เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 15-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 15 กรกฏาคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 15 ? 17 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร บริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 18 ? 20 ก.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงอีก ทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 15-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักวิทยาศาสตร์ค้นพบฟอสซิลของสัตว์คล้ายกุ้ง 3 ตา เมื่อ 500 ล้านปีก่อน



การค้นพบซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลเนื้อเยื่ออ่อนนั้นหายาก เพราะฟอสซิลส่วนใหญ่จะเป็นกระดูกหรือส่วนต่างๆของร่างกายที่มีความแข็ง เช่น ฟัน โครง กระดูกภายนอก ในขณะที่สมองและเส้นประสาท จะประกอบด้วยสาร คล้ายไขมันที่ปกติแล้วจะไม่รอดกลายมาเป็นฟอสซิลได้ แต่การศึกษาซากสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งที่พบในแหล่งสะสมฟอสซิลในเทือกเขาร็อกกี้ รัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ได้ไขความกระจ่างใหม่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสมองอาร์โธรพอด (arthropod)

ทีมวิจัยนำโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ในแคนาดา เผยว่า ซากดังกล่าวเป็นฟอสซิลเนื้อเยื่อสมองของสิ่งมีชีวิตคล้ายกุ้ง 3 ดวงตา ปากกลม มีฟันเรียงราย มีกรงเล็บด้านหน้าและมีหนาม แหวกว่ายในมหาสมุทรเมื่อ 500 ล้านปีก่อน เป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วของลำดับวิวัฒนาการอาร์โธรพอด ชื่อว่า Stanleycaris มีความเชื่อมโยงกับแมลงและแมงมุมยุคปัจจุบัน รูปลักษณ์ของ Stanleycaris แม้จะดูแปลกประหลาด แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ดึกดำบรรพ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เผยว่า การมีดวงตาที่ 3 ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางศีรษะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือการพบเนื้อเยื่อสมองที่ถูกเก็บรักษาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ทั้งนี้ ในการศึกษาตัวอย่างฟอสซิลของ Stanleycaris กว่า 250 ตัวอย่าง ที่มีอายุย้อนหลังไป 506 ล้านปี ทีมวิจัยพบว่าสมองและระบบประสาทส่วนกลางยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในฟอสซิล 84 ตัว การค้นพบนี้จึงเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจว่าพวกมันมีหน้าตาเป็นอย่างไรและอาศัยอยู่อย่างไรเมื่อในอดีต.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2443742

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 15-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


นักท่องเที่ยวแตกตื่น เจอ 'ช้างน้ำ' ลุยหาด เผ่นหนีแทบไม่ทัน

ครอบครัวนักท่องเที่ยวที่กำลังนั่งชมวิวริมทะเล ถึงกับต้องลุกหนีเมื่อจู่ ๆ ก็มี 'ช้างน้ำ' ขึ้นจากทะเลมาโดยไม่สาเหตุและมุ่งตรงมาหาพวกเขา



เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 เพจข่าว 'Noticias CD Constituci?n bcs' ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ความยาว 30 วินาที ซึ่งบันทึกภาพของครอบครัวนักท่องเที่ยวที่กำลังนั่งชมวิวอยู่ริมหาดในรัฐบาฮาคาลิฟอร์เรียซูร์ ประเทศเม็กซิโก ต้องประสบเหตุไม่คาดฝันจากสัตว์ขนาดใหญ่ที่บุกขึ้นมาจากทะเล

สัตว์ที่ปรากฏในคลิปคือแมวน้ำช้างหรือที่คนทั่วไปมักเรียกกันว่า 'ช้างน้ำ' ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมาก แต่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันพุ่งเข้าหาบริเวณที่ครอบครัวนักท่องเที่ยวกำลังนั่งอยู่จนพวกเขาต้องรีบลุกหนี เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน โดยมีเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้น ขณะที่เด็กน้อยในกลุ่มมีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ และหลบไปด้านข้าง แต่ก็มองสัตว์ตัวยักษ์แบบไม่วางตา

เหตุการณ์ในคลิปจบลงที่เจ้าแมวน้ำช้างนอนนิ่งอยู่บนหาด เพจของ Noticias CD Constituci?n bcs ไม่ได้ให้รายละเอียดประกอบคลิปมากนัก แต่สันนิษฐานว่า แมวน้ำช้างตัวนี้เพียงแต่มองหาสถานที่พักผ่อนที่ถูกใจเท่านั้นเอง

