#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝน ฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 28 ม.ค. ? 1 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 ? 4 องศาเซลเซียส ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมริ่มมีกำลังอ่อนลง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 26 - 27 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 28 - 31 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2 ? 4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง ส่วนประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 15 (36/2566) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566) ในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นเนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย และขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักบางแห่ง มีดังนี้ ในช่วงวันที่ 27 - 30 มกราคม 2566 ภาคใต้: จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
คลื่นซัดชายฝั่งทะเลบ้านทุ่งประดู่ ทับสะแก ทำชายหาดหายไปกว่า 500 เมตร ประจวบคีรีขันธ์ อย่างต่อเนื่องทำให้พื้นที่บางส่วนของชายหาดริมทะเลบ้านทุ่งประดู่ ทับสะแก หายยาวกว่า 500 เมตร และความลึกประมาณ 30 เมตร ต้นสนอายุกว่า 40 ปี กว่า 40 ต้นถูกซัดหายลงทะเล ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (25 ม.ค.) กระแสคลื่นลมในทะเลเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นตลอดแนวชั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทั่งช่วงบ่ายพบว่าคลื่นลมยิ่งหนักขึ้นซัดเข้าหาชายฝั่งอำเภอทับสะแกเสียหายอย่างหนัก โดยหลังจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและ องค์การบริหารส่วนตำบลทับสะแก รายงานให้ทางอำเภอทับสะแกได้รับทราบ และต่อมานายสมเจตร์ เจริญทรง นายอำเภอทับสะแก และนายประชานารถ สุวรรณสิทธิ์ ปลัดอาวุโส พร้อมด้วยนางสาววิยะรัตน์ หนูเอก ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทับสะแกและเจ้าหน้าที่ อบต.ทะบสะแก กำนันตำบลทับสะแก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่บริเวณริมทะเลบ้านทุ่งประดู่ หมู่ที่ 2 ตำบลทับสะแก อำเภอทับสะแก ซึ่งพบว่าในท้องทะเลทีคลื่นลมแรงพัดซัดโถมเข้าสู่ชายฝั่ง ส่งผลทำให้ชายฝั่งถูกคลื่นซัดเสียหายยาวประมาณ 500 เมตร โดยบริเวณแนวชายฝั่งส่วนหนึ่งของหมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ ถูกคลื่นซัดหายไปความลึกประมาณ 30 เมตร และยังมีการกัดเซาะบางส่วนที่เกือบมาถึงถนนเลียบทะเลสายทุ่งประดู่ ?ชายทะเลทับสะแก และยังมีแผงปลาชาวประมง และบ้านชาวประมง ถูกพัดเสียหายส่วนหนึ่ง รวมทั้งแนวป่าสนอายุกว่า 40 ปีถูกคลื่นซัดล้มลงไปในทะเล 40-50 ต้น เบื้องต้นทางฝ่ายปกครองอำเภอทับสะแก และเจ้าหน้าที่องค์ได้แจ้งให้ผู้อาศัยอยู่ติดติดชายฝั่งเคลื่อนย้ายสิ่งของและเครื่องมือประมงออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้วในเบื้องต้น อย่างไรก็ก็ตามในช่วงตั้งแต่ 4 โมงเย็นที่ผ่านมาคลื่นลมทะเลเริ่มสงบลงและน้ำทะเลลดระดับลงในเบื้องต้น โดยในวันพรุ่งนี้ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่าก็จะยังคงมีคลื่นลมรุนแรงไปจนถึงวันที่ 30 มกราคม นี้โดยเบื้องต้นขณะนี้ชาวประมงที่ประกอบอาชีพตากปลาอยู่ริมทะเล ได้นำข้าของและเครื่องมือต่างๆรวมทั้งเพิงพักรื้ออกเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอีก https://mgronline.com/local/detail/9660000007816
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
บ.ล่าวาฬญี่ปุ่นทำฮือฮา! เปิดตัวตู้จำหน่ายเนื้อวาฬ ยิงตรงถึงผู้บริโภค หวังฟื้นธุรกิจ หลังยอดขายตก-โดนกีดกัน ร้านวางตู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเนื้อวาฬ เช่น ซาชิมิวาฬ และ สเต็กเนื้อวาฬ ตั้งให้บริการในย่านโมโตมาจิ เมืองโยโกฮามา ใกล้กับกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 24 มกราคม (รอยเตอร์) บริษัทล่าวาฬของญี่ปุ่นเปิดตัวตู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเนื้อวาฬ ทั้งซาชิมิวาฬ สเต็กเนื้อวาฬ และเบคอนวาฬ ในร้านที่ตั้งอยู่ในย่านโมโตมาจิ เมืองโยโกฮามา ใกล้กับกรุงโตเกียว เมื่อวันอังคาร (24 ม.ค.) ที่ผ่านมา ในการจำหน่ายตรงถึงผู้บริโภค เพื่อหวังฟื้นยอดขายเนื้อวาฬที่ตกต่ำมานานและธุรกิจถูกกีดกันจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง หลังการล่าวาฬเป็นเรื่องที่ถูกต่อต้านจากหลายฝ่าย นายฮิเดกิ โทโกโระ ประธานบริษัท เกียวโด เซนปากุ บริษัทดำเนินการล่า แปรรูปและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อวาฬ ซึ่งสวมหมวกรูปวาฬ ต้อนรับลูกค้าอยู่ในร้านวางตู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อวาฬ ในย่านโมโตมาจิ กล่าวว่า มีซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งที่กลัวว่าจะถูกคุกคามจากกลุ่มต่อต้านการล่าวาฬ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ใช้วาฬ ขณะมีคนจำนวนมากที่ต้องการกินเนื้อวาฬแต่ทำไม่ได้ ดังนั้นเราจึงเปิดร้านนี้ด้วยความคิดว่าเราสามารถจัดหาที่ที่คนเหล่านั้นสามารถรับประทานมันได้ เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเกียวโด เซนปากุ ได้เปิดร้านวางตู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อวาฬขึ้น 2 แห่งในกรุงโตเกียว และมีแผนที่จะเปิดเป็นแห่งที่ 4 ในเมืองโอซากาในเดือนหน้า และหวังจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 100 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยเนื้อวาฬที่นำมาจำหน่ายหลักใหญ่มาจากการล่าวาฬในญี่ปุ่น สนนราคาขายเริ่มต้นจาก 1,000-3,000 เยน หรือประมาณ 250-750 บาท แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าการรับประทานวาฬเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่น่าห่วงแหน แต่การบริโภควาฬที่พุ่งสูงสุดในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ได้ลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีแหล่งโปรตีนอื่นๆ ที่หาบริโภคได้ง่ายกว่าและราคาไม่แพง ข้อมูลทางการชี้ว่าการบริโภควาฬในญี่ปุ่นมีเพียง 1,000 ตันในปี 2021 เมื่อเทียบกับ 2.6 ล้านตันสำหรับการบริโภคเนื้อไก่ และ 1.27 ล้านตันสำหรับการบริโภคเนื้อวัว ขณะที่ปริมาณการบริโภควาฬในญี่ปุ่นมีสูงสุดในปี 1962 ที่ 233,000 ตัน กลุ่มอนุรักษนิยมออกมาให้ความเห็นว่าการเคลื่อนไหวโปรโมทเนื้อวาฬดังกล่าวเป็นความพยายามที่สิ้นหวังในการจะฟื้นธุรกิจนี้ โดยชาวญี่ปุ่นส่วนมากไม่เคยแม้แต่จะได้ลิ้มลองเนื้อวาฬเลย แล้วจะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมของประเทศได้อย่างไร ทั้งนี้ คณะกรรมการว่าด้วยการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) ซึ่งเป็นคณะทำงานระดับโลกที่กำกับดูแลด้านการอนุรักษ์วาฬ ได้ห้ามการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ในปี 1986 หลังจากวาฬบางสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ แต่ญี่ปุ่นยังคงทำการล่าวาฬต่อไป โดยระบุว่าเป็นการล่าเพื่อการวิจัยศึกษา และยังได้ถอนตัวออกจาก IWC ไป ก่อนญี่ปุ่นจะกลับมาทำการล่าวาฬอีกในปี 2019 https://www.matichon.co.th/foreign/news_3789477
