#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศลาวตอนบน เวียดนามตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในวันนี้ (31 ม.ค. 65) ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. ? 3 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 5 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 1 ? 5 ก.พ. 65 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. ? 5 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ส่วนชาวเกษตรกรบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เรื่องธรรมชาติ กองทัพหอยแมลงภู่ แนวโขดหินริมทะเล หาดสมิหลา นักวิชาการประมงฯ แจงภาพกองทัพหอยแมลงภู่ แนวโขดหินริมทะเล หาดสมิหลา บอกเป็นเรื่องธรรมชาติที่ชาวบ้านเห็นจนชินตา ดูหอยตัวใหญ่ คาดเป็นเพราะมุมกล้อง จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Hongsanart Prachakittikul ได้โพสต์ภาพ "หอยแมลงภู่" จำนวนมากที่ขึ้นอยู่บริเวณแนวโขดหินริมทะเลหาดสมิหลา พร้อมข้อความระบุว่า "หอยแมลงภู่ริมหาดสมิหลา 23/01/2565 แนวโขดหินริมทะเลระหว่างศาลาไทยกับเสาหลักศุลกากรค่ะ" ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าหอยแมลงภู่เหล่านี้มาได้อย่างไร เป็นลางบอกเหตุอะไรหรือไม่ ซึ่งหอยแมลงภู่ที่เห็น จะเป็นหอยตัวเล็ก ขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร เกาะกันแน่นเต็มโขดหิน นายราตรี สุขสุวรรณ์ ผอ.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ให้ข้อมูลว่า หอยแมลงภู่มีขนาดเล็กมาก อายุคงไม่เกิน 2 เดือน ขนาดโดยเฉลี่ยไม่เกิน 2 ซม. จริงๆ เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ และเมื่อโตก็จะถูกเก็บจนหมดไป ซึ่งบริเวณดังกล่าวสภาพน้ำมีความเหมาะสมทำให้มีแพลงก์ตอน เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะทำให้ตัวอ่อนสามารถลงเกาะได้ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เป็นปกติทุกปีที่จะมีหอยแมลงภู่มาเกาะตามโขดหินบริเวณชายหาดสมิหลาแบบนี้ อีกสักประมาณ 2-3 เดือนก็น่าจะโตเต็มที่ จากนั้นก็จะมีชาวบ้านเก็บไปกิน ไปขายกัน ล่าสุด ดร.เพ็ญศรี เมืองเยาว์ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณโขดหิน จุดที่พบหอยแมลงภู่จำนวนมากอาศัยอยู่ ซึ่งห่างจากรูปปั้นนางเงือกประมาณ 200 เมตร จากการสังเกตตามโขดหินพบหอยแมลงภู่จำนวนมาก มีขนาดตั้งแต่ 1 ซม.ขึ้นไป จนถึง 3 ซม. ดร.เพ็ญศรี กล่าวว่า จากกรณีที่พบหอยแมลงภู่จำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นฤดูการวางไข่ ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ คือปกติหอยแมลงภู่จะวางไข่ทั้งปี และช่วงที่วางไข่มากที่สุดจะเป็นช่วงพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงหน้ามรสุมด้วย ในการวางไข่ช่วงแรกลูกหอยแมลงภู่จะมีลักษณะล่องลอยไปกับน้ำ พอช่วงหน้ามรสุมจะมีกระแสน้ำพัดพามา จากนั้นลูกหอยแมลงภู่ตั้งแต่ 15 วันขึ้นไป หรือ 17-21 วัน ลูกหอยจะอยู่ในระยะลงเกาะ ซึ่งกระแสน้ำจะพัดพาไปในที่ที่มีการยึดเกาะ นอกจากนี้หากสังเกตบริเวณหาดสมิหลา ก็จะมีโขดหินซึ่งเป็นที่ยึดเกาะของลูกหอย ซึ่งเมื่อกระแสน้ำพัดพามา เราก็จะเห็นลูกหอยแมลงภู่เกาะอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนทั่วไปอาจจะมองว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของหาดสมิหลา แต่โดยทั่วไปจริงๆ แล้วเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ และสิ่งที่ทำให้ลูกหอยมีชีวิตรอดอยู่จากสภาวะแวดล้อมและอาหาร ซึ่งลูกหอยเป็นสัตว์กรองกินแพลงก์ตอน หรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในน้ำ และบริเวณหาดสมิหลาซึ่งเปรียบเหมือนปากทะเลสาบเป็นจุดที่น้ำจืดน้ำทะเลไหลมารวมกัน ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ของอาหารธรรมชาติ เช่น แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ ซึ่งเป็นอาหารของลูกหอยได้เป็นอย่างดี ส่วนภาพในโซเชียลที่พบว่ามีหอยแมลงภู่จำนวนมากและขนาดใหญ่นั้น โดยปกติระดับน้ำขึ้นลงในแต่ละวันนั้นจะไม่เท่ากัน และขนาดลูกหอยที่เราเห็นนั้นขนาดประมาณ 2-3 ซม. โดยปกติหอยแมลงภู่จะเจริญเติบโตเดือนละ 1 ซม. เพราะฉะนั้นหอยแมลงภู่ที่พบนั้นก็น่าจะประมาณ 2-3 ซม. ถ้านำมาเปรียบเทียบภาพในโซเชียลคิดว่าน่าจะเป็นมุมกล้องมากกว่า จากที่เก็บตัวอย่างหอยแมลงภู่มาเปรียบเทียบขนาดก็ขนาดอายุไม่เกิน 3 ซม. หรือ 3 เดือนเท่านั้น. https://www.thairath.co.th/news/local/south/2301162
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ผลชันสูตรซาก "โลมา-เต่ากระ" ตายกลางทะเลออกแล้ว อธิบดีฯ เผยสาเหตุ ทช. เผยผลชันสูตรซาก "โลมา-เต่ากระ" ในพื้นที่น้ำมันรั่วระยอง ไม่พบการปนเปื้อนคราบน้ำมันทั้งภายใน-ภายนอก ระบุโลมาตายแล้ว 7-10 วัน ส่วนเต่ากระตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-7 วัน ชี้ซากเน่ามากไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายได้ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตามที่มีการพบเห็นซากเต่าและโลมา ในพื้นที่การเกิดน้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อกลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง ในวันนี้ สัตว์แพทย์กรมทรัพยากรฯ ผ่าชันสูตรซากแล้ว มีผลดังนี้ 1. ซากโลมาที่พบเป็นโลมาปากขวดอินโดแปซิฟิก (indo-pacific bottlenose dolphin: Tursiops aduncus) ขนาดความยาวซากที่เหลืออยู่ 2.35 เมตร สภาพซากเน่ามาก (advanced decomposition หรือที่ระดับ 4/5) จากสภาพซาก โลมาตัวนี้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7-10 วัน จากการตรวจสอบกล้ามเนื้อและผิวหนังหลุดร่อน อวัยวะหลายส่วนได้หลุดหายไปเนื่องจากผนังช่องท้องได้เปิดออกจากการเน่าตามธรรมชาติ ทางเดินอาหารพบ gastric content เล็กน้อย ตลอดทางเดินหายใจและทางเดินอาหารไม่พบสิ่งแปลกปลอม และคราบน้ำมัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาพเน่ามาก ไม่สามารถหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนได้ 2. ซากเต่าทะเลที่พบเป็นเต่ากระ (Hawksbill turtle: Eretmochelys imbricata) ขนาดกระดองกว้าง 74 เซนติเมตร กว้าง 83 เซนติเมตร เพศเมีย อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ สภาพซากเน่ามาก (advanced decomposition หรือที่ระดับ 4/5) เป็นเต่าที่เกิดและโตในธรรมชาติไม่พบหมายเลขไมโครชิพและแถบเหล็กระบุตัวตน จากการตรวจสอบจากสภาพซากเต่าได้เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 5-7 วัน เต่าทะเลมีไขมันสะสมตามช่องท้องค่อนข้างน้อย บ่งบอกการป่วยที่เรื้อรัง ตลอดทางเดินอาหารพบอาหารตามธรรมชาติเล็กน้อย ได้แก่ ปะการังอ่อน เปลือกหอย ไฮดรอยเป็นต้น ทั้งนี้ยังพบ ขยะทะเลจำนวนหนึ่ง เช่น ถุงพลาสติก เศษเชือก เศษกระสอบ หนังยางรัดแกง แต่ไม่พบการอักเสบของทางเดินอาหาร ทั้งนี้ไม่พบการปนเปื้อนหรือคราบน้ำมัน ทั้งภายในและภายนอกของเต่าทะเล อย่างไรก็ตามเนื่องจากซากเน่ามากทำให้ไม่สามารถสรุปหาสาเหตุการตายได้ https://www.dailynews.co.th/news/717105/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
