว จำนวน 3 ลำ เพื่อเป็นการจัดสร้างปะการังเทียม ตามโครงการอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเล จ.กระบี่ ส่วนอีก 8 ลำ จะนำมาจมอีก ประมาณเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งจากนี้ไปเรือรบทั้ง 3 ลำ จะทำหน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ตามโครงการอุทยานเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ตลอดไป

ด้านนายสมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าในอนาคต จ.กระบี่ จะเป็นศูนย์กลางการดำน้ำดูปะการังที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในท้องทะเลฝั่งอันดามัน เนื่องจากมีปะการังที่เป็นโครงการอุทยานเรียนรู้ และปะการังธรรมชาติ โดยก่อนหน้านี้ทาง จ.กระบี่ นำเรือรบที่ปลดประจำการไปวางไว้ท้องทะเล จำนวน 2 จุด ได้แก่ บริเวณเกาะยาวาซำ และเกาะพีพีเล ต.อ่าวนาง พบว่ามีปะการังเริ่มเจริญงอกงามและกำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว

ขณะที่นายชวนกล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลพบว่ามีนักท่องเที่ยวประมาณ 1 แสนที่เดินทางเข้าไปดำน้ำดูปะการังโครงการอุทยานเรียยรู้ใต้ท้องทะเล ทำให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวมีเงินสะพัดปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และยังเป็นการดึงนักดำน้ำให้ออกจากแหล่งปะการังธรรมชาติ ลดความเสื่อมได้อีกด้วย


https://www.matichon.co.th/politics/news_3090710

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:17


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger