#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 24 มกราคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ได้แผ่ลงมาถึงตอนบนของประเทศลาวและเวียดนามแล้ว โดยจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงกลางวันของวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีลมแรง ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่าง และภาคใต้ ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 24 - 26 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4 ? 6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 2 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 -3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ในช่วงวันที่ 27 - 29 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง โดยบริเวณอุณหภูมิจะลดลง 1 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ตลอดช่วง ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 11 (32/2566) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 24 - 30 มกราคม 2566) ในช่วงวันที่ 24 - 26 มกราคม 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นเนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย และขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักบางแห่ง มีดังนี้ ในช่วงวันที่ 24 - 25 มกราคม 2566 ภาคใต้: จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566 ภาคใต้: จังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ความรู้รอบตัวช่วยให้ไม่ขิต! ชาวเน็ตจีนเจอ "หมึกบลูริง" พิษร้ายถึงตายในร้านหม้อไฟ เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งได้โพสต์ภาพหมึกขนาดเล็กหลายตัวที่ถูกวางไว้บนน้ำแข็ง ลงบนเวยปั๋ว (Weibo) พร้อมแท็กหาแอ็กเคานต์นิตยสารที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต (National History) ซึ่งเป็นนิตยสารที่เผยแพร่โดยไชน่า เนชั่นแนล จีโอกราฟิก (China National Geographic) เพื่อสอบถามเกี่ยวกับหมึกที่เขาพบในร้านหม้อไฟ จนกลายเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ต "...เจอในร้านหม้อไฟ นี่ใช่หมึกบลูริงไหม? เอาใส่หม้อได้หรือเปล่า? กำลังออนไลน์อยู่ ด่วนหน่อย" โพสต์ข้อความที่ชาวเน็ตคนดังกล่าวแท็กหานิตยสารเพื่อสอบถาม พร้อมกับรูปหมึกซึ่งหนึ่งในนั้นมีหมึกที่มีลวดลายเป็นวงๆ สีน้ำเงินทั่วตัวไปจนถึงหนวด อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตหลายคนที่เห็นโพสต์ดังกล่าวได้รีบเข้ามาคอมเมนต์ ห้ามเจ้าของโพสต์กินหมึกตัวดังกล่าว เช่น"ห้ามกินเด็ดขาด" "ในการจัดสิบอันดับสัตว์ที่มีพิษมากที่สุดในโลก หมึกบลูริงอยู่อันดับสาม!" จากนั้นทางนิตยสารได้เข้ามาตอบคำถามดังกล่าว โดยยืนยันว่าหมึกในรูปเป็นหมึกบลูริงจริงๆ ซึ่งพิษของมันชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) เป็นพิษเดียวกับปลาปักเป้า และจะไม่สลายไปแม้โดนความร้อน ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง ดังนั้นห้ามกินโดยเด็ดขาด เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัด ชาวเน็ตก็ต่างกังวลใจกลัวว่าเจ้าของโพสต์จะกินหมึกตัวดังกล่าวไปเสียก่อน จึงส่งข้อความถามไถ่กันเต็มไปหมด จนเจ้าของโพสต์ออกมาตอบกลับว่า "ผมไม่ได้กินมันและแจ้งทางร้านไปแล้ว" เรียกว่างานนี้ต้องขอบคุณความรู้รอบตัวจริงๆ ไม่งั้นแย่แน่ๆ ภายหลังชาวเน็ตจำนวนมากต่างคอมเมนต์ เช่น "ความรู้เปลี่ยนชะตาชีวิตที่แท้ทรู" "โชคดีที่รู้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมึกบลูริงที่ตายแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้" "เก่งมาก ถ้าเป็นฉันคงกินมันไปแล้ว" "คุณพระ! ร้านอื่นต้องการเงิน แต่ร้านนี้ต้องการชีวิตเลยนะ" และ "บรรพบุรุษพูดถูก...อาหารหน้าตาประหลาดอย่าไปกิน" ทั้งนี้ หมึกบลูริง หรือหมึกสายวงน้ำเงิน เป็นหมึกสกุล Hapalochlaena มีจุดเด่น คือ มีลวดลายเป็นวงๆ สีน้ำเงิน หรือสีม่วง ซึ่งสามารถเรืองแสงได้เมื่อถูกคุกคาม พิษของหมึกบลูริงแรงกว่าพิษงูเห่าถึง 20 เท่า สามารถฆ่าคนได้ถึง 26 คนในคราวเดียว ทั้งยังทนต่อความร้อนสูงถึง 200 องศา ทางที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส รวมถึงการรับประทานหมึกบลูริงโดยสิ้นเชิง https://mgronline.com/china/detail/9660000005748
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|