เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 24-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 24 มกราคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่ได้แผ่ลงมาถึงตอนบนของประเทศลาวและเวียดนามแล้ว โดยจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในช่วงกลางวันของวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีลมแรง ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงในระยะนี้

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่าง และภาคใต้ ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 24 - 26 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4 ? 6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 2 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 -3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ในช่วงวันที่ 27 - 29 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง โดยบริเวณอุณหภูมิจะลดลง 1 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ตลอดช่วง



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 11 (32/2566) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 24 - 30 มกราคม 2566)

ในช่วงวันที่ 24 - 26 มกราคม 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นเนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร

ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย และขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักบางแห่ง มีดังนี้


ในช่วงวันที่ 24 - 25 มกราคม 2566

ภาคใต้: จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล


ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566

ภาคใต้: จังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 24-01-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ความรู้รอบตัวช่วยให้ไม่ขิต! ชาวเน็ตจีนเจอ "หมึกบลูริง" พิษร้ายถึงตายในร้านหม้อไฟ



เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งได้โพสต์ภาพหมึกขนาดเล็กหลายตัวที่ถูกวางไว้บนน้ำแข็ง ลงบนเวยปั๋ว (Weibo) พร้อมแท็กหาแอ็กเคานต์นิตยสารที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต (National History) ซึ่งเป็นนิตยสารที่เผยแพร่โดยไชน่า เนชั่นแนล จีโอกราฟิก (China National Geographic) เพื่อสอบถามเกี่ยวกับหมึกที่เขาพบในร้านหม้อไฟ จนกลายเป็นที่พูดถึงของชาวเน็ต

"...เจอในร้านหม้อไฟ นี่ใช่หมึกบลูริงไหม? เอาใส่หม้อได้หรือเปล่า? กำลังออนไลน์อยู่ ด่วนหน่อย" โพสต์ข้อความที่ชาวเน็ตคนดังกล่าวแท็กหานิตยสารเพื่อสอบถาม พร้อมกับรูปหมึกซึ่งหนึ่งในนั้นมีหมึกที่มีลวดลายเป็นวงๆ สีน้ำเงินทั่วตัวไปจนถึงหนวด

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตหลายคนที่เห็นโพสต์ดังกล่าวได้รีบเข้ามาคอมเมนต์ ห้ามเจ้าของโพสต์กินหมึกตัวดังกล่าว เช่น"ห้ามกินเด็ดขาด" "ในการจัดสิบอันดับสัตว์ที่มีพิษมากที่สุดในโลก หมึกบลูริงอยู่อันดับสาม!"

จากนั้นทางนิตยสารได้เข้ามาตอบคำถามดังกล่าว โดยยืนยันว่าหมึกในรูปเป็นหมึกบลูริงจริงๆ ซึ่งพิษของมันชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) เป็นพิษเดียวกับปลาปักเป้า และจะไม่สลายไปแม้โดนความร้อน ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง ดังนั้นห้ามกินโดยเด็ดขาด

เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัด ชาวเน็ตก็ต่างกังวลใจกลัวว่าเจ้าของโพสต์จะกินหมึกตัวดังกล่าวไปเสียก่อน จึงส่งข้อความถามไถ่กันเต็มไปหมด จนเจ้าของโพสต์ออกมาตอบกลับว่า "ผมไม่ได้กินมันและแจ้งทางร้านไปแล้ว" เรียกว่างานนี้ต้องขอบคุณความรู้รอบตัวจริงๆ ไม่งั้นแย่แน่ๆ

ภายหลังชาวเน็ตจำนวนมากต่างคอมเมนต์ เช่น "ความรู้เปลี่ยนชะตาชีวิตที่แท้ทรู" "โชคดีที่รู้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมึกบลูริงที่ตายแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้" "เก่งมาก ถ้าเป็นฉันคงกินมันไปแล้ว" "คุณพระ! ร้านอื่นต้องการเงิน แต่ร้านนี้ต้องการชีวิตเลยนะ" และ "บรรพบุรุษพูดถูก...อาหารหน้าตาประหลาดอย่าไปกิน"

ทั้งนี้ หมึกบลูริง หรือหมึกสายวงน้ำเงิน เป็นหมึกสกุล Hapalochlaena มีจุดเด่น คือ มีลวดลายเป็นวงๆ สีน้ำเงิน หรือสีม่วง ซึ่งสามารถเรืองแสงได้เมื่อถูกคุกคาม พิษของหมึกบลูริงแรงกว่าพิษงูเห่าถึง 20 เท่า สามารถฆ่าคนได้ถึง 26 คนในคราวเดียว ทั้งยังทนต่อความร้อนสูงถึง 200 องศา ทางที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส รวมถึงการรับประทานหมึกบลูริงโดยสิ้นเชิง


https://mgronline.com/china/detail/9660000005748

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:16


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger