เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 11 มกราคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มีลมตะวันออกพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย

สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากมีฝนตกในบริเวณดังกล่าว


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 11 ? 14 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 11 ? 12 ม.ค. 66 ส่งผลทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในวันที่ 15 - 16 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ระวังอันตรายการสัญจร ในบริเวณที่มีหมอก รวมถึงฝนฟ้าคะนองบริเวณประเทศไทยตอนบนที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 11 ? 12 ม.ค. 66 สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 11-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ประมงฯ บ้านแหลม ล่าระทึกเรือคราดหอย ตามข้าม 2 จังหวัดได้ผู้ต้องหา 2 ราย

หน่วยป้องกันฯ ประมงทะเลบ้านแหลม ควบเรือล่าระทึก ข้ามน่านน้ำ 2 จังหวัด จนเรือคราดหอยเครื่องพังจึงจับผู้ต้องหาได้ 2 รายพร้อมนำตัวไปดำเนินคดี ส่วนของกลางหอยกระปุกที่ยังมีชีวิตได้ปล่อยคืนธรรมชาติ



เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 6 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา นายสายัญ สุวรรณชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลบ้านแหลม (เพชรบุรี) ได้รับแจ้งจากกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ว่ามีเรือคราดหอยทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง บริเวณท้องที่ทะเลอ่าวไทย ปากแม่น้ำเพชรบุรี อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งห้ามใช้เครื่องมือทําการประมงจับสัตว์น้ําเขตทะเลชายฝั่ง จึงมอบหมายให้ ว่าที่ร้อยโท ภาณุพงศ์ สวัสดี เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงาน (ใส่แมสก์) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือตรวจประมงทะเล 108 รวม 3 นายออกปฏิบัติงานตรวจปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ร.ก.การประมงฯ

เบื้องต้นพบเรือประมงชายฝั่ง 1 ลำกว้างประมาณ 1.5 เมตรยาวประมาณ 9 เมตร อยู่ในพิกัดที่ได้รับแจ้งซึ่งเป็นเขตน่านน้ำทะเล อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นแต่ปรากฏว่าเรือลำดังกล่าวได้เร่งเครื่องยนต์หลบหนีด้วยความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ได้ขับเรือตรวจประมงทะเลติดตาม และพยายามใช้ไฟฉายพร้อมตะโกนให้จอดเรือ แต่เรือลำดังกล่าวขับเร่งความเร็ว และขับฉวัดเฉวียนหลบหนี เจ้าหน้าที่ต้องใช้ระยะเวลาติดตามนานกว่า 1 ชั่วโมง เป็นระยะทางกว่า 7 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 13 กิโลเมตร กระทั่งเรือลำดังกล่าวเกิดอาการเครื่องยนต์สะดุด และจอดลอยลำในพื้นที่น่านน้ำทะเลแม่กลอง เขต จ.สมุทรสงคราม เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม ตรวจสอบเบื้องต้นพบใบจักรเรือได้รับความเสียหาย เนื่องจากการใช้กำลังเครื่องยนต์ต่อเนื่องอย่างรุนแรง จึงทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถไปต่อได้

ตรวจสอบเรือผู้กระทำผิดเป็นเรือประมงไม่มีชื่อ ไม่มีทะเบียน ผู้ต้องหา 2 ราย ทราบชื่อ คือ นายภัทรพล สำเภาเงิน อายุ 33 ปี และนายคณาวุฒิ เกตุแก้ว อายุ 30 ปี ชาว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ภายในเรือพบของกลางเป็นเครื่องมือคราดหอยประกอบเรือกล จำนวน 1 ชุด สัตว์น้ำเป็นหอยกระปุก สภาพสดขณะจับกุม (ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ)

เบื้องต้นได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่งมอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแหลมดำเนินคดีฐานร่วมกันลักลอบทำการประมงคราดหอยซึ่งเป็นเครื่องมือประมงพาณิชย์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 36 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 และร่วมกันลักลอบทำการประมงโดยใช้เครื่องมือคราดหอยประกอบเรือยนต์ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง มีความผิดตามมาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2560