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ฮือฮา "ปลาฉลามเสือดาว" อวดโฉมใต้ท้องทะเลเกาะบิดะนอก อุทยานฯกระบี่ "ปลาฉลามเสือดาว" อวดโฉมใต้ท้องทะเลเกาะบิดะนอก ต.อ่าวนาง อ.เมือง แหล่งดำน้ำดูปะการังที่สำคัญของพื้นที่จังหวัดกระบี่ (25 ม.ค.2566) เผยคลิป "ปลาฉลามเสือดาว" จาก อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาระหว่างที่ทำกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลบริเวณเกาะบิดะนอก ต.อ่าวนาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการดำน้ำเพื่อเก็บขยะอยู่นั้น ได้พบกับ "ปลาฉลามเสือดาว" ความยาวประมาณ 2 เมตร ซึ่งเป็นฉลามที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากกำลังนอนทอดตัวยาวอยู่ท้องทะเลอย่างสบายใจ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถ่ายภาพใกล้ๆตัวปลาฉลามเสือดาวไม่มีทีท่าที่จะว่ายน้ำหนีแต่อย่างใด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด ปลาฉลามเสือดาว หรือ Leopard shark มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Triakis semifasciata เป็นปลาฉลามชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาฉลามสุนัข ลักษณะเด่น : มีหัวโต ตาเล็ก มีหนวดที่จมูก 1 คู่ ยาวถึงปาก ปากอยู่ด้านล่างของส่วนหัว เป็นแนวเส้นตรง มีร่องเชื่อมต่อระหว่างปากและจมูก ริมฝีปากล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยม และมีร่องที่มุมปาก ปลายจะงอยปากทู่ โค้งมน โครงสร้างฟันที่ไม่ได้เป็นฟันเขี้ยวขนาดใหญ่แต่มีขนาดเล็กและเรียงชิดกันเหมาะสำหรับการกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีโครงสร้างเปลือกแข็งเป็นอาหาร ปลาฉลามเสือดาว มีสันนูนตามยาวลำตัว 5 แถว ลำตัวเป็นหนังหนามีเกล็ดเป็นตุ่มแข็ง มีสีน้ำตาลหรือเหลืองอ่อน มีจุดสีดำ หรือ น้ำตาลเข้มกระจายตั้งแต่หลังตาไปถึงปลายหาง ลักษณะการกระจายตัวของจุดเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในการระบุตัวตนได้ (Individual identification) ด้านท้องมีสีขาว มีช่องเหงือกสั้น ครีบอกขนาดใหญ่ ครีบหลัง 2 อันอยู่ใกล้กัน ครีบหางใหญ่ยาวมาก เท่ากับหรือมากกว่า 50% ของความยาวตลอดตัว ขนาด : ลูกปลาฉลามเสือดาวมีความยาว 20-36 เซนติเมตร เมื่อโตเต็มวัย ตัวผู้มีความยาว 147 - 183 เซนติเมตร ตัวเมีย 169 - 171 เซนติเมตร เคยพบปลาฉลามเสือดาวความยาวสูงสุด 235 เซนติเมตร ถิ่นอาศัย : ปลาฉลามเสือดาว พบแพร่กระจายอยู่ในทะเลเขตร้อน บริเวณพื้นทรายในแนวปะการัง มักพบอยู่รวมกัน 20-50 ตัว ในประเทศไทยสามารถพบ ปลาฉลามเสือดาว ได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ข้อมูลทางชีววิทยา : ปลาฉลามเสือดาวเป็นปลาขนาดกลาง ออกลูกเป็นไข่ (Oviparous species) และมีบันทึกว่าสามารถวางไข่มากถึง 46 ฟอง ได้ภายในระยะเวลา 112 วัน ไข่ขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นกระเปาะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ปลายมีเส้นใยสำหรับยึดเกาะวัตถุใต้น้ำ ปลาฉลามเสือดาว มักอยู่โดดเดี่ยว โดยในช่วงระหว่างวัน มักพบเห็นปลาฉลามเสือดาวนอนอยู่บนพื้นทะเล โดยหันหัวและอ้าปากในทิศที่มีกระแสน้ำพัดเข้ามา เพื่อช่วยในการหายใจ และหากินในเวลากลางคืน โดยอาหารเป็นหอย ปู ปลาขนาดเล็ก และบางครั้งพบว่ากินงูทะเลด้วย สถานภาพ ปัจจุบัน ปลาฉลามเสือดาว อยู่ระหว่างการเสนอเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อเข้าบรรจุตามกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 (มาตรา7) https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1049723
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|