แมวน้ำช้างสายพันธุ์ซีกโลกเหนือเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดของวงศ์แมวน้ำในแถบซีกโลกเหนือ เมื่อโตเต็มที่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำที่หากินอยู่ในทะเลชนิดนี้อาจมีน้ำหนักตัวมากถึง 5,000 ปอนด์หรือประมาณ 2,260 กก. ถิ่นที่อยู่ของมันมีอาณาบริเวณกว้างมาก ตั้งแต่มหาสมุทรแปซิฟิกเขตกลางและเขตตะวันออก จากอลาสกาไปจนถึงบาฮากาลิฟอร์เนีย

นอกเหนือจากฤดูผสมพันธุ์ซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ไปจนถึงเดือน มี.ค. ของอีกปี แมวน้ำช้างเหล่านี้จะใช้เวลาหากินส่วนใหญ่อยู่ในทะเล สัตว์ประเภทนี้สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 2,500 ฟุต หรือประมาณ 760 เมตรเพื่อล่าเหยื่อ ซึ่งได้แก่ ปลาและปลาหมึกเป็นหลัก แต่พวกมันก็สามารถกินปลาฉลามหรือปลากระเบนได้ด้วย


https://www.dailynews.co.th/news/1246926/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 15-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


'ดร.ธรณ์' ทึ่ง! ชวนเที่ยว 'ป่าในเมืองระยอง' ทางเดินป่าชายเลน 7 กม. ยาวสุดในโลก



14 ก.ค.2565 - ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพป่าชายเลน จังหวัดระยอง พร้อมระบุข้อความว่า เพื่อนธรณ์รู้ไหมครับ เมืองระยองมีทางเดินในป่าชายเลน mangrove boardwalk ที่อาจจะยาวสุดในโลก

ป่าแห่งนี้อยู่ในการดูแลของกรมทะเล ใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำโครงการนี้เสร็จสิ้นทั้ง 4 ส่วน จนถึงปีนี้เปิดเต็มรูปแบบ ทางเดินยาว 7 กิโลเมตร

7 กม. ! ผมพยายามค้นว่ามีที่ไหนในโลกยาวกว่าที่นี่ คำตอบคือยังไม่เจอครับ ขนาดออสเตรเลียยังแค่ 2.5 กม. ถ้าใครฟิตเดินครบทั้งเส้นทางไป/กลับ 14 กิโลเมตร สตรองเลยครับ

ที่แจ่มสุดๆคือทางเดินตั้งอยู่ในเมือง ไม่ต้องขับรถไปไหนไกล รอบด้านมีทั้งหาดทั้งโรงแรมทั้งร้านอาหารทั้งคาเฟ่สารพัด กรมทะเลจึงตั้งชื่อว่า "ป่าในเมือง" แต่เป็นป่าชายเลน จึงเต็มไปด้วยพืชสัตว์นานาชนิด มีแม้กระทั่งปลาตีนตัวโตเท่าแขนเด็กสิบขวบ

ผอ.ภุชงค์ กรมทะเล (ระยอง/จันท์/ตราด) กรุณานำชมโครงการ อธิบายให้ฟังตั้งแต่ภาพรวม เส้นทางต่างๆ ยังพาผมลงเรือไปล่องป่าด้วยฮะ

ผมใช้เรือกรมทะเล แต่ที่นี่มีเรือพี่ๆ ชาวบ้านคอยให้บริการ สำหรับนักท่องเที่ยวเหมาลำแค่ 300 บาท หารกันแล้วเหลือคนละไม่กี่สิบ แต่ถ้าไม่ลงเรือ แค่เดินอย่างเดียวล่ะ ? คำตอบคือไม่เสียตังเลยสักบาท มีที่จอดรถอย่างดี ห้องน้ำสะอาด เดินบนทางดูนี่นั่น อะไรๆ ก็ไม่เสียเงิน ขอบคุณกรมทะเลครับ

กลางคืนเขาว่ามีหิ่งห้อยเยอะเลย แต่ยังไม่เปิดให้ชม เพราะต้องปิดตอน 18.30 น. เนื่องจากค่ำมืดดูแลยาก

เนื่องจากเป็นของฟรี จึงไม่มีคำติอะไร มีแต่คำชม ปิดตอนไหนก็ตามเหมาะสมครับ

ผมถามผอ. คนเยอะไหมฮะ คำตอบคือวันหยุดเกิน 2 พันคน แต่ไม่แออัดเพราะยาว 7 กม. เดินไปตรงไหนก็ได้ ทุกคนมีมุมของตัวเอง หนุ่มสาวถ่ายภาพ พ่อแม่สอนลูกดูสัตว์ ฯลฯ น่าเสียดายที่ป้ายสื่อความหมายน้อยไปหน่อย แต่เข้าใจได้เพราะงบจำกัด

จึงอยากฝากข้อความถึงเพื่อนธรณ์ที่ทำบริษัทต่างๆ หากอยากสนับสนุนเรื่องเรียนรู้ธรรมชาติ ที่นี่แหละใช่เลย