นายสายัญ สุวรรณชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลบ้านแหลม (เพชรบุรี) กล่าวว่า พื้นที่ที่ผู้กระทำผิดเข้ามาทำการลักลอบคราดหอย เป็นพื้นที่ที่ห้ามใช้เครื่องมือประมงจับสัตว์น้ำในเขต 3.7 กิโลเมตรจากชายฝั่ง อนุญาตให้ชาวประมงพื้นบ้านทั่วไปจะใช้วิธีถีบกระดานหาหอย โดยใช้มือตามวิถีดั้งเดิม และไม่ใช้เครื่องมือประมงต้องห้าม นอกจากนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำขนาดเล็ก การใช้เครื่องมือคราดหอยและเครื่องมือประมงต้องห้ามต่างๆ จะเป็นการขุดพลิกหน้าดินสัตว์น้ำตัวเล็กจะตายหมด ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลสูญเสียหนัก.


https://www.thairath.co.th/news/local/central/2599515


******************************************************************************************************


สร้าง semi-sub ยานกึ่งดำน้ำไร้คนขับ



ยานพาหนะกึ่งดำน้ำไร้คนขับไม่ใช่เรื่องใหม่ ยานพาหนะประเภทนี้ประกอบได้ไม่ยากเกินความสามารถของนักประดิษฐ์ ทว่า บางครั้งก็ถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ลับๆ โดยเฉพาะการทำเป็นยานสอดแนมข้อมูลต่างๆนานา และหลายครั้งก็ไม่รอดพ้นการตรวจจับ

แต่เมื่อเร็วๆนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สเตท ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า ได้พัฒนาสร้างยานพาหนะกึ่งดำน้ำไร้คนขับเรียกว่า semi-sub เป็นยานต้นแบบขนาดค่อนข้างเล็กมีความยาว 45 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร สร้างด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นเองและใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ เมื่อทดสอบความเสถียรและความสามารถในการเคลื่อนที่ก็พบว่า semi-sub มีความเร็วสูงสุด 1.5 เมตรต่อวินาที และด้วยความเร็วที่สูงกว่านั้น เรือจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ทำให้เกิดการกวนและใช้พลังงานมากขึ้น แต่ที่ความเร็วต่ำ ยานเกือบจะจมอยู่ใต้น้ำและแทบไม่กระเพื่อม ทีมเผยว่า แม้จะยังไม่ขับเคลื่อนแบบอิสระอย่างสมบูรณ์ แต่ semi-sub ก็ตั้งโปรแกรมล่วงหน้าให้ทำงานในลักษณะบางอย่างได้ เช่น ว่ายตามเส้นทางหนึ่งๆด้วยตัวเอง หรือตอบสนองต่อวัตถุบางอย่างด้วยการไล่ตามหรือว่ายหนี

หากการทำงานของ semi-sub สมบูรณ์ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างยานพาหนะขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อบรรทุกสินค้าจำนวนมาก เช่น บรรทุกเชื้อเพลิงไปเติมให้กับเรือหรือสถานีในทะเล เนื่องจาก semi-sub ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเรือลำใหญ่ๆ ทำให้เกิดความได้เปรียบด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ.

Credit : Washington State University


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2597480


******************************************************************************************************


กรมทะเลชายฝั่ง เร่งจัดการคราบน้ำมันรั่วไหล จากเหตุเพลิงไหม้ "เรือสปีดโบ๊ต"

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับ ชมรมอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก เร่งสกัดและจัดการคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบ๊ต บริเวณอ่าวทองหลาง จังหวัดตราด



เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวว่า วานนี้ตนได้รับแจ้งจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ถึงเหตุน้ำมันรั่วไหลจากเหตุเพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวสปีดโบ๊ต บริเวณอ่าวทองหลาง ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่าจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณท่าจอดเรือ อ่าวทองหลาง สภาพน้ำทะเลมีฟิล์มน้ำมันลอยบนผิวน้ำ มีหลุดรอดจากทุ่นกักน้ำมันบริเวณแนวเขื่อนเล็กน้อย และไม่พบสัตว์น้ำตาย จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเล จำนวน 3 สถานี (KM1-3) โดยผลคุณภาพน้ำทั่วไปอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานฯ มีค่าความเป็นกรด-ด่าง 7.92-8.03 อุณหภูมิ 26.7-26.9 องศาเซลเซียส ความเค็ม 31.2-31.3 ส่วนในพันส่วน และปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำ 5.56-6.98 มิลลิกรัมต่อลิตร

