|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียว มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย และชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 24 ? 26 ก.พ. 65 ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณเกาะบอร์เนียวจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง โดยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ. ? 1 มีนาคม 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 24 -26 ก.พ. 65 ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2565 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 26 -27 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ในช่วงวันที่ 24 - 26 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียว มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ทำให้ภาคใต้บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร สำหรับทะเลอันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 24 - 26 ก.พ. 65
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ผ่านไป 4 ปี คืนสวรรค์สู่ "อ่าวมาหยา" ปะการังน้ำตื้นกลับมาแล้ว (ภาพจากเฟสบุค Thon Thamrongnawasawat) |ดร.ธรณ์| เผยภาพปะการังน้ำตื้นที่อ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลังจากปิดอ่าวเพื่อการฟื้นฟูไปหลายปี ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศน์ทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Thon Thamrongnawasawat" ระบุว่า กุมภาพันธ์ 2561 ผมยืนมองอ่าวมาหยา อ่าวที่มีแต่ปะการังตาย เรือมากมาย คนมากมาย เข้ามาในนี้ทุกวัน ผมมีความฝัน? ความฝันเล็กๆ ที่เหมือนน้ำหยดน้อยๆ เติมลงแก้วทีละนิดละหน่อย แล้วน้ำก็เต็มแก้ว แล้วความฝันก็ทะลักล้น ผมถ่ายภาพไว้ ก่อนกลับไปประชุมที่ปรึกษากรมอุทยานฯ ร่วมกับเพื่อนพ้องนักวิชาการ พี่น้องคนกรมอุทยาน และผู้เกี่ยวข้องทั้งมวล เราเสนอให้ปิดฟื้นฟูอ่าวมาหยา ???????????????????? กุมภาพันธ์ 2564 สี่ปีผ่านไป ดงปะการังน้ำตื้นขนาดมหึมาปรากฏ ครอบคลุมพื้นที่เดิมทีมีเพียงปะการังตาย ชีวิตลามไปทุกทิศทาง หย่อมนั้นหย่อมนี้ ปะการังบางส่วนที่เกิดจากความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่อุทยาน อาสาสมัคร ผู้ประกอบการบนเกาะพีพี ช่วยกันปลูกเกือบ 4 หมื่นกิ่ง ส่วนหนึ่งเกิดตามธรรมชาติ เมื่อเราให้โอกาส เธอจะกลับมา และกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ดงปะการังน้ำตื้นแห่งอ่าวมาหยา กลับมาแล้วครับ !!! เธออาจยังไม่สวยหลากหลายเทียบเท่าความทรงจำของผมเมื่อ 40 ปีก่อน แต่กล้าบอกว่า นี่คืออ่าวมาหยาที่มีปะการังมากที่สุดในรอบ 15-20 ปี นี่คือปรากฏการณ์ที่ร้องตะโกนไชโยได้ด้วยความดีใจ คือการกู่ร้องบอกรักทะเลให้ลั่นโลก ไม่ต้องการตัวเลข ไม่ต้องการกราฟ/ตาราง สิ่งที่ตาเห็น คือสิ่งที่เป็นจริง คือประจักษ์พยานของการ ?เปลี่ยน? ครั้งสำคัญสุด วันหนึ่งวันหน้า หากคนชาติไหนภาษาใด บอกว่าคนไทยรักษาทะเลไม่ได้ ทำเป็นแค่หาเงินจากการถลุงทะเลเยอะๆ ผมจะนำภาพนี้ให้ดู พร้อมบอกว่ายูทำให้ไอเห็นหน่อย เปลี่ยนจากอ่าวที่มีเรือวิ่งเข้าออกทอดสมอวันละหลายร้อยลำ จากหาดที่เห็นแต่หัวคน จากพื้นทะเลที่เป็นเหมือนสุสาน เปลี่ยนให้เป็นอ่าวที่เต็มไปด้วยปะการัง เต็มไปด้วยฉลาม เต็มไปด้วยชีวิต เปลี่ยนให้ได้ภายใน 4 ปี ! ทำให้ไอดู แล้วยูถึงมีสิทธิบอกว่าคนไทยไม่รักทะเล !!! ^ ?????????? ???????? ทุกท่านที่ช่วยกันคืนสวรรค์สู่อ่าวมาหยา ยิ่งขอบคุณทุกท่านที่จะช่วยรักษาอ่าวมาหยาต่อไป ปฏิบัติตามกฏอุทยานอย่างเคร่งครัด แล้วสวรรค์จะคงอยู่ จะไม่ต้องบอกลูกหลานว่าอ่าวมาหยาสมัยพ่อแม่เคยสวยแค่ไหน ลูกเรา หลานเรา จะเห็นด้วยตาของเขาและของเธอ? ทั้งนี้ "อ่าวมาหยา" ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ถูกประกาศปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมมาตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2561 และเพิ่งเปิดให้เข้าท่องเที่ยวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวได้รอบละ 375 คน ระยะเวลา 1 ชั่วโมง และห้ามลงเล่นน้ำทะเลบริเวณหน้าชายหาดอ่าวมาหยาโดยเด็ดขาด https://mgronline.com/travel/detail/9650000018405
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
ทร. พบคราบของเสียคล้ายน้ำมันรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ใกล้เกาะจวง สัตหีบ 24 ก.พ.2565 - พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือโดย ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ได้รับรายงานจากเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ว่าพบคราบของเสียลักษณะคล้ายน้ำมัน รั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง ในพื้นที่ห่างจากเกาะจวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร จึงได้ส่ง เฮลิคอปเตอร์จากกองการบินทหารเรือขึ้นบินสำรวจซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคราบของเสียดังกล่าวรั่วไหลเป็นแนวยาวออกมาจากเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ SMOOTH SEA ประเภท TANKER ซึ่งขณะนั้นกำลังเดินเรือผ่านเกาะอิเลาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจึงได้ทำการบันทึกภาพและคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน โดยในเวลาต่อมา พบว่าเรือลำดังกล่าว ได้จอด อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะสีชัง ในการนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1ได้ประสานไปยัง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาคที่ 1 จัดเรือเข้าตรวจสอบ โดย ศูนย์อำนวยการรักษาประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 ได้จัดชุดสหวิชาชีพ พร้อม เรือ ต. 112 และเรือ ต. 114 เข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งความคืบหน้า จะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่าหากผลการตรวจสอบพบว่าเป็นการทิ้งของเสียลงในทะเล จะถือเป็นความผิด ตาม พระราชบัญญัติเดินเรือน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 119 ทวิ ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใดเท ทิ้ง หรือทำด้วยประการใด ให้น้ำมันและเคมีภัณฑ์หรือสิ่งใด ๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านน้ำไทยอันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือต่อ สิ่งแวดล้อมหรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือในแม่น้ำ ลำคลอง บึงอ่างเก็บน้ำหรือทะเลสาบดังกล่าวผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษหรือชดใช้ค่า เสียหายเหล่านั้นด้วย https://www.thaipost.net/general-news/91815/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|