#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 12 มกราคม 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุด 4-14 องศาเซลเซียส และยอดภูอุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 12 ? 13 ม.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็น โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอากาศเย็นในตอนเช้า บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-15 องศาเซลเซียส และบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 14 ? 17 ม.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับในช่วงวันที่ 13 - 16 ม.ค. 64 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วง 12 ? 17 ม.ค. 65 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้นส่วนมากทางตอนล่างของภาค และคลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 13 ? 16 ม.ค. 65 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 15 - 17 ม.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
แกะรอย "เรือผี" ลึกลับ เจอ ขยะ-เศษอาหาร เบาะแสล่าเจ้าของเรือ . รายการ "ถอนหมุดข่าว" ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 11 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ แกะรอย "เรือผี" ลึกลับ เจอ ขยะ-เศษอาหาร เบาะแสล่าเจ้าของเรือ . เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา มีการพบ "เรือปริศนา" ชื่อว่าเรือ Fin Shui Yuan 2 ที่ลอยตามกระแสน้ำเข้ามาบริเวณพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 2 ห่างจากฝั่ง จ.นครศรีธรรมราช ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 142 กิโลเมตร โดยได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่แท่นผลิตไพลินเหนือ ของบริษัท เชฟรอน ขณะที่เรือดังกล่าวกําลังลอยตามกระแสน้ำและลมเข้ามาใกล้พื้นที่ปลอดภัยของแทนขุดเจาะตรวจสอบ จากนั้น ศรชล.ภาค 2 ได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัดกําลังทางเรือและอากาศยานไร้คนขับ เข้าปฏิบัติการตรวจสอบ พบว่าไม่มีลูกเรืออยู่บนเรือ พร้อมตรวจสอบข้อมูลของเรือผ่านระบบ Sea vision และระบบ MISC พบว่าไม่มีข้อมูลเรือลำดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบสัญญาณ AIS ย้อนหลังไป 90 วัน ไม่พบว่ามีการส่งสัญญาณ อุปกรณ์เดินเรือทั้งหมดบนสะพานไม่สามารถใช้งานได้ มีเพียงไฟแบตเตอรี่ทํางานได้ ทําให้ไฟยอดเสายังติดอยู่ ส่วนห้องเครื่องจักรใหญ่และเครื่องไฟฟ้าถูกน้ำท่วมขังทั้งหมด รวมทั้งยังคงมีน้ำเข้าบริเวณระวางห้องเครื่องจักรใหญ่ต่อเนื่อง และมีกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงกระจายทั่วไป โดยคราบน้ำมันดังกล่าวมีลักษณะเจือจางไม่มีแผ่นหนามาก เมื่อเจอคลื่นลมน้ำมันจะแตกตัวและเมื่อเจอความร้อนของแดด น้ำมันก็จะระเหยไปเองตามธรรมชาติ จากนั้นระหว่างวันที่ 7 - 8 มกราคม ศรชล.ภาค 2 ได้แจ้งให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัด เรือหลวงตาปี และ หลีเป๊ะ เข้าเฝ้าพื้นที่และดำเนินการกู้ซ่อมเบื้องต้น เพื่อจะทำการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง และมีน้ำเข้าตัวเรือต่อเนื่อง ทำให้เรือจมลง จึงแจ้งให้ กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 พล็อตตำแหน่งเรือและติดตามสถานการณ์ ออกประกาศชาวเรือให้ระมัดระวังในการเดินเรือ เตรียมการเก็บกู้เรือให้ปลอดภัย พร้อมประสานประเทศเจ้าของเรือ และดำเนินการ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย หากเกินกำหนดระยะเวลา 15 วัน ยังไม่มีเจ้าของเรือมาแสดงตัวและกู้เรือ กรมเจ้าท่าจะพิจารณากู้เรือ และแจ้งให้ ศรชล.(อ่านว่า ศร ชล)ภาค 2 ร่วมกับ สำนักสืบสวนและสอบสวนกลาง ศรชล. ร่วมกับ ตำรวจน้ำ จัดตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนที่มาที่ไปของเรือ จากการสำรวจเบื้องต้น โดยมนุษย์กบของศูนย์สงครามพิเศษทางเรือ ที่ดำน้ำลงไป 30 เมตร ในจุดที่เรือจม โดยได้ทำการผูกทุ่นลอยผิวน้ำ พบระยะห่างจากผิวน้ำกับเรือ 18 เมตร ห่างจากชายฝั่ง อ.สิชล ประมาณ 50 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามทาง ศรชล. เชื่อว่าอาจไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ เพราะต้องชดเชยเงินในการกู้เรือเป็นหลักล้านบาท ทั้งนี้ กองทัพเรือจะประสานประเทศสิงคโปร์และสหรัฐฯ ตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อตรวจสอบว่า เรือมาจากไหนและตรวจสอบย้อนหลังว่ามีเรือลำนี้ในระบบหรือไม่ ทำผิดกฎหมายเรื่องใดหรือไม่ ซึ่งพบว่าเป็นเรือขนส่งสินค้า ไม่ใช่เรือน้ำมัน ไม่ใช่เรือประมง แต่ "ข้อมูลสำคัญ" อยู่ที่ "อาหารและเศษขยะ" ที่พบบนเรือ เพราะแสดงว่ามี "ความเคลื่อนไหว" เกิดขึ้นบนเรือลำดังกล่าวก่อนหน้านี้ นอกจากนี้มีรายงานว่า มีการคาดการณ์เบื้องต้นว่าเรือลำดังกล่าวอาจมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่เชื่อมต่อกับอ่าวไทย ซึ่งที่ผ่านมาพื้นที่อ่าวไทยมักมีเรือประมงของประเทศเพื่อนบ้านที่รุกล้ำน่านน้ำไทยเข้ามาเป็นประจำ อีกทั้งเคยเกิดเหตุการณ์เรือรุกล้ำน่านน้ำไทย พุ่งชนเรือทหารมาแล้วด้วย ดังนั้นในกรณีนี้แม้จะเป็น "เรือปริศนา" หรือที่เรียกกันว่า "เรือผี" แต่กลับเป็นงานใหญ่ของ ศรชล. ที่ดูแลน่านน้ำไทย ต้องพิสูจน์ที่มาเรือให้ได้ เพื่อขยายผลเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆต่อไป https://mgronline.com/crime/detail/9650000003264
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ลุยตรวจ น้ำทะเลเปลี่ยนสี สงสัยคราบน้ำมันเรือผี สุดท้ายไม่ใช่ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ วันที่ 11 ม.ค.65 นายอรุณ บุปผโก ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเกาะสมุย รับแจ้งจาก นาวาเอก(พิเศษ) วศากร สุนทรนันท์ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังมีกระแสข่าวพบคราบน้ำมันลักษณะสีเขียวลอยอยู่กลางทะเล บริเวณเกาะมัดสุม เกาะแตน ซึ่งเป็นเกาะบริวารของเกาะสมุย โดยระบุว่าเป็นคราบน้ำมันจากเรือไร้สัญชาติที่ทหารเรือ เข้าตรวจสอบต่อมาเรือได้จมลงใต้ทะเลในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่นำเรือสปีดโบ๊ทเจ้าท่าออกตรวจสอบน้ำทะเลบริเวณเกาะมัดสุม และเกาะแตน และจากการสอบถามเรือประมง เรือโป๊ะลากจูงสินค้า บริเวณดังกล่าว ไม่มีใครพบคราบน้ำมันตามที่ได้รับแจ้งมาแต่อย่างใด ส่วนคราบสีเขียวที่มีผู้พบและถ่ายรูปแชร์ในโซเชียลนั้นเป็นการเกิดแพลงก์ตอนบลูม หรือการตายของแพลงก์ตอนพืช ทั้งนี้ข้อมูลองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือ Red Tide เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทะเลทั่วทุกมุมโลก สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของสาหร่ายเซลล์เดียวจำพวก "แพลงก์ตอนพืช" ในทะเลแถบนั้น หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "แพลงก์ตอนบลูม" จำนวนประชากรของแพลงก์ตอนที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากนี้ ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสี โดยปกติแล้วจะเป็นสีแดงหรือสีเขียว และบางทีอาจจะเป็นสีม่วงหรือสีชมพูก็ได้ การเกิดแพลงก์ตอนบลูมก็มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ มีฝนตกหนัก และคลื่นลมแรงทำให้มีปริมาณธาตุอาหารและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของแพลงก์ตอน หรือ การเกิดน้ำผุด (up welling) เป็นขบวนการที่น้ำเบื้องล่างถูกพัดพาขึ้นมาเบื้องบน https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6828811 ********************************************************************************************************************************************************* อังกฤษพบซากปลาดึกดำบรรพ์ เผยสภาพสมบูรณ์-อายุกว่า180ล้านปี อังกฤษพบซากปลาดึกดำบรรพ์ ? วันที่ 11 ม.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานการค้นพบครั้งสำคัญของวงการบรรพชีวินวิทยาที่ประเทศอังกฤษ ว่าคณะนักขุดค้นพบซากปลาดึกดำบรรพ์ขนาดลำตัวยาวถึง 10 เมตร มีอายุกว่า 180 ล้านปี คาดว่าเป็นปลายักษ์อิกทิโอซอรัส (Ichthyosaurus) การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณอ่างเก็บน้ำเขตรัดแลนด์ ภาคปกครองอีสต์มิดแลนด์ นับเป็นฟอสซิลปลาอิกทิโอซอรัสที่มีสภาพสมบูรณ์และขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบมาในประเทศอังกฤษ และคาดว่าเป็นฟอสซิลปลาไตรโกโนดอน (Temnodontosaurus trigonodon) ตัวแรกที่พบในอังกฤษด้วย รายงานระบุว่า ปลาอิกทิโอซอรัสนั้นจัดเป็นสัตว์พวกกึ่งปลากึ่งสัตว์เลื้อยคลาน และมีรูปร่างหน้าใกล้เคียงกับโลมา มีชีวิตอยู่ในช่วง 250 ล้านปีก่อน และสูญพันธุ์ไปเมื่อราว 90 ล้านปีก่อน ส่วนผลงานการค้นพบนั้นเป็นของคณะขุดค้นจากมูลนิธิสัตว์ป่าเลสเตอร์เชียร์ แอนด์ ไวลด์ไลฟ์ ทรัสต์ นำโดยนายโจ เดวิส ซึ่งทำงานร่วมกับบริษัทแองเกลียนวอเตอร์ในโครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำ ซึ่งต้องสูบน้ำออกจากอ่างเก็บ นำไปสู่การค้นพบส่วนฟอสซิลดังกล่าวที่ก้นอ่างเก็บน้ำ ต่อมาทางมูลนิธิจึงระดมนักขุดค้นและผู้เชี่ยวชาญและนักขุดค้นจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์เข้าสำรวจและขุดค้นระหว่างเดือนส.ค. ถึงก.ย. 2564 นายดีน โลแม็กซ์ ผู้เชี่ยวชาญปลาอิกทิโอซอรัส ที่เดินทางมามหาวิทยาลัยดังกล่าวในช่วงเวลานั้น ระบุว่า ความพิเศษของฟอสซิลนี้ คือ ขนาดมโหฬารและสภาพสมบูรณ์แบบ เพราะไม่เคยมีการค้นพบที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อนในอังกฤษ "ปลาชนิดนี้เป็นสัตว์นักล่าในชั้นสูงสุดของยุคนั้น ดังนั้นอาหารของมันน่าจะเป็นพวกเดียวกันไปจนถึงปลาใหญ่ชนิดอื่นๆ รวมถึงสัตว์ทะเลทั่วไปอย่าปลาหมึกด้วย" โลแม็กซ์ ระบุ อย่างไรก็ดี การขุดค้นที่เกิดขึ้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีซากของปลาที่กำลังถูกล่าอยู่ใกล้เคียง ไปจนถึงความเป็นไปได้ที่ปลาอิกทิโอซอรัสที่พบนั้นอาจกำลังตั้งท้อง นายรีแกน แฮร์ริส โฆษกบ.แองเกลียนวอเตอร์ กล่าวว่า การค้นพบข้างต้นนั้นเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงมาก เป็นสิ่งที่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองตอนที่ค้นพบ แม้พวกฟอสซิลปลาอิกทิโอซอร์จะเคยถูกพบในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยพบว่าครั้งใดสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ด้านนายพอล บาร์เร็ตต์ นักวิจัยจากแผนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและบรรพชีววิทยาเชิงมานุษยวิทยา ของพิพิธภัณท์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ กรุงลอนดอน กล่าวว่า การค้นพบนี้เป็นสิ่งยืนยันถึงการกระจายอยู่ของพวกมันทั่วโลก หลังการค้นพบที่เยอรมนี "เป็นซากฟอสซิลที่น่าประทับใจมากครับ น่าจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 20-30 ปี ในอังกฤษเลยก็ว่าได้" บาร์เร็ตต์ ระบุ https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_6827794
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
"เจ้าท่า" กางแผน 10 ปีเสริมทรายชายหาดใต้-ตะวันออกหนุนเศรษฐกิจ กรมเจ้าท่าสนองนโยบายเจ้ากระทรวงคมนาคม "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ-อธิรัฐ รัตนเศรษฐ์" พัฒนาชายฝั่งทะเลด้านการเสริมทราย แก้ปัญหาการกัดเซาะ ฟื้นฟูพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้มอบหมาย นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปฏิบัติการ เป็นประธานในพิธีส่งมอบพื้นที่เสริมทรายชายหาดจอมเทียน ที่แล้วเสร็จ 800 เมตร ของโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี 3,575 เมตร ให้เทศบาลตำบลนาจอมเทียน อย่างเป็นทางการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ บริเวณหน้าชายหาดจอมเทียน ซอยนาจอมเทียน 2 ทั้งนี้ ชายหาดจอมเทียนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชลบุรี ปัจจุบันเกิดสภาพปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอยู่ในขั้นวิกฤตรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ชายหาดถดถอยและลดขนาดลงไปทุกปี ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2558 กรมเจ้าท่าได้ว่าจ้างสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาวางแผนแม่บทและสำรวจออกแบบการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในระยะยาว และรับฟังความคิดเห็นประชาชน ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้อง สำหรับโครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เฟส 1 ระยะทาง 3,575 เมตร กรมเจ้าท่าได้ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ดำเนินโครงการงานเสริมทรายตั้งแต่บริเวณนาจอมเทียน 4 จนถึงจอมเทียน 11 โดยใช้แหล่งทรายจากเกาะรางเกวียน ซึ่งเป็นทรายที่ใช้เสริมทรายชายหาดพัทยา ห่างจากชายหาดจอมเทียนไปทางทะเล 15 กิโลเมตร ทำให้จากเดิมที่มีชายหาดกว้าง 5 เมตร เปลี่ยนเป็นชายหาดกว้างขึ้นเฉลี่ย 51 เมตร มีความยาว 800 เมตร การปรับปรุงเสริมทรายในครั้งนี้สามารถใช้เป็นพื้นที่สันทนาการและจัดกิจกรรมชายหาดต่าง ๆ ได้ดีกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดรายได้ต่อประชาชนและภาคธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ผลศึกษาโครงการพบว่า การลงทุน 1 บาทจะได้ผลตอบแทนกลับมา 3.23 บาท คาดการณ์เวลา 25 ปี จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28,042 คน ยกระดับภาพลักษณ์ท่องเที่ยวทั้งระบบของชายหาดพัทยา-จอมเทียน จากเดิมที่เป็นชายหาดท่องเที่ยวแบบแยกส่วน มาเป็นระบบชายหาดท่องเที่ยวของประเทศ กรมเจ้าท่ามีโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียนในส่วนที่เหลือความยาว 2.5 กิโลเมตร และในอนาคตมีแผนงานเสริมทรายชายหาดท่องเที่ยวในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น ชายหาดบางแสน ชายหาดสมิหลา ชายหาดชะอำ ชายหาดเขาหลัก ชายหาดบางเสร่ ชายหาดอ่าวดงตาล ชายหาดแสงจันทร์ ชายหาดปราณบุรี และชายหาดทรายรี เป็นต้น ระยะทางรวม 42 กิโลเมตร ซึ่งการเสริมทรายชายหาดนอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและฟื้นฟูชายหาดอย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว และสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้กับประเทศอีกด้วย https://www.prachachat.net/property/news-837430
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|