นอกจากนั้น ได้สำรวจแนวปะการังใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่าแนวปะการังมีสภาพปกติ ไม่พบคราบน้ำมันและตะกอนน้ำมันบนผิวโคโลนีปะการังและในมวลน้ำทะเล และจากการสัมภาษณ์ คุณธานินทร์ สุทธิธนกุล รองประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก ทราบว่าหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ ทางอบต.เกาะหมาก และชมรมอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก ได้ร่วมกันประดิษฐ์ทุ่นกักน้ำมันไปวางติดตั้งป้องกันบริเวณปากอ่าวเพื่อไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกสู่ทะเลอีกด้วย

เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนปะการังเพื่อความอุดมสมบูรณ์ ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และเร่งหาวิธีที่จะป้องกันน้ำมันที่รั่วไหลให้ไหลลงสู่ทะเลน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบต่อทรัพยากรทางทะเล ทั้งนี้ กรม ทช. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก อบต.เกาะหมาก และชมรมอนุรักษ์ปะการัง เร่งหาวิธีจัดการคราบน้ำมันโดยด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อแนวปะการังที่กำลังเพาะพันธุ์ในบริเวณนั้น

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ช่วยกันสอดส่องดูแล โดยหากพบเหตุอุบัติเหตุทางทะเล หรือการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร.1362 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่เร่งเข้าตรวจสอบ และช่วยเหลือได้ทันท่วงทีต่อไป.


https://www.thairath.co.th/news/local/2599108

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 11-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


จากการศึกษาพบว่าธารน้ำแข็งครึ่งหนึ่งของโลกจะหายไปภายในปี 2100



เอเอฟพี เผยรายงานวิจัยที่เผยแพร่ผ่านวารสาร Science เมื่อวันพฤหัสบดี 5 ม.ค. คาดการณ์ว่า ธารน้ำแข็งร้อยละ 49 ของธารน้ำแข็ง 215,000 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะธารน้ำแข็งที่มีขนาดเล็กจะหายไปภายในปี 2100 เนื่องจากภาวะโลกร้อน แต่หากจำกัดอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นสามารถช่วยรักษาธารน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ของโลกไว้ได้

จากการศึกษาผู้เขียนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อจำกัดผลที่ตามมาจากการละลายของธารน้ำแข็ง เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและการลดลงของทรัพยากรน้ำ

ขณะที่นางเรจีน ฮอค ผู้ร่วมวิจัย กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาได้พิจารณาผลกระทบของ 4 กรณี ตั้งแต่ 1.5 2 3 และ 4 องศาเซลเซียส ย้ำว่า การเพิ่มขึ้นของอุณภูมิโลกทำให้เกิดการละลายและสูญเสียมากขึ้น นั่นก็หมายความว่าถ้าคุณลดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น คุณก็สามารถลดการสูญเสียได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกคาดว่าจะสูงขึ้นราว 2.7 องศาเซลเซียส ซึ่งจะส่งผลให้ธารน้ำแข็งในยุโรปกลาง แคนาดาตะวันตก ทวีปอเมริกา และนิวซีแลนด์ละลายหายไปแทบทั้งหมด

โดยตัวเลขอุณภูมิโลกปัจจุบันสูงกว่าระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามที่ให้คำมั่นไว้ในความตกลงปารีสก็ตาม นักวิจัยคาดการณ์ว่าร้อยละ 49 ของธารน้ำแข็งในโลกจะหายไปภายในปี 2100 นั่นจะคิดเป็นประมาณร้อยละ 26 ของความหนาแน่นของธารน้ำแข็งโลก เพราะธารน้ำแข็งขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรก

ขณะเดียวกันหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น 4.0 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ธารน้ำแข็งในอลาสกาจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยร้อยละ 83 ของธารน้ำแข็งจะหายไปภายในปี และยังส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้

ทั้งนี้นางฮอค กล่าวเพิ่มเติมว่า หากอุณหภูมิโลกร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9 เซนติเมตร ในขณะที่อุณหภูมิที่สูงขึ้น 4.0 องศาเซลเซียสจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 15 เซนติเมตร ทำให้ส่วนใหญ่เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง รวมถึงส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำจืด ซึ่งกระทบแก่ประชากรราวสองพันล้านคนทั่วโลก โดยธารน้ำแข็งจะชดเชยน้ำที่สูญเสียไปในฤดูร้อนเมื่อฝนไม่ตกมากนัก


https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_7452667

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:13


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger