![]() |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลางมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ประเทศลาว และทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 1 ? 3 ก.พ. 65 ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นเป็นบางแห่ง และมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 6 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้บริเวณภาคเหนือมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกเป็นบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 4 ? 6 ก.พ. 65 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นโดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงแระมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 1 ? 3 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย ส่วนชาวเกษตรกรบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 6 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ และชาวเกษตกรในบริเวณภาคเหนือ ควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ ![]() ![]() ![]()
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
"ดร.ธรณ์" เผย "น้ำมันรั่วระยอง" ยังประเมินความเสียไม่ได้ "ดร.ธรณ์" เผย "น้ำมันรั่วระยอง" ยังประเมินความเสียไม่ได้ เหตุการณ์ยังไม่จบ ห่วงการท่องเที่ยวเสียหาย อย่างน้ำมันเข้าหาดแม่รำพึง แต่คนก็ไม่ไปเที่ยวตั้งแต่ระยอง สัตว์น้ำก็ขายไม่ได้ แนะเสนอข่าวให้ชัดเจนว่าจุดไหนที่ได้รับผลกระทบ ![]() วันที่ 31 ม.ค. 2565 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "น้ำมันรั่วระยอง ผลกระทบที่ยังไม่จบ ?" ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวถึงความเสียหายกรณีน้ำมันรั่วระยอง ว่า หาดแม่รำพึงเป็นหาดทราย ไม่มีปะการัง ไม่มีหญ้าทะเล แต่มีสิ่งมีชีวิต เด่น ๆ ก็หอยเสียบ ปูทหาร พวกที่ได้รับผลกระทบก็สัตว์ที่ว่ายน้ำหนีไม่ได้ น้ำมันมาก็ถูกทับไป ส่วนอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด มีแนวปะการัง แต่ตอนนี้น้ำมันไม่ได้เข้าถึงขั้นที่จะเป็นแบบเมื่อหลายปีก่อน ผลกระทบยังไม่ชัดเจน แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวัง ไปที่สวนสน บ้านเพ ตรงนั้นมีหญ้าทะเล จากประสบการณ์คราวก่อน หญ้าทะเลผลกระทบจะไม่มากเท่าปะการัง ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวอีกว่า จุดที่น่าห่วงตอนนี้คือบริเวณอ่าวพร้าว เพราะคราบน้ำมันกำลังเข้าใกล้เกาะเสม็ดมากขึ้น คราบดำ ๆ ที่หาดแม่รำพึงก็จะน้อยลง ไปที่อ่าวพร้าวมากขึ้น ความเสียหายยังประเมินไม่ได้ตอนนี้ถ้ามันยังไม่จบ แต่เราสามารถบอกได้ว่าก่อนที่จะเกิดครั้งนี้ เรามีบทเรียนมาก่อน ทางคณะประมง กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งก็ทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นเรามีข้อมูลก่อนที่น้ำมันจะมา ครั้งนี้เราจึงมีเวลาที่จะเตรียมการ แต่ก็คาดเดาได้ยาก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รายวัน เมื่อถามว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า ปกติน้ำมันจะเข้ามาเป็นลิ่ม ผ่านไปก็จะเริ่มมาเป็นคราบเป็นฟองเป็นเหลื่อม ๆ ในที่สุดก็เป็นก้อนน้ำมันดิบ ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 2-3 สัปดาห์ หรืออาจจะเป็นเดือน หากเทียบกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่อ่าวพร้าวเมื่อ 9 ปีก่อน ครั้งนั้นน้ำมันอัดมาที่เดียวกันสะสมอยู่ในอ่าวพร้าว ปากอ่าวแค่ 500 เมตร หาด 400 เมตร แต่ครั้งนี้มันแผ่กว้าง หาดแม่รำพึงยาว 13 กิโลเมตร คราวนี้ผลกระทบต่อจุดมันจะเบากว่า แต่พื้นที่กว้างกว่าเยอะมาก ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวต่ออีกว่า ข้อมูลทางวิชาการมันมีค่าต่อการเยียวยา ตนไม่ได้เป็นคนประเมินการเยียวยา แต่บอกได้ว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตรงไหนแดงเข้ม และร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเล ท้ายที่สุดขบวนการมันไม่จบภายใน 3 เดือน 6 เดือน ต้อเป็นไปตามขบวนการศาล ผลกระทบบอกได้ยาก เพราะบอกว่าน้ำมันเข้าหาดแม่รำพึง คนก็ไม่ไปเที่ยวตั้งแต่ระยองแล้ว บางทีจับสัตว์น้ำได้ก็ขายไม่ได้ ไม่มีนักท่องเที่ยวจะไปขายใครล่ะ ปัญหามันเกิดจากเอกชน ภาครัฐก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่นทำไมไม่เอาเรือประมงไปช่วยเก็บ การที่ภาครัฐเอาเงินไปซื้อน้ำมันให้เอกชน