ทางเดินยาวสุดๆ คนเพียบ ทุกอย่างมีอยู่แล้ว ขาดแต่สื่อความรู้ที่สาสมศักดิ์ศรีทางชั้นดีปานนี้ ไม่ต้องคิดอีเวนต์ให้มากมาย ไม่ต้องตั้งกลุ่มเป้าหมายทีละร้อยสองร้อย วันเดียว 2 พัน ป้ายดีๆ อยู่ได้ 2-3 ปี เป็นแสนๆ คนเลยนะ

ผมเองยังกะว่าจะเอาป้ายคณะประมง มาลงสักป้ายเลยฮะ เล็งเป้าไว้เรียบร้อย จึงเชิญชวนเพื่อนธรณ์ที่ไปมาผ่านเมืองระยอง ลองแวะมาป่าในเมือง

มาเดินฟรีๆ บน mangrove boardwalk ที่อาจยาวที่สุดในโลก !

มาทางไหน แค่เสิร์ช ?ป่าในเมือง ระยอง? แค่นี้ก็เจอแล้วครับ มีที่จอดรถฮะ


https://www.thaipost.net/general-news/181018/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 15-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


สายพันธุ์ฉลามในน่านน้ำไทย "ยังวิกฤต" คนไทยยังนิยม "เมนูหูฉลาม"



ไวล์ดเอดเผยฉลามในน่านน้ำไทยกว่าครึ่งยังอยู่ในสภาวะ "มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์-ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง" ในขณะที่ความนิยมเมนูหูฉลามในเมืองไทย "ยังไม่ลด"

ดึงคนดัง "มารีญา-ป้อง ณวัฒน์" ร่วมรณรงค์ย้ำ #ฉลองไม่ฉลาม รับวันรักษ์ฉลาม (Shark Awareness Day) 14 ก.ค. ซึ่งปีนี้เน้นประเด็นผลกระทบต่อระบบนิเวศทะเลหากสายพันธุ์ฉลามน้อยลงหรือหายไป

ด้านกรมประมงเผยกำลังจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks)


สายพันธุ์ยังวิกฤต-ประมงเกินขนาดเพื่อหูฉลาม

"การประเมินสถานภาพทางการอนุรักษ์ของฉลามในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2563 โดยสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พบว่า ฉลามที่พบได้ในน่านน้ำไทยกว่าครึ่ง หรือ 47 ชนิด จาก 87 ชนิด มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable) ไปจนถึงใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically endangered) จากการทำประมงเกินขนาดและการถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้

ส่วนการประเมินความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของปลาฉลามและปลากระเบน ทั่วโลกครั้งใหม่ โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่เผยแพร่ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว พบว่า 1 ใน 3 ของสายพันธุ์ฉลามและกระเบนทั่วโลก กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์จากการจับปลาเกินขนาดเพื่อนำทุกชิ้นส่วนไปบริโภค? องค์กรอนุรักษ์ "ไวลด์เอด ประเทศไทย" เปิดเผยวันนี้ (14 ก.ค.) เนื่องในวาระShark Awareness Day (วันรักษ์ฉลาม)


แผนชาติ "อนุรักษ์ฉลาม"

"ฉลามไม่ใช่สัตว์น้ำเศรษฐกิจ และไม่ใช่สัตว์น้ำเป้าหมายหลักในการทำประมง จึงไม่มีเครื่องมือประมงประเภทใดในประเทศไทยที่มุ่งจับฉลาม แต่ในทางกลับกัน ฉลามเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญอย่างมากในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล

กรมประมงตระหนักถึงความสำคัญนี้ จึงเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านบริหารจัดการทรัพยากรและการอนุรักษ์ฉลามร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน พร้อมทั้งแสวงหาความร่วมมือกับภาคประชาชนโดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ฉลาม" เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าว

"การอนุรักษ์ฉลามนอกจากจิตสำนึกแล้วยังต้องเร่งผลักดันด้านกฎหมายเพื่อคุ้มครองฉลามที่ใกล้สูญพันธุ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อเยาวชนคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ยังมีค่านิยมผิดๆที่คิดว่าเมนูจากฉลามคือสุดยอดของอาหารซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ประชากรฉลามในปัจจุบันอีกต่อไป กรม

ทช.ขอเน้นย้ำความสำคัญของการเลิกบริโภคทุกๆ เมนูและผลิตภัณฑ์จากฉลามในทุกๆโอกาสเพื่อรักษาความสมดุลแห่งท้องทะเลไทยสืบไป" โสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าว


เมนูหูฉลาม "ยังได้รับความนิยม"

