#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 11 มกราคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากลมแรงและสภาพอากาศแห้งในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังแรงขึ้นทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 17 - 19 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 4 - 6 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 20 - 22 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมากคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 17 - 22 ม.ค. 66 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงค่อนข้างแรง ส่งผลให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 20 ? 22 ม.ค. 66 ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 -3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 8 (18/2566) ในช่วงวันที่ 17-19 ม.ค. 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร และอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
พบ 'ฉลามวาฬ' เชือกพันโคนหางแน่น ที่ 'เกาะห้อง-กระบี่' หวั่นติดเชื้อดับ โลกออนไลน์แชร์ภาพฉลามวาฬตัวใหญ่ ว่ายน้ำลอดใต้เรือนำเที่ยว พื้นที่ "เกาะห้อง" จ.กระบี่ ภายหลังพบมีเชือกขนาดใหญ่พันติดโคนหางมัดแน่น หวั่นถูกบาดลึก ติดเชื้อดับ ด้านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เผย ใครพบเห็นฉลามวาฬตัวดังกล่าว ให้ประสานขอความช่วยเหลือได้ทันที จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพเหตุการณ์ ฉลามวาฬตัวขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 6 เมตร ว่ายน้ำเข้ามาใกล้เรือนำเที่ยว บริเวณ ?เกาะห้อง? อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก แต่พอถึงจังหวะว่ายดำน้ำลอดใต้ท้องเรือ ปรากฏว่าที่บริเวณโคนหาง พบเชือกขนาดใหญ่พันโดยรอบอยู่แน่น คาดว่าน่าจะบาดลึกเข้าไปในเนื้อของฉลามวาฬแล้ว ซึ่งหลังจากว่ายอยู่ใกล้ ๆ เรือประมาณ 10 นาที ฉลามตัวนี้ก็ดำน้ำหายไป ทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างโพสต์เรื่องราวดังกล่าว เพื่อขอความช่วยเหลือจากฝ่ายงานเกี่ยวข้อง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน ก็อาจจะป่วยจากอาการติดเชื้อจนถึงแก่ความตายได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ทางหน่วย เกาะห้อง(ธบ.1) รับแจ้งเรื่องขอให้ช่วยเหลือฉลามวาฬตัวนี้แล้ว ล่าสุดมีคนพบว่า อยู่ห่างจากฝั่งเกาะห้องประมาณ 1 ไมล์ทะเล เจ้าหน้าที่นำเรือออกค้นหา เพื่อให้การช่วยเหลือแต่พอไปถึงกลับไม่เจอตัว คาดว่าน่าจะดำน้ำลึกจนหายไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงนำเรือออกติดตามหาในหลายรอบวัน และอีกหลาย ๆ จุดที่มีการแจ้งว่าพบเห็น ดังนั้น หากใครพบเจอสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ทันที โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ผู้ประกอบการเรือ กลุ่มนักดำน้ำและเครือข่าย ที่มีอยู่ไลน์กลุ่ม ดูแลเฝ้าระวังทางทะเลในพื้นที่ต่าง ๆ ของ จังหวัดกระบี่ พังงา และ ภูเก็ต ซึ่งเชื่อว่า จะสามารถแจ้งประสานงานมาได้อย่างรวดเร็ว https://www.dailynews.co.th/news/1900018/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
วช.ชู 'นวัตปะการัง' ของเลียนแบบธรรมชาติ โดนใจนักอนุรักษ์ รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ปี?66 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมอบรางวัลการวิจัยแห่งชาติ รางวัลประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2566 รางวัลระดับดี สาขาปรัชญา ให้กับผลงานประดิษฐ์คิดค้น เรื่อง "นวัตปะการัง : ปะการังเทียมที่มีโครงสร้างเลียนแบบธรรมชาติ ด้วยกระบวนการออกแบบชีวจำลอง" ของ รองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.นันทริกา ชันซื่อ และคณะ แห่ง คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศนใต้ท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงถูกใจสิ่งนี้ รองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.