คนอนุมัติติดคุกนะ ส่วนเรื่องของชาวบ้าน บอกให้เขาเลิกจับปลาหรืออะไรก็ตาม ต้องเยียวยาเขาด้วย ไม่ใช่ให้เขาเลิกทำเฉย ๆ เพราะว่าพี่น้องประมงพื้นบ้านทำประมงกันอย่างเดียวไม่ได้มีอาชีพเสริมด้านอื่น แล้วก็เรื่องของผู้ประกอบก็ขาดรายได้ไปเยอะ บริษัทที่เป็นต้นเหตุ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เขาก็ทำตามคู่มือต่างประเทศ แต่ในความเป็นจริงจะเหมือนหรือเปล่าก็ต้องสืบสวนสอบสวน ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวด้วยว่า เวลาข่าวออกไปต้องชัดเจนว่าผลกระทบอยู่ตรงไหน ตอนนี้ที่แม่รำพึง เกาะเสม็ดยังไม่แน่ แหลมแม่พิมพ์ ตอนนี้เช็กยังไม่มีคราบน้ำมัน ต้องเอาให้ชัด ไม่เช่นนั้นเดือดร้อนกันค่อนข้างเยอะ https://mgronline.com/onlinesection/.../9650000010349
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
รู้ยัง? ระนองมี "ภูเขาไฟใต้ทะเล" ห่างไทย 700 กม. ![]() กรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันไทยก็มีภูเขาไฟใต้ทะเลห่างจาก จ.ระนอง 700 กิโลเมตร ซึ่งใกล้กับจุดที่เฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิมุดตัวระหว่างแผ่นเปลือกโลกอินเดียออสเตรเลียและแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย กรมทรัพยากรธรณี ชี้มีจริง ส่วนบนบกดับสนิทแล้วที่ปราสาทพนมรุ้ง กรณีเกิดภูเขาใต้ทะเลระเบิดที่ประเทศตองกา เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิ จนในมหาสมุทรแปซิฟิกหลายประเทศ หลายประเทศออกคำเตือนสึนามิสูง 1.2 เมตรซัดเข้าหาชายฝั่ง โดยหลายประเทศรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน เช่น ฟิจิ และวานูอาตู วันนี้ (31 ม.ค.2565) เฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center Thailand ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ยืนยันกรณีที่กระแสข่าวว่า พบภูเขาไฟใต้ทะเลห่างจาก จ.ระนอง 700 กิโลเมตร เป็นจุดเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิ โดยทางเพจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ระบุว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง พบภูเขาไฟใต้ทะเลห่างจาก จ.ระนอง 700 กิโลเมตร เป็นจุดเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้นเป็นข้อมูลจริง พบภูเขาไฟใต้ทะเลห่างจาก จ.ระนอง 700 กิโลเมตร เป็นจุดเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิแนวมุดตัวระหว่างแผ่นเปลือกโลกอินเดียออสเตรเลียกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย เป็นบริเวณที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นประจำและมีภูเขาไฟกระจายอยู่ตามแนวมุดตัวนี้อยู่แล้ว ตามแนวหมู่เกาะอันดามันนิโคบาร์ และหมู่เกาะสุมาตรา ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากแนวชายฝั่งตะวันตกของประเทศไทยไปประมาณ 600-700 กิโลเมตร ส่วนสาเหตุการเกิดสึนามิที่สามารถสร้างความเสียหายได้ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีการยกมวลน้ำเป็นบริเวณกว้างมากกินพื้นที่หลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งต่างจากการระเบิดของภูเขาไฟที่เป็นจุดเดียว และพื้นที่การยกตัวของมวลน้ำไม่มาก อย่างไรก็ตาม ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดสึนามิในบริเวณฝั่งอันดามัน กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแจ้งเตือนการเกิดสึนามิไปสู่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ นายสุวิทย์ โควสุวรรณ ผอ.ส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง กรมทรัพยากรธรณี ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ภูเขาไฟใกล้ จ.ระนองมีจริง แต่ไม่ได้มีความเสี่ยงแบบกรณีของภูเขาไฟใต้ทะเลตองกา ที่เป็นภูเขาไฟใต้น้ำยอดปล่องทะลเหนือทะเล 150 เมตร ส่วนภูเขาไฟที่ใกล้จ.ระนอง ชื่อบาเร็น Barren Volcano ซึ่งอยู่บนเกาะนิโคบาร์อันดามัน เป็นเกาะขนาดใหญ่มีภูเขาไฟอยู่บนเกาะที่ผ่านมามีการปะทุแต่ไม่มีเคยมีลาวาลงทะเล และอยู่บนเกาะ "ภูเขาไฟบาเร็น Barren Volcano อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นภูเขาไฟที่ใกล้ไทยมากที่สุด ประวัติเคยปะทุ แต่ไม่อันตรายเท่าตองกา ส่วนปล่องภูเขาไฟบนบกในไทย มีที่จ.บุรีรัมย์์ ดับสนิทไปแบ้ว 1 ล้านปีเป็นที่ตั้งปราสาทพนมรุ้ง เป็นภูเขาที่ดับสนิทแล้ว " https://news.thaipbs.or.th/content/312181
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|