หวั่นซ้ำรอยอ่าวมาหยา! กรอ.กระบี่ห้ามถ่ายหนัง MEG 2 ที่อ่าวไร่เล ชี้ผลเสียมากกว่าได้ กระบี่ - หวั่นซ้ำรอย "อ่าวมาหยา" เวที กรอ.จังหวัดกระบี่ ไม่เห็นด้วยกับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง MEG 2 ที่อ่าวไร่เล แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกระบี่ แจงเหตุผลขัดกับปรัชญาการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และขัดกับข้อห้ามตามประกาศกระทรวงทรัพย์ฯ ขณะที่อดีตโจทก์ฟ้องอ่าวมาหยา ขานรับ ระบุมีเสียมากกว่าได้ จากกรณีที่ทางนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 2 /2565 ที่ห้องพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เลขที่ 9/10 และเชื่อมโยงผ่านระบบ ZOOM โดยในการประชุม กรอ.ครั้งนี้ได้มีการนำเรื่องการเตรียมการถ่ายทำภาพยนตร์ในจังหวัดกระบี่ เข้าพิจารณาในที่ประชุม ด้วยบริษัท อินโดไชน่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ได้รับมอบหมายจากบริษัท Deep Blue Production ในเครือวอร์เนอร์ บราเธอร์ เป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 16 เมษายน ถึง 9 พฤษภาคม 2565 ซึ่งได้เลือกสถานที่ถ่ายทำในบริเวณหาดพระนาง หาดต้นไทร อ่าวไร่เล และมีการสร้างรีสอร์ตจำลองในพื้นที่โล่งบนฝั่งกระบี่ ใกล้โรงแรมเชลซี โดยจะมีการถ่ายทำฉากสำคัญต่างๆ เช่น ฉากถ่ายทำในทะเล ฉากเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หาดต้นไทร มีการสร้างรีสอร์ตชั่วคราวบริเวณชายหาด และฉากอื่นๆ ประเด็นที่มีการกล่าวถึงกันมาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกขับเจ็ตสกีเข้ามาช่วยเหลือคนที่หน้าหาดไร่เล ซึ่งขัดแย้งกับปรัชญาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ที่ห้ามมีกิจกรรมเจ็ตสกี เรือสกูตเตอร์ เรือลากกล้วย ลากร่ม ร่มชายหาด และ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท้อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ.2559 ซึ่งบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี และเพิ่งขยายระยะเวลาบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ไปอีก 2 ปี ลงนามโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยประกาศนี้ ห้ามกระทำการหรือกิจกรรมใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายในบริเวณ ซึ่งห้ามเรือสกูตเตอร์ เจ็ตสกี ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา มีการประชุมในเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว และมีการพูดถึงเจ็ตสกี ของอุทยานแห่งชาติฯ 2 ลำ และของเจ้าท่า 1 ลำ ที่ได้รับมาก็ไม่กล้าที่จะนำมาใช้ในพื้นที่ ซึ่งจะกลายเป็นว่าจังหวัดกระบี่ขับเจ็ตสกีได้ นอกจากนี้ ในเรื่องการก่อสร้างสะพานหน้าหาด การปิดหาดเพื่อถ่ายทำ ในช่วงระหว่าง 16 เม.ย.-9 พ.