นันทริกา เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นว่า สมัยก่อนเป็นครูสอนดำน้ำ เมื่อดำน้ำจะมองเห็นปะการังที่มีความเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์ที่พยายามทำปะการังเทียมมาช่วยชดเชยธรรมชาติ ซึ่งรูปแบบปะการังเทียมที่เห็นส่วนใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมทำจากปูนซีเมนต์ จึงมีความรู้สึกว่าขัดตาเวลาที่ต้องดำน้ำและมองเห็น ขณะเดียวกันการทำปะการังเทียมก็ไม่ได้นำหลักวิทยาศาสตร์มาใช้ว่าทำอย่างไรให้มีการเกาะติดแบบเร็วที่สุด และดีที่สุด จึงมีความคิดที่จะทำปะการังที่วางแล้วสวยเลย เพราะปะการังเทียมส่วนใหญ่ต้องรอให้ปะการังธรรมชาติมาเกาะให้เต็มก่อนถึงจะสวย ซึ่งจะใช้เวลาหลายปีมาก รองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.นันทริกากล่าวว่า แต่ถ้าทำปะการังที่มีรูปร่างเหมือนปะการังก็จะสวย และมีฟังก์ชั่นแบบปะการังธรรมชาติได้ทันที จึงคิดและลงมือทำนวัต "ปะการัง : ปะการังเทียมที่มีโครงสร้างเลียนแบบธรรมชาติด้วยกระบวนการออกแบบชีวจำลอง" โดยเริ่มศึกษาจากปะการังธรรมชาติว่ามีฟังชั่นอย่างไรบ้าง จนได้ ?ปะการังเขากวาง? เพราะมีลักษณะการเรียงตัวเป็นธรรมชาติ สามารถชะลอกระแสน้ำ และนำตัวอ่อนของปะการังธรรมชาติให้เกาะได้ทนขึ้นกว่าการที่วางไว้เฉยๆ ให้น้ำพัดผ่านไป แต่ก็ยังพบปัญหาเพราะการที่เอาปะการังเทียมไปวางเป็นปูนหนักมาก เวลานำไปวางต้องใช้เครน จึงคิดว่าควรทำเป็นก้อนเล็กๆ 3 ก้อน โดยเจาะรูใส่กิ่งปะการังเข้าไป เพื่อจะได้ประกอบในน้ำได้ง่ายขึ้น สิ่งที่แตกต่างจากปะการังเทียมทั่วไปคือ 1.รูปลักษณ์ภายนอกกลมกลืนกับธรรมชาติ 2.ประสิทธิภาพในการเพิ่มพื้นที่ผิวของนวัตปะการังจะมีมากกว่าที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมเดิมกว่า 10 เท่า 3.เวลาที่ใช้ในการที่ปะการังแท้จะมาเกาะติดและเติบโตเร็วกว่าเดิม และ 4.สถานีนี้สามารถทำเป็นสถานีงานวิจัยอื่นๆ ต่อไปได้ อาทิ สถานีวัดน้ำ หรือติดกล้องไว้ดูแนวปะการังได้ ฯลฯ ความแตกต่างคือการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซ่อมเสริมธรรมชาติโดยให้กลมกลืนกับธรรมชาติ "นวัตปะการัง" ได้นำลงไปวางในหลายพื้นที่หมู่เกาะแสมสาร จ.ชลบุรี และ จ.ภูเก็ต การต่อยอดของนวัตปะการังสามารถนำไปต่อยอดได้อีกหลายรูปแบบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ต้นแบบสำหรับปะการังเทียมในอนาคต แนวปะการังเทียมเพื่อการท่องเที่ยวทดแทนแนวปะการังจริง พื้นที่สำหรับการฝึกดำน้ำ แหล่งศึกษาวิจัยระบบนิเวศแนวปะการัง แหล่งเพาะพันธุ์และอนุบาลสัตว์น้ำเพื่อส่งเสริมพื้นที่สำหรับการประมง เพิ่มโอกาสในการเกิดอาชีพใหม่ สามารถสร้างรายได้ ทำให้เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้นด้วย ผู้ประดิษฐ์จะเข้ารับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2566 และจัดแสดงผลงานในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2566 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดได้ 0-2561-2445 ต่อ 508 https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_3774903
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
น่ารัก หรือทรมานสัตว์ การแสดง วาฬ - โลมา สร้างความทุกข์ให้มันมากกว่าที่คิด น่ารัก หรือทรมานสัตว์ การแสดง วาฬ - โลมา สร้างความทุกข์ให้มันมากกว่าที่คิด ปัจจุบันหลายประเทศรณรงค์ให้ยกเลิกการแสดงของสัตว์จำพวก วาฬ และโลมา เนื่องจากไม่ต้องการให้สัตว์น้ำต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกักขัง แต่ในไทยแม้จะมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์น้ำแต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนี้ วาฬ และโลมา ถือว่าเป็นสัตว์น้ำลำดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมในการนำไปฝึกฝนเพื่อทำการแสดงทั้งในสวนสัตว์และอควาเรียม เนื่องจากวาฬถือเป็นสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนโลมาก็เป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่ฉลาดที่สุดในโลก จึงไม่แปลกที่พวกมันสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และทำกำไรได้จำนวนมาก แม้ว่าในประเทศไทย จะมีการจัดแสดงโลมา และวาฬ ให้เห็นอยู่หลายแห่ง แต่ก็มีกฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์และคุ้มครองโลมา และวาฬ เช่นกัน ได้แก่ พ.ร.บ. การประมง พ.ศ.2490 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ส่งผลให้วาฬ และโลมา ในประเทศไทย จำนวน 22 ชนิด จาก 25 ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามล่า พยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก ยกเว้นได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เนื่องจากสวนสัตว์ และอควาเรียมเป็นสถานที่ ที่ได้รับอนุญาตพิเศษ ให้มีการครอบครองสัตว์ทั้งสองชนิดดังกล่าวได้อย่างถูกกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 33 ในเรื่องการจัดการสวนสัตว์ (ก่อนหน้านี้ใช้ ??พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ในการจัดตั้งสวนสัตว์) ทำให้ทั้งวาฬ และโลมากลายเป็นสัตว์น้ำที่สร้างชื่อเสียง และอยู่คู่สวนสัตว์ไทยในหลายๆ จังหวัดมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะโลมาที่ไม่ใช่เพียงแค่อยู่ในสถานที่โชว์อย่างเดียว แต่พวกมันยังถูกฝึกให้ทำการแสดงอีกด้วย แต่รู้หรือไม่? การที่สัตว์เฉลียวฉลาดอย่างพวกมันถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ ของสวนสัตว์ทำให้พวกมันยิ่งทุกข์ทรมาน เพราะมันรู้ว่ากำลังถูกกักขัง และมีความคิดที่ซับซ้อนไม่แพ้มนุษย์ วาฬ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำไมถูกนำมาแสดงโชว์? แม้ว่า "วาฬ" หรือ Whale จะใช้ชีวิตอยู่ในน้ำแต่วาฬก็ไม่ใช่ปลา พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลือดอุ่น ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นนักล่าแห่งท้องทะเล เมื่อโตเต็มวัยมันมีน้ำหนักได้มากถึง 80-180 ตัน แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ สำหรับวาฬที่สามารถพบได้ในไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 17 ชนิด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ วาฬบาลีน (Baleen Whale) และวาฬชนิดมีฟัน (Toothed Whale) พบได้ทั้งในอ่าวไทย และทะเลฝั่งอันดามัน มีรูปร่างให้เพรียว และเนื่องจากยังใช้ปอดในการหายใจ จมูกหรือช่องหายใจจึงอยู่บนสุดของส่วนหัว เพื่อสะดวกในการหายใจ ซึ่งท่อหายใจกับช่องปากจะแยกออกจากกันเพื่อสะดวกในการกินอาหารใต้น้ำ และเพื่อลดการสูญเสียความร้อนที่ออกมากับอากาศ อีกทั้งพวกมันสามารถดำน้ำได้นาน โดยเฉพาะวาฬหัวทุย (Physeter macrocephalus) สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 3,000 เมตร และพวกมันสามารถสื่อสารกันด้วยระบบส่งสัญญาณเสียงสะท้อนกลับ (echo) ใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวและการหาอาหาร แม้ว่าวาฬจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน หรือเป็นนักล่าที่เก่งกาจเพียงใด แต่สุดท้ายพวกมันก็พ่ายแพ้ให้กับน้ำมือมนุษย์ ในที่นี้ไม่ใช่แค่เทศกาลล่าวาฬในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่มันยังเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่ถูกนำมากักขังในอควาเรียมทั่วโลกมากที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม แม้ว่าทางผู้ดูแลจะจัดหาอาหาร และปรับอุณหภูมิน้ำให้ใกล้เคียงกับทะเลมากที่สุด แต่นั่นก็ไม่มีทางเทียบได้กับทะเลธรรมชาติของจริง โดยเฉพาะการเลี้ยงดูวาฬเพชฌฆาต เมื่อมันถูกนำมาเลี้ยงในอควาเรียมทำให้พวกมันสูญเสียสัญชาตญาณการล่าเหยื่อตามธรรมชาติไป ยกตัวอย่างชีวิตอันน่าเศร้าของ "วาฬเพชฌฆาต" ตัวหนึ่งที่ชื่อ ทิลิคุม ในสวนสัตว์น้ำ SeaWorld รัฐแซนดีเอโก สหรัฐอเมริกา ชีวิตของมันถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Blackfish ระบุว่า นอกจากอาการเจ็บปวดทางร่างกายแล้ว มันยังได้รับความบอบช้ำทางจิตใจจากการถูกกักขังในที่แคบเป็นเวลานาน ทำให้หลังจากภาพยนตร์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ส่งผลกระทบให้ความนิยมในการชมแสดงโชว์ของวาฬ และโลมาของผู้คนลดลงไปบางส่วน แต่กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้การเพาะพันธุ์วาฬเพชฌฆาตตามสวนสัตว์ต่างๆ ลดลง แม้ว่าในปี 2559 SeaWorld ประกาศยุติการเพาะพันธุ์วาฬเพชฌฆาต แต่ยังมีการบังคับใช้งานวาฬสายพันธุ์อื่น และโลมาต่อไปในการแสดงโชว์ให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ "วาฬสีน้ำเงิน" ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ เนื่องจากเป็นที่ต้องการของนักล่ามาตั้งแต่ช่วงปี 1960 เมื่อน้ำมันของวาฬเป็นที่ต้องการของมนุษย์ ไปจนถึงการล่าเพื่อมาเป็นอาหาร และพวกมันให้กำเนิดลูกเพียง 1 ตัวในระยะเวลา 2-3 ปี แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเข้มงวดเรื่องห้ามล่าวาฬมากขึ้นแต่จำนวนประชากรวาฬยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาขยะในท้องทะเล โลมาเองก็เครียด! เมื่อถูกกักขังในที่แคบเป็นเวลานาน "โลมา" หรือ Dolphin เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในน้ำเช่นเดียวกับวาฬ พวกมันมีอวัยวะทุกส่วนเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป แต่มีการปรับเปลี่ยนอวัยวะบางส่วนเพื่อให้ใช้ชีวิตในน้ำได้สะดวกขึ้น เช่น มีจมูกอยู่กลางกระหม่อม เป็นต้น มีข้อมูลหลายแหล่งระบุตรงกันว่า "โลมา" เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหนึ่งชนิดที่ถูกจับมาเลี้ยงในสวนสัตว์และอควาเรียมมากที่สุด โดยสายพันธุ์ที่สวนสัตว์นิยมนำมาจัดแสดงกันมาก ก็คือ "โลมาปากขวด" (พบมากถึง 80% ของโลมาทั้งหมด) และเนื่องจากโลมาเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในโลกทำให้พวกมันมีความคิดซับซ้อนไม่แพ้มนุษย์ ดังนั้นเมื่อมันถูกกักขังไว้ในสถานที่เลี้ยงดูแคบๆ พวกมันก็รู้ตัวได้ว่าถูกกักขัง และส่งผลให้มันมีความเครียดมากขึ้น นอกจากนี้จากงานวิจัยของ เพอร์นิล เมเยอร์ โซเรนเซน นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยบริสทอล ร่วมกับศูนย์วิจัยโลมาและมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ เผยว่า พวกเขาทราบจากผลวิจัยก่อนหน้านี้แล้วว่า "มลพิษทางเสียง" ส่งผลกระทบต่อสัตว์ต่างๆ แต่การวิจัยครั้งนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาต่อเนื่องไปอีกว่า เสียงส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกันของสัตว์อย่างไร และจากการศึกษาพบว่า เมื่อโลมาเจอกับระดับเสียงที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมมนุษย์ โลมาจะผิวปากนานเป็นสองเท่า และทำเสียงให้ดังขึ้นเพื่อเอาชนะเสียงรบกวนต่างๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ เมื่อเสียงจากกิจกรรมของมนุษย์ดังมากเกินไป ทำให้โอกาสที่พวกมันจะเจอโลมาตัวอื่นๆ ลดลง เพราะไม่สามารถสื่อสารกันได้ ส่งผลให้จำนวนโลมาเกิดใหม่ลดน้อยลงไปด้วย ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำเท่านั้น แต่กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนบกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง "ช้าง" ก็พบกับปัญหาเดียวกัน ทั้งการถูกบังคับให้แสดง ถูกจับขังไว้ในสถานที่แคบๆ และอาจจะถูกขังไว้ในกรงหากเป็นสวนสัตว์ที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก รวมถึงถูกบังคับให้พานักท่องเที่ยวขี่หลังเดินเล่นเป็นเวลานาน และหนักที่สุดก็คือ การที่ลูกช้างที่ถูกจับแยกจากแม่ และนำมาขอทานตามถนนในเมือง กรณีเหล่านี้ก็เป็นอีกพฤติการณ์ที่ทำให้ช้างไทยในธรรมชาติลดจำนวนลงไปมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วาฬ และโลมา จะเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ในท้องทะเล แต่หากมนุษย์ยังหาความบันเทิงจากการดูพวกมันแสดงในพื้นที่แคบๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเร่งที่ทำให้พวกมันสูญพันธุ์ไปในที่สุด https://www.bangkokbiznews.com/health/social/1048212
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|