#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 31 มกราคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็น ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนจะมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันลดลง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังแรง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 30 - 31 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรง ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณห่างฝั่งมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 1 - 5 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 3 ? 8 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยในขณะที่ในช่วงวันที่ 2 - 5 ก.พ. 66 มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 30 - 31 ม.ค. 66 ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง ส่วนในช่วงวันที่ 1 - 5 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในระยะนี้ ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 25 (46/2566) (มีผลกระทบถึงวันที่ 31 มกราคม 2566) มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง และขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
หอการค้าเมืองตรังเลื่อนจัด "วิวาห์ใต้สมุทร 2023" พร้อมปรับรูปแบบงานครั้งใหญ่ ตรัง - หอการค้าเมืองตรังยันยังจัด "วิวาห์ใต้สมุทร 2023" แต่จำต้องเลื่อนไปเดือน มี.ค. เพื่อรองรับการเบิกจ่ายงบราชการ พร้อมปรับรูปแบบงานใหม่ ให้เป็นเมืองแห่งความรักที่หลากหลายตลอดปี หลังเรตติ้งเริ่มลดลง นายธีระวัฒน์ หวังศิริเลิศ ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง กล่าวยืนยันว่า ในปีนี้จะยังคงมีการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทร ที่ได้ดำเนินการมาอย่างยาวนานถึง 25 ปีแล้ว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก่อนนี้ในทำนองที่ว่าจะยังคงจัดงานอีกมั้ย หรือเลิกจัดงานไปแล้วก็มี เพียงแต่ปีนี้จะเลื่อนระยะเวลาของการจัดงาน ซึ่งปกติจะมีขึ้นในช่วงเทศกาลแห่งความรัก (วาเลนไทน์) ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ออกไปเป็นช่วงต้นเดือนมีนาคม 2566 เพราะติดขัดในเรื่องของขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณของทางราชการ เนื่องจากเดิมทีทางจังหวัดจะเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการจัดงานให้แก่หอการค้าจังหวัดตรัง ประมาณปีละ 2 ล้านบาท และปีนี้ได้ขอตัดลดงบประมาณลงเหลือแค่ 1.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางหอการค้าได้ชี้แจงกลับไปว่าคงไม่เพียงพอ เพราะการจัดงานในแต่ละปีมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เยอะมาก ขณะที่การสนับสนุนจากภาคเอกชนลดลงตามลำดับ อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจที่ถดถอย กระทั่งท้ายสุดทางจังหวัดได้กลับมาสนับสนุนงบประมาณในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านบาท แต่ตรงนี้ได้ส่งผลต่อกระบวนการจัดสรรงบประมาณใหม่ ทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันก่อนถึงช่วงเทศกาลแห่งความรัก จึงต้องยอมเลื่อนวันจัดงานวิวาห์ใต้สมุทร 2023 ออกไปเป็นช่วงต้นเดือนมีนาคมแทน เพื่อความสะดวกในการเบิกจ่ายงบประมาณของทางราชการ แต่ในปีต่อๆ ไป ทางหอการค้าจะกลับมาจัดงานในช่วงเทศกาลแห่งความรักดังเดิม นอกจากนั้น ในปีนี้ทางหอการค้ายังมอบหมายให้คณะกรรมการคนรุ่นใหม่คิดหารูปแบบการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทรให้แปลกใหม่ ตื่นเต้น ทันสมัย และยั่งยืนกว่ารูปแบบเดิม โดยตั้งเป้าให้จังหวัดตรัง เป็นเมืองแห่งความรักอย่างแท้จริง และจัดงานวิวาห์ได้หลากหลาย ไม่เฉพาะใต้สมุทรเพียงอย่างเดียว เพราะจังหวัดตรังมีความพร้อมในหลายด้าน เช่น แหล่งท่องเที่ยว อาหารการกิน ประเพณี วัฒนธรรม รวมทั้งผลักดันให้จังหวัดตรัง เป็นเมืองที่จัดงานแห่งความรักได้ตลอดทั้งปี ไม่เพียงเฉพาะในช่วงวาเลนไทน์เท่านั้น ประกอบกับกระแสความนิยมของงานวิวาห์ใต้สมุทรในช่วงหลังเริ่มลดต่ำลง จนส่งผลต่อเรตติ้ง ตัวเลขการท่องเที่ยว หรืองบประมาณ จึงต้องรีบทำการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ท่ามกลางคู่แข่งรอบด้าน แต่ทางหอการค้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงานวิวาห์ใต้สมุทรจังหวัดตรัง จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2539 จนได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกในหนังสือกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด (Guinness World Records) ว่าเป็นวิวาห์ใต้สมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในฐานะที่มีคู่สมรสเข้าร่วมแต่งงานใต้น้ำมากที่สุด และยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการได้เข้าร่วมในพิธีด้วย โดยแต่ละปีจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เน้นไปที่คู่บ่าวสาว เช่น พิธีแห่ขันหมาก พิธีรดน้ำสังข์ พิธีกินเหนียว โดยเฉพาะพิธีจดทะเบียนสมรสใต้ท้องทะเลลึก ท่ามกลางฝูงปลา และปะการังอันสวยงาม ซึ่งการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทรในครั้งแรกๆ มีคู่บ่าวสาวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติมาร่วมเป็นจำนวนมาก แต่ช่วงหลังๆ มาเริ่มลดลง และมีรูปแบบการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ลดลงตามลำดับ ส่วนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2565 มีคู่บ่าวสาวชาวไทยเข้าร่วมทั้งหมด 14 คู่ https://mgronline.com/south/detail/9660000009237
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
วิจัยเพาะขยายพันธุ์ปะการังอ่อน ก่อนสูญพันธุ์ จากสภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวและจากกิจกรรมของมนุษย์โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ปราศจากการควบคุม และขาดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทำให้วันนี้ แนวปะการังที่สวยงามและสมบูรณ์เหลืออยู่เพียง 1 ใน 3 เท่านั้น หากไม่เร่งแก้ไข เราคงไม่เหลือปะการังให้คนรุ่นต่อไปได้เห็น ซึ่งผลกระทบนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องท่องเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น ที่สำคัญยังกระทบไปถึงแหล่งอาหารทางทะเล เพราะเป็นที่รู้กันว่าปะการังทำให้ทะเลเกิดความสมบูรณ์แลหความหลากหลาย อีกทั้งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ก่อนที่จะเติบโต ปะการังจึงมีความสำคัญต่อการประมงอย่างมาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะพันธุ์ขยายพันธุ์และเลี้ยงปะการังอ่อน ด้วยระบบการทำฟาร์มบนบกและในทะเลเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งที่เสื่อมโทรม ปะการังอ่อน หรือ Soft Coral ซึ่งเป็นปะการังที่ไม่มีโครงสร้างหินปูน ถือว่าเป็นปะการังที่มีความสวยงามและดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันปะการังอ่อนกำลังถูกคุกคามอย่างหนัก ซึ่งหลักๆน่าจะมาจากมนุษย์มากกว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน ส่งผลให้จำนวนชนิดและความสมบูรณ์ของปะการังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ผศ.ดร.นิลนาจ ชัยธนาวิสุทธิ์ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯ กล่าวว่า จากงานวิจัยยังพบว่าแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีประชากรปะการังอ่อนทุกชนิดน้อยมากทั้งในแง่ความหลากหลายและความหนาแน่น ปัจจุบันจำนวนของปะการังอ่อนลดลงในทุกพื้นที่หากไม่ทำอะไรเลย แนวโน้มที่ปะการังอ่อนจะสูญพันธุ์ก็ใกล้เข้ามาทุกที หากเราสามารถเพาะขยายพันธุ์ปะการังอ่อนได้จะช่วยให้มีพันธุ์ปะการังอ่อนและขยายพันธุ์คืนสู่ธรรมชาติได้ "สถานการณ์ปะการังน่าเป็นห่วง ซึ่งพบว่า ลดลงทั้งชนิดและปริมาณ โดยเฉพาะทะเลแถบอ่าวไทย ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เราพบว่าปะการังลดลงมาก บางที่เคยเจอ แต่พอไปอีกปี ไม่เจอแล้ว เช่นที่ เกาะมุก จังหวัดตรัง ที่เราเข้าไปขยายพันธุ์ปะการัง ปีต่อมาไปอีกครั้ง ไม่เจอ หมดไปแแล้ว ฐานหินที่ใช้เพาะปะการังก็ล้มระเนระนาด สาเหตุไม่แน่ชัด ว่าเป็นเพราะคนหรือผลกระทบทางธรรมชาติ หรือบางที่ ที่ไปสำรวจเจอเพียงแค่กอเล็กๆ สุ่มเสี่ยงว่าจะหายไปทั้งหมด แต่ในภาพรวมกิจกรรมของมนุษย์ทั้งทางบกและทางทะเล ล้วนส่งผลกระทบไปถึงปะการังทั้งสิ้น " ผศ.ดร.นิลนาจ กล่าว เพราะปะการังอ่อนมีความสวยงามไม่แพ้ปะการังแข็งเคยถูกขนานนามว่าเป็นรู้ง 7 สีในทะเล ทำให้เป็นที่หมายปอง ของธุรกิจปลาตู้สัตว์น้้าทะเลสวยงาม และบ่อสัตว์เลี้ยงทะเล แต่การที่ปะการังอ่อนทุกชนิดเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมายห้ามเก็บจากทะเล ห้ามซื้อขาย และห้ามมีไว้ครอบครอง ทำให้เกิดการลักลอบเก็บปะการังในทะเล ปะการังอ่อนตามธรรมชาติจึงลดลงอย่างมาก "บางครั้งถ้าเดินไปตลาดนัดจตุจักร เราก็อาจจะพบเห็นปะการังอ่อนวางขาย ซึ่งหากสามารถเพาะเลี้ยงปะการังอ่อนได้มากขึ้น ก็จะทำให้ปะการังอ่อน กลายเป็นสัตว์ทะเลทางเศรษฐกิจประเภทสวยงามชนิดใหม่ ธุรกิจปลาตู้น้ำทะเล สามารถทำธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งการจำหน่ายภายในและต่างประเทศเช่นเดียวกับปลาการ์ตูน ที่เคยเป็นสัตว์ได้รับการคุ้มครอง ห้ามมีไว้ครอบครอง แต่พอมีการเพาะเลี้ยงได้ ก็ปลดล็อกข้อจำกัดนี้ และทำให้สัตว์สวยงามในทะเลเหล่านี้ไม่ถูกคุกคาม ดังนั้น การเพาะเลี้ยงