สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2565

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคง มีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่ได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศจีนตอนใต้ เวียดนามตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค. 65) ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 29 - 30 ม.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีอากาศเย็นในตอนเช้า

ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. ? 4 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 30 ม.ค. ? 4 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ส่วนชาวเกษตรกรบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ปิดหาดแม่รำพึง สู้ภัยพิบัติ คราบน้ำมันดิบ ซัดถล่มดำมืดหลายกิโล รีสอร์ต-ร้านค้าร้องระงม



สกัดไม่อยู่ คราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลกลาง ทะเลถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งชายหาดแม่รำพึง น้ำทะเลและผืนทรายกลายเป็นสีดำมะเมื่อม ยาวหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเร่งเก็บกู้ 3 วิธี ใช้กระดาษซับ ท่อดูด และขุดร่องน้ำให้คราบน้ำมันมารวมกัน ผวจ.ระยอง ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ปิดชายหาดห้ามลงเล่นน้ำ ผู้ประกอบการรีสอร์ตพ่อค้าแม่ขายเจ๊งยับ นักท่องเที่ยวหายเกลี้ยง อาจเสียหายหนักกว่าปี 56 ลุ้นระทึกมวลคราบน้ำมันอีกก้อนใหญ่อยู่ห่างฝั่ง 3 กม. จ่อถล่มซ้ำ เกาะเสม็ดเตรียมพร้อมรับมือเหลืออีกแค่ 7 กม.

ปฏิบัติการกำจัดคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลจากท่อส่งน้ำมันของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กลางทะเล อ.เมืองระยอง ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กม. เมื่อกลางดึกวันที่ 25 ม.ค. ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังใช้สารเคมีเร่งสลายคราบน้ำมันที่ลอยอยู่กลางทะเลไปได้มากแล้ว แต่สุดท้ายเอาไม่อยู่ คราบน้ำมันถูกคลื่นซัดขึ้นชายฝั่งจนได้

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ม.ค. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง พ.ต.อ.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูร ผกก.สภ.เมืองระยอง นายทวีป แสงกระจ่าง นายก อบต.ตะพง เดินทางไปที่ชายหาดแม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมืองระยอง หลังจากเมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่มคืนที่ผ่านมา คราบน้ำมันถูกคลื่นซัดมาถึงชายหาดห่างจากจุดที่นำบีชบูมมาวางสกัดประมาณ 2 กม. ผวจ.ระยอง นำคณะไปตรวจสอบพร้อมประกาศให้ชายหาดแม่รำพึงเป็นพื้นที่ภัยพิบัติและห้ามลงเล่นน้ำทะเลเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพน้ำทะเลบริเวณชายหาดแม่รำพึงกลายเป็นสีดำมะเมื่อม มีกลิ่นฉุนของน้ำมันฟุ้งกระจายไปทั่วหาด คราบน้ำมันดิบที่จับตัวเหนียวข้นลอยมากับเกลียวคลื่นซัดเข้าชายหาดจนผืนทรายขาวกลายเป็นคราบสีดำเป็นทางยาวขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ มีเจ้าหน้าที่ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง มาเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบ และเจ้าหน้าที่บางส่วนลงไปเก็บกู้คราบน้ำมันบนชายหาด แต่เนื่องจากมีปริมาณมหาศาลทำให้ยากต่อการเก็บกู้

นางวลัยลักษณ์ วิทยานุเคราะห์ อายุ 57 ปี เจ้าของเบย์วิวรีสอร์ท ฝั่งตรงข้ามชายหาดที่มีคราบน้ำมันซัดขึ้นมา เผยว่า คราบน้ำมันเข้าชายหาดตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นมาเห็นตกใจมากไม่คิดว่าจะเข้ามาเยอะขนาดนี้ ต้องการให้เจ้าหน้าที่รีบมาเก็บกู้โดยเร็ว กลัวว่าถ้าลมเปลี่ยนทิศจะกระจายไปทั่วทั้งหาดแน่ เดือดร้อนกันหมด นักท่องเที่ยวที่จองห้องพักไว้ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ต่างยกเลิกกันหมด เช่นเดียวกับนางปริศนา โพธิ์แก้ว อายุ 67 ปี แม่ค้าส้มตำริมชายหาด เผยว่า วันนี้คงขายไม่ได้แล้ว ใครจะมาเที่ยวทะเลมีแต่คราบน้ำมันส่งกลิ่นเหม็นขนาดนี้ ต้องเก็บร้านกลับบ้านแล้ว

ปฏิบัติการเก็บกู้คราบน้ำมันลอยติดชายหาดแม่รำพึงดำเนินการต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสวมใส่ชุดป้องกันระดมกำลังเร่งเก็บกู้คราบน้ำมันที่ลอยมาติดตามชายหาดใส่ถังขนาดใหญ่เพื่อนำไปกำจัด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เผยว่า คราบน้ำมันที่เข้ามาริมชายหาด 2 จุด บริเวณลานหินดำและหินขาวจุดละประมาณ 1 กม. เป็นมวลน้ำมันดิบผสมกับสารเคมีที่ฉีดสกัดให้ละลายซึ่งมีความเข้มข้นสูงมากทำให้น้ำทะเลเหนียวหนืดคล้ายช็อกโกแลต เบื้องต้นวางแผนจัดการ 3 แนวทาง คือ ใช้กระดาษชนิดพิเศษซับคราบน้ำมัน ใช้เครื่องดูดคราบน้ำมันจุดที่หนาแน่นออกใส่ถัง 200 ลิตร และขุดร่องน้ำชายหาดให้คราบน้ำมันไหลมารวมกันจุดเดียวเพื่อง่ายต่อการกำจัด ขณะนี้พบคราบน้ำมันขึ้นที่หาดแม่รำพึงแห่งเดียว หาดอื่นยังไม่พบอยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง เป็นห่วงมวลน้ำมันก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างฝั่งประมาณ 3 กม. คาดว่าจะเข้ามาอีก ได้วางทุ่นสกัดไว้แล้ว ประมาณการว่าปริมาณน้ำมันที่ขึ้นฝั่งวันนี้เพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของก้อนใหญ่ที่ยังอยู่ในทะเล

นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ทางจังหวัดประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติและปิดชายหาดแม่รำพึง ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าออก ป้องกันอันตรายและให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวก นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือปิดร้านค้าริมหาดจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหน่วยแพทย์ลงไปในพื้นที่เพื่อช่วยรักษาอาการคนที่แพ้สารเคมีและกลิ่นของน้ำมัน พร้อมฝากเตือนประชาชนไม่ควรอยู่ในพื้นที่คราบน้ำมันเกยหาดเพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้ หากเกิดอาการผิดปกติให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที

นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวว่า ส่งรถขุดตักมาขุดร่องตลอดแนวชายหาดแม่รำพึง เพื่อดักคราบน้ำมันช่วงเวลาน้ำทะเลหนุนขึ้นมา ใช้กระดาษซับคราบน้ำมันในร่องเพื่อดูดไปบำบัด เนื่องจากได้ประสบการณ์จากเมื่อปี 56 ขณะนี้เป็นห่วงมวลน้ำมันก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างฝั่งประมาณ 3 กม. และอยู่ห่างจากอุทยานเขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด ประมาณ 4 กม. วันนี้คลื่นลมค่อนข้างแรงอาจจะพัดเข้าฝั่งเร็วขึ้น



นายบุญยืน เลาหวิทยะรัตน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดระยอง กล่าวว่า น้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลระยองครั้งนี้อาจเสียหายหนักกว่าเมื่อ 9 ปีที่แล้วที่เกิดขึ้นที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ดแห่งเดียว แต่ครั้งนี้ทั่วหาดระยอง อยากให้ผู้รับผิดชอบรีบเยียวยาเจ้าของรีสอร์ต ชาวประมง และร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน

ขณะที่นางสริญทิพญ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด กล่าวว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตั้งทุ่นสกัดคราบน้ำมันบริเวณอ่าวพร้าว แจ้งผู้ประกอบการให้ทำตามมาตรการ พร้อมเตรียมการหากทิศทางลมเปลี่ยนทิศ วันนี้เกาะเสม็ดเงียบเหงา ยอดจองห้องพักลดลงและบางส่วนเลื่อนไปก่อน เนื่องจากนักท่องเที่ยวกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวกังวลเรื่องสารเคมีที่ฉีดสลายคราบน้ำมันให้ตกตะกอนลงไปใต้ท้องทะเลไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่และจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน ทำให้เกิดปัญหากับชาวประมงและภาคการท่องเที่ยว

นอกจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวแล้ว พ่อค้าแม่ค้าอาหารทะเลก็เดือดร้อนไม่แพ้กัน นางนันทกานต์ พืชพันธุ์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านอาหารทะเลสดชุมชนประมงท้องถิ่นกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านตากวน หาดสุชาดา ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง กล่าวว่า ได้รับผลกระทบมาก การทำประมงจับสัตว์ทะเลนอกจากจะหายากแล้วยังขายยากด้วย เพราะผู้บริโภคไม่มั่นใจ กลัวสัตว์น้ำที่วางขายจะปนเปื้อนน้ำมันหรือสารเคมีที่โปรยลงไปเพื่อสลายคราบน้ำมัน ลูกค้าประจำที่เคยสั่งของโทร.มายกเลิกกันหมด ถ้าในสถาน การณ์ปกติวันเสาร์อาทิตย์สิ้นเดือนแบบนี้จะมีลูกค้ามาซื้ออาหารทะเลกันแน่น แต่วันนี้ไม่มีคนเลย

ในช่วงบ่าย นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เดินทางมายังหาดแม่รำพึง จุดศูนย์กลางคราบน้ำมันซัดขึ้นฝั่ง เดินตรวจแนวชายหาดที่เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกู้คราบน้ำมันพร้อมเผยว่า ที่เดินทางมาเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเหลือ จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและชาวบ้านในพื้นที่ดูแลเรื่องการเยียวยาให้ได้รับความเป็นธรรมสูงสุด

ด้านบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ชี้แจงแนวทางดำเนินการกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลว่าบริษัทดำเนินการภายใต้การบัญชาการของศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.) หลังพบว่าคราบน้ำมันเคลื่อนตัวเข้าชายหาดแม่รำพึง มีแผนตอบโต้สถานการณ์ครอบคลุมการปฏิบัติงาน 2 ส่วนคือ การปฏิบัติงานทางทะเล ใช้เรือวางทุ่นกักน้ำมันหรือบูม ป้องกันการเคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ชายฝั่ง ใช้เครื่องบิน C-130 บินสำรวจพื้นที่ และใช้เรือเฝ้าตรวจกลุ่มน้ำมันบริเวณเขาแหลมหญ้า เกาะเสม็ดส่วนการปฏิบัติการทางชายฝั่ง บริษัทจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติงานที่บริเวณห่างจากลานหินขาวประมาณ 1 กม. มีกำลังพลสนับสนุนจากกองทัพเรือและบุคลากรรวมทั้งผู้รับเหมาของบริษัทฯ เก็บคราบน้ำมันและทำความสะอาดชายหาด บริษัทจะปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัยเพื่อขจัดคราบน้ำมันให้ได้มากที่สุด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง

ส่วนสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ใช้ภาพจากดาวเทียมไทยโชต (THAICHOTE) บันทึกภาพเมื่อวันที่ 29 ม.ค.เวลา 10.35 น. พบคราบน้ำมันลอยแผ่เป็นบริเวณกว้างและมีบางส่วนเคลื่อนตัวเข้าบริเวณหาดแม่รำพึง คิดเป็นพื้นที่ 67 ตารางกิโลเมตร หรือ 42,673 ไร่ แบ่งเป็น 2 พื้นที่คือพื้นที่คราบน้ำมันที่มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์ม คิดเป็นพื้นที่ 51 ตารางกิโลเมตร หรือ 32,478 ไร่ และพื้นที่คราบน้ำมันที่มีลักษณะความหนา คิดเป็นพื้นที่ 16 ตารางกิโลเมตร หรือ 10,195 ไร่ คราบน้ำมันเคลื่อนตัวเข้าบริเวณหาดแม่รำพึงแล้วคิดเป็นความกว้างประมาณ 5 กม. ขณะที่กลุ่มคราบน้ำมันยังห่างจากเกาะเสม็ด ประมาณ 7 กม. ข้อมูลจากการวิเคราะห์นี้ GISTDA จะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผน ติดตามและบริหารจัดการลดผลกระทบจากคราบน้ำมันต่อไป

ที่ศูนย์บัญชาการปฏิบัติการกำจัดน้ำมันรั่ว หมู่บ้านสบายสบาย ฝั่งตรงข้ามชายหาดแม่รำพึง ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง แถลงว่า ไม่ได้มีคำสั่งปิดร้านค้าบริเวณชายหาดแม่รำพึงยังขายของได้ตามปกติ แต่ห้ามลงไปเล่นน้ำทะเล หากพบว่ามีคราบน้ำมันขึ้นฝั่งจุดไหนอีกให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที การกำจัดคราบน้ำมันในทะเลเป็นหน้าที่ของทหารเรือ ส่วนบนฝั่งเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าฯ ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ ปภ.เป็นผู้รับเรื่องจากผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมตั้งกรรมการ 3 ฝ่ายทั้งภาคประชาชน ภาคราชการ และฝ่ายโรงงานร่วมกันตรวจสอบหาข้อสรุปสาเหตุที่แน่ชัด ขณะที่ผู้แทนบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่าทางบริษัทยินดีที่จะเยียวยาให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างดีที่สุด


https://www.thairath.co.th/news/local/east/2300925

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


บุกจับอควาเรียมเถื่อนกลางกรุง ลักลอบค้าสัตว์ทะเลออนไลน์

MGR Online - ปทส.- กรมประมง บุกจับอควาเรียมเถื่อนกลางกรุง ลักลอบค้าสัตว์ทะเลออนไลน์ ตะลึงพบสัตว์หายากจำนวนมากทั้ง หอยมือเสือ ปะการังและดอกไม้ทะเล



วันนี้ (28 ม.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส.พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส. พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ รอง ผกก.1 บก.ปทส. พ.ต.ต.สรศักดิ์ สิทธิธีรกุล สว.กก.1 บก.ปทส.พร้อมเจ้าหน้าที่กรมประมง เข้าตรวจค้นอาคารไม่มีเลขที่ภายในซอยโพธิ์แก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวลักลอบค้าปะการัง และสัตว์ทะเลสวยงามที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง

จากการตรวจค้น พบ นายพันธ์ศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี แสดงตนเป็นผู้ครอบครองอาคาร ภายในอาคารเป็นสถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม มีตู้กระจกพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก เบื้องต้นพบหอยมือเสือ 3 ตัว, ปะการังแข็ง 132 ชิ้น, ปะการังอ่อน 26 ชิ้น, ดอกไม้ทะเล 4 ชิ้น, เปลือกหอยมือเสือ 16 ชิ้น, ซากปะการัง 22 ชิ้น จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน



สอบสวน นายพันธ์ศักดิ์ ให้การว่า หอยมือเสือ ปะการัง ดอกไม้ทะเล นั้นสั่งซื้อจากทางอินเทอร์เน็ต ก่อนนำมาเพาะเลี้ยงเพื่อขายต่อให้กับกลุ่มลูกค้า ในเพจเฟซบุ๊ก ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่นิยมเลี้ยงปลาทะเล ซึ่งจะมีความสวยงามกว่าปลาน้ำจืด ส่วนปะการังก็จะขายชิ้นละ 150 ถึง 800 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด หอยมือเสือขายตัวละ 400 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา "ค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ" ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของกลางทั้งหมดก็จะนำส่งให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งสมุทรสาคร กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง นำไปดูแลรักษาต่อไป


https://mgronline.com/crime/detail/9650000009327

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ผู้ว่าฯระยอง แถลงชัด ยังควบคุมทิศทางคราบน้ำมันรั่วไม่ได้ กันขึ้นเกาะเสม็ด หวั่นกระทบท่องเที่ยว

ผู้ว่าฯระยอง แถลงชัด ยังควบคุมทิศทางคราบน้ำมันรั่วไม่ได้ กันขึ้นเกาะเสม็ด หวั่นกระทบท่องเที่ยว



เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 29 มกราคม ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์กู้คราบน้ำมันรั่วไหล ต.ตะพง อ.เมืองระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายนายอัธยา นวลอุทัย หน.หน่วยป้องกันบรรเทาและสาธารณภัย (ปภ.) จ.ระยอง และนายพงษ์กร ช่อชูวงศ์ ผจก.ฝ่ายบริหารระบบความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อมและอาชีวอนามัย บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว

นายชาญนะกล่าวว่า หลังจากมีคราบน้ำมันกระจายขึ้นฝั่งหาดแม่รำพึง 2 จุด ได้มีการเร่งกำจัดตลอดทั้งวัน โดยการดูดคราบน้ำมันไปจัดเก็บตามกระบวนการที่ถูกต้อง พร้อมกับใช้กระดาษซับคราบน้ำมันบนพื้นทรายจนปริมาณลดลงจำนวนมาก ยังเหลือคราบน้ำมันอีกจำนวนหนึ่ง อยู่ห่างฝั่งประมาณ 3 ไมล์ทะเล จากการจำลองทิศทางการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน ยังไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ขึ้นเกาะเสม็ด ที่อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ สถานการณ์น่าจะดีขึ้น

นายอรรถพลกล่าวว่า ทางกรมควบคุมมลพิษ ได้ผนึกกำลังกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และทุกภาคส่วนในการเร่งกำจัดคราบน้ำมันให้สลายไปเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติการเพิ่มเติมคือ การกันคราบน้ำมันไม่ให้เข้าพื้นที่อุทยานฯเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ดและพื้นที่เกาะเสม็ด ซึ่งเป็นแหล่งปะการังและหญ้าทะเลจำนวนมาก ซึ่งภาพถ่ายดาวเทียมพบว่ามวลคราบน้ำมันก้อนใหญ่สีดำเข้ม มีจำนวน 51 ตร.กม. และคราบน้ำที่เป็นแผ่นฟิล์มบางๆ อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 10 กม. ซึ่งมีทิศทางที่จะเข้าพื้นที่บริเวณก้นอ่าว หาดแม่รำพึง พื้นที่อุทยานฯและอ่าวพร้าวเกาะเสม็ดในวันพรุ่งนี้ จึงต้องเพิ่มโซนวางทุ่นป้องกันเข้าพื้นที่ดังกล่าว

ขณะที่ นายพงษ์กรได้กล่าวเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางบริษัทพร้อมรับผิดชอบเยียวยาทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เหมาะสม ส่วนความชัดเจนสาเหตุการเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน พบจุดรั่วอยู่ที่ท่ออ่อนโหลดน้ำมันลึกประมาณ 25 เมตร โดยจะนำขึ้นมาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงต่อไป


https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_3157543