#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 21 กันยายน 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ส่วนในช่วงวันที่ 21 ? 26 ก.ย. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตลอดช่วง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
2537 เรือ Genar-II เกยหาดชลาทัศน์ บทเรียนที่ไม่ควรลืม .............. โดย อภิศักดิ์ ทัศนี Beach for life ช่วงมรสุมปี 2537 พายุได้ซัดเรือ Genar-II สัญชาติปานามา เข้ามาเกยตื้นบริเวณชายหาดชลาทัศน์ จังหวัดสงขลา คนสงขลาหลายคนรู้จักเรือลำนี้เเละเรียกง่ายๆติดปากกันว่า ?เรือปานามา? การเกยตื้นของเรือปานามา นำมาซึ่งบทเรียนการเปลี่ยนเเปลงชายฝั่งที่สังคมควรเรียนรู้จากบทเรียนนี้เป็นอย่างยิ่ง การเกยตื้นของเรือ เรือจีน่าร์-2 (Genar-II) ด้านเหนือของชุมชนเก้าเส้ง ชายหาดชลาทัศน์ ไม่นานหลังจากการเกยตื้นเรือลำดังกล่าวได้ทำให้ชายหาดเปลี่ยนเเปลงไป เนื่องจากลำเรือได้ขวางกั้นการเคลื่อนตัวของตะกอนทรายชายฝั่ง ทำให้เกิดการทับถมของตะกอนทรายชายฝั่งด้านทิศใต้ จำนวนมหาศาล เเละเกิดการกัดเซาะชายฝั่งในด้านเหนือของเรือจีน่าร์-2 (Genar-II) ชายหาดชลาทัศน์ นั้นมีทิศทางการเคลื่อนที่ของตะกอนทรายสุทธิ์ คือ เคลื่อนที่จากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ เมื่อเรือจีน่าร์-2 (Genar-II) มาเกยตื้น ซึ่งมีลักษณะตั้งฉากกับเเผ่นดิน ทำให้เรือนั้นเป็นเสมือนรอดักทราย ซึ่งทำให้ตะกอนทรายที่เคลื่อนตัวตามเเนวชายฝั่งนั้นถูกขวางกั้น เเละทำให้เกิดการทับถมของตะกอนทรายจำนวนมหาศาลบริเวณด้านใต้ของเรือจีน่าร์-2 (Genar-II) หลักฐานจากภาพถ่ายในปี พ.ศ.2538 หลังจากที่เกิดเหตุเรือปานามาได้เกยตื้น ประจักษ์ชัดว่าหาดทรายทางด้านเหนือของซากเรือถูกกัดเซาะอย่างฉับพลัน เเละเกิดการทับทบตะกอนด้านทิศใต้ หลังจากนั้นไม่นานหน่วยงานได้รื้อถอนซากเรือ จีน่าร์-2 (Genar-II) ออกจากชายหาด ทำให้ชายฝั่งได้คืนสภาพกลับมาสู่สภาพปกติ ไม่ปรากฏการกัดเซาะชายฝั่งเเละการทับถมของตะกอนทราย ดังภาพถ่ายทางอากาศในปี 2544 ปรากฏการณ์การเกยตื้นของเรือ จีน่าร์-2 (Genar-II) ได้ให้บทเรียนสำคัญของการเปลี่ยนเเปลงชายฝั่ง อันเกิดขึ้นจากการขัดขวางกระบวนการทางธรรมชาติของหาดทราย เรือ จีน่าร์-2 (Genar-II) ทำตัวเหมือน รอดักทราย หรือ คันดักทราย ทำให้ตะกอนทรายชายฝั่งนั้นทับถมด้านหนึ่งเเเละเกิดการกัดเซาะชายฝั่งด้านหนึ่ง เมื่อรื้อถอนออกชายฝั่งก็กลับคืนสภาพปกติดังเดิม การเกยตื้นของเรือปานามา เป็นบทเรียนสำคัญที่อธิบายการเปลี่ยนเเปลงชายฝั่งทะเลได้ดีที่สุดบทเรียนหนึ่ง https://thecitizen.plus/node/62789?u...25e0%25b8%2597
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
วาฬหัวทุย 14 ตัวเกยตื้นตายในออสเตรเลีย เกิดภาพน่าสลดใจที่มีซากวาฬหัวทุยอย่างน้อย 14 ตัวกระจายอยู่ตามชายหาดบนเกาะคิงในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมออสเตรเลีย เปิดเผยในวันนี้ว่า วาฬหัวทุยเพศผู้ทั้งหมด 14 ตัวถูกพบบนชายหาดของเกาะคิงเมื่อวันจันทร์ โดยทุกตัวตายแล้วตอนที่มีคนพบเห็นซากวาฬเกยตื้น ผู้เชี่ยวชาญถูกส่งไปลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และอาจมีการส่งเครื่องบินบินลาดตระเวนว่ายังมีซากวาฬกระจายอยู่ในจุดอื่นอีกหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาว่าจะเคลื่อนย้ายซากวาฬเหล่านี้อย่างไร แต่อาจมีความเป็นไปได้ที่จะปล่อยให้ซากเน่าเปื่อยตามธรรมชาติ เพราะสภาพแวดล้อมของชายฝั่งเต็มไปด้วยโขดหินอาจกีดขวางทำให้เรือไม่สามารถเข้าไปลากซากวาฬลงทะเลได้ การเน่าเปื่อยอาจใช้เวลาหลายเดือน และทางการเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเข้าใกล้เพราะอาจมีเชื้อโรคได้ หรือ อาจชนกระแทกได้ตามกระแสน้ำขึ้นลง รวมทั้งขอให้นักว่ายน้ำหรือนักเซิร์ฟระวัง เพราะมีความเสี่ยงที่ซากวาฬจะล่อให้ฉลามว่ายเข้าหาชายฝั่งได้ ที่ผ่านมาเยมีวาฬเกยตื้นตามชายฝั่งเกาะคิงในอดีต แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จำนวนวาฬเกยตื้นที่พบครั้งนี้น้อยกว่าเหตุการณ์ในปี 2563 ที่มีวาฬนำร่องเกือบ 500 ตัวเกยตื้นที่ชายฝั่งของเกาะแทสเมเนีย https://www.nationtv.tv/news/foreign/378887098
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|