ค.65 เป็นระยะเวลาเกือบเดือน ซึ่งจะกระทบต่อผู้ประกอบการ บริษัททัวร์ และนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวไร่เล และมีความประสงค์เดินเที่ยว เล่นน้ำหน้าหาด การสร้างรีสอร์ตชั่วคราวหน้าหาด ตลอดจนฉากที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หาดต้นไทร เป็นต้น นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวในที่ประชุมว่า จำได้ไหมคนกระบี่ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนกระบี่ วันที่ได้ไปเปิดอ่าวมาหยา ไม่ได้ภูมิใจที่ไปเปิด หลังจากที่ต้องปิดมา 3 ปี การสูญเสียทรัพยากร สูญเสียมูลค่าการท่องเที่ยวในระยะเวลา 3 ปี คงคำนวณออกว่าสูญเสียไปเท่าใด หากไม่มีวันนั้น (อนุญาตให้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เดอะบีช) มูลค่าทางการท่องเที่ยวของกระบี่จะเท่าใด บัจจุบันเราจะให้เจออย่างนั้นอีกหรือ สมมติว่าอนุญาตให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีคำถามตามมาว่า ทำไมกองนี้ถ่ายได้ กองนั้นถ่ายไม่ได้ รู้มั้ย ฉากหนึ่งกี่ซีน ที่ทราบมาคร่าวๆ กองถ่ายใช้คน 400 คน "ใช่ผมอยากได้เม็ดเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจของกระบี่ แต่ถ้าสูญเสียเหมือนกรณีถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ใครรับผิดชอบ ผู้ว่าฯ บาป มันอยู่ที่การตัดสินใจของพวกเรา สุดท้ายคนที่โดนด่าคือผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผมรับผิดชอบเอง ขอให้ตัดสินใจกันมา" สรุปคือทำเรื่องไปถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปย้ำประกาศกระทรวงทรัพย์ ของคนที่เซ็นประกาศมาว่า ท่านยังคงศักดิ์สิทธิ์ในการเซ็นหรือไม่ หรือเป็นการอนุญาตเป็นการเฉพาะกรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้กล่าวต่อไปว่า อยากเอามติที่ประชุม กรอ.ยืนยันให้รับทราบว่า คนกระบี่คิดอย่างไร หากทุกคนเห็นด้วย ผมก็เห็นด้วย หรือจะเป็นข้อแม้ก็ได้ ถ้ากังวลเรื่องเม็ดเงิน ขออย่างเดียว อย่าเอาอะไรไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติตามประกาศที่มีอยู่ กองถ่ายปฏิบัติได้มั้ย ที่นี่เป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้กฎหมายไทยเหมือนกัน อะไรจะเกิด อีก 3 ปี ผมก็ไปแล้ว แต่เป็นตราบาปผมไปชั่วชีวิต หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้ขอมติ ซึ่งที่ประชุมไม่อยากให้มาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเพียง 1 รายที่เห็นด้วย และมีผู้เข้าประชุมอีกส่วนหนึ่งที่ไม่แสดงความคิดเห็นด้วยการยกมือว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ด้านนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะชาวกระบี่ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ที่ไม่อนุญาตให้บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว เพราะมีเสียมากกว่าได้ และที่ผ่านมา การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ที่อ่าวมาหยา ทุกคนก็เห็นแล้วว่า ความเสื่อมโทรมทางด้านทรัพยากรมากแค่ไหน ประเมินความเสียหายไม่ได้ ซึ่งสาเหตุที่ตนรู้ดี เพราะว่าตนเป็นคนหนึ่งในขณะที่เป็นนิติกร อบจ.กระบี่ ได้เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง รมต. อธิบดี รวมถึงบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องในสมัยนั้น เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 100 ล้านบาท แต่จนถึงตอนนี้ เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล นายประเสริฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์มักจะอ้างว่าเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และประเทศให้ ซึ่งด้วยศักยภาพของจังหวัดกระบี่ ไม่จำเป็นต้องใช้ภาพยนตร์ในการประชาสัมพันธ์ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย อ่าวมาหยาเป็นต้นแบบความเสียหายจากกองถ่ายทำภาพยนตร์ หากว่าใครอนุญาตให้มีการถ่ายทำเกิดขึ้น เตรียมตัวถูกฟ้อง https://mgronline.com/south/detail/9650000009842 ********************************************************************************************************************************************************* "Adidas" สร้างสนามเทนนิสลอยน้ำจาก "พลาสติกรีไซเคิล" เหนือแนวปะการัง Great Barrier Reef Parley for the Oceans องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านสิ่งแวดล้อม ร่วมมือกับ Adidas ในการออกแบบและสร้างสนามเทนนิสที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล และให้ลอยอยู่เหนือ Great Barrier Reef แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างความตระหนักถึงขยะพลาสติกในมหาสมุทร และหลังการแข่งขัน Parley และ Adidas ได้บริจาคสนามเทนนิสให้กับโรงเรียนในท้องถิ่นเพื่อให้ต่อไป นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเทนนิสในปี 2022 ของ Adidas ยังได้รับการออกแบบโดยใช้พลาสติกรีไซเคิลจากมหาสมุทรของ Parley และได้แรงบันดาลใจจากสีที่พบในแนวปะการัง Great Barrier Reef นับเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมายของบริษัทในการช่วยยุติขยะพลาสติกและยกเลิกการใช้โพลีเอสเตอร์บริสุทธิ์ภายในปี 2025 แชนนอน มอร์แกน ผู้อำนวยการอาวุโส สาขาแปซิฟิกของ Adidas กล่าวถึงการใช้พลาสติกรีไซเคิลของบริษัทว่า "เรารวบรวมพลาสติกจากชุมชนริมชายฝั่งก่อนที่มันจะลงเอยในมหาสมุทร และเปลี่ยนให้เป็นเส้นด้าย นักกีฬาของเราในสนามที่ Australian Open สวมเสื้อผ้าเหล่านี้ เรากำลังใช้การแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปของเรา เพื่อแสดงถึงความงดงามของแนวปะการังอย่างแท้จริง? ทั้งนี้ รายงาน THAIHEALTH WATCH 2021 พบว่า ปัญหาขยะทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติก กำลังเป็นภัยคุกคามระบบนิเวศทางทะเล เนื่องจากทุกๆ ปีจะมีขยะพลาสติก 12 ล้านตันถูกทิ้งลงสู่ทะเลและมหาสมุทร โดยมีเพียง 5%ที่พบเห็นเป็นชิ้นส่วนลอยอยู่ในทะเล ส่วนที่เหลือจมอยู่ใต้น้ำหรือถูกกระแสน้ำพัดไปอยู่ใต้ท้องมหาสมุทรทั่วโลก โดยในปี 2562 มีหลักฐานการพบเศษขยะทะเลพลาสติกอยู่ที่ก้นร่องลึกก้นสมุทรมาเรียน่า (Mariana Trench) ซึ่งเป็นร่องสมุทรที่ลึกที่สุดในโลก ที่ระดับ 11 กิโลเมตรต่ำกว่าระดับทะเล นอกจากนี้ รายงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยจอร์เจีย และสมาคมการศึกษาทางทะเล (Sea Education Association) ในรัฐแมสซาชูเซทส์สหรัฐฯ ที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Science Advances ระบุว่า ขยะพลาสติก 6,300 ล้านตันที่ทิ้งในปี พ.ศ.2558 มีเพียงร้อยละ 9 เท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล ร้อยละ 12 ถูกนำไปเผาซึ่งก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และที่เหลือร้อยละ 79 ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม หากการผลิตพลาสติกและแนวโน้มการกำจัดของเสียยังคงดำเนินเช่นปัจจุบัน จะมีพลาสติกปริมาณ 1.2 หมื่นล้านตันที่ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม หรือมีน้ำหนักเทียบเท่ากับวาฬสีน้ำเงิน 100 ล้านตัว หรือคิดเป็น 5,000 เท่าของประชากรวาฬสีน้ำเงินที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ https://mgronline.com/greeninnovatio.../9650000009729
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|