"ผลการสำรวจความต้องการบริโภคหูฉลามในไทย พ.ศ. 2561 ขององค์กรไวล์ดเอดพบ คนไทยเขตเมืองมากกว่า 60% ยังต้องการบริโภคหูฉลามในอนาคต โดยบริโภคบ่อยที่สุดในงานฉลองต่างๆ นั่นคือ งานแต่งงาน งานรวมญาติ และงานเลี้ยงธุรกิจ ซึ่งเป็นที่มาของโครงการรณรงค์ #ฉลองไม่ฉลาม" ไวล์ดเอดกล่าว

"การเปลี่ยนแปลงค่านิยมการบริโภคต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของฉลามที่มีต่อทะเล งานวิจัยในระยะหลังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากการหายไปของฉลามหรือการที่ฉลามเหลือน้อย จนนำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของสัตว์กลุ่มรองๆและกระทบถึงความสมบูรณ์ของปะการัง การฟื้นฟูระบบนิเวศต้องอาศัยห่วงโซ่อาหารที่สมบูรณ์ ดังนั้นฉลามหรือกระเบนที่เป็นสัตว์ผู้ล่าที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้ระบบนิเวศทำงานได้ตามปกติ" ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ และที่ปรึกษาองค์กรไวล์เอด ในประเทศไทย กล่าว


ชูประเด็น "ผลกระทบระบบนิเวศทะเล"
ดึงคนดังร่วมรณรงค์ "เลิกกินหูฉลาม"


"วันนี้ (14 ก.ค. 2565) องค์กรไวล์ดเอดได้เผยแพร่โฆษณารณรงค์ชิ้นล่าสุด "ทะเลคลั่ง" เนื่องในวันรู้จักฉลาม (Shark Awareness Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ตอกย้ำความสำคัญของฉลามที่มีต่อทะเล และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบนิเวศจากความต้องการบริโภคฉลาม

พร้อมเปิดตัวคุณมารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2017 นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และผู้ชื่นชอบการดำน้ำ เป็นทูตฉลามคนล่าสุดร่วมกับคุณป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษฺ์ เพื่อช่วยขับเคลื่อนโครงการรณรงค์ #ฉลองไม่ฉลาม ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและกรมประมง

เนื้อหาโฆษณารณรงค์ 'ทะเลคลั่ง' แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคเมนูจากฉลาม โดยเมื่อฉลามซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารหายไปกลายเป็นเมนูอาหาร ท้องทะเลอาจปั่นป่วน เพราะสัตว์ทะเลระดับรองๆที่เหลืออยู่ไม่อยู่กับร่องกับรอยจนทำให้ทะเลเสียสมดุล

ซึ่งเนื้อหาของโฆษณาได้รับแรงบันดาลใจจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2548 ที่พบว่า เมื่อฉลามในแนวปะการังทะเลแคริบเบียนถูกจับมากเกินไปและมีจำนวนลดน้อยลงจะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ และอาจทำให้แนวปะการังฟื้นตัวจากปัจจัยคุกคามอื่นๆ ที่เกิดจากมนุษย์ได้ยากลำบาก" ไวล์ดเอดเปิดเผย

"เมื่อก่อนมารีญาเคยกลัวฉลาม เพราะภาพจำของฉลามในสื่อต่างๆ แต่เมื่อได้เริ่มดำน้ำทำให้มารีญาเข้าใจในบทบาทของฉลามที่มีต่อทะเลและรับรู้ภัยคุกคามจากมนุษย์ที่ทำให้ฉลามหลายชนิดกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ ทะเลที่ไม่มีฉลามจะขาดความสมดุลและเป็นสิ่งที่เราควรจะกลัวมากกว่าเหมือนอย่างในโฆษณาชิ้นนี้ ทุกวันนี้หมดยุคเมนูฉลามแล้ว และมารีญาหวังว่าจะช่วยสื่อสารให้คนทั่วไปเข้าใจบทบาทของฉลามในระบบนิเวศมากขึ้น" มารีญา พูลเลิศลาภ ทูตฉลามองค์กรไวล์ดเอด กล่าว

"เราทุกคนมีส่วนร่วมปกป้องฉลามได้ง่ายๆ ด้วยการแชร์โฆษณาชิ้นใหม่นี้ให้ทุกคนเห็นช่วยกันบอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้เข้าใจถึงความสำคัญของฉลามเพราะเมื่อเรารู้บทบาทหน้าที่ของเค้าในธรรมชาติแล้ว เราจะอยากปกป้องเค้ามากขึ้น" ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์? ทูตฉลามซึ่งได้ร่วมรณรงค์ในโครงการ #ฉลองไม่ฉลาม มาครบ 4 ปีแล้ว




https://greennews.agency/?p=29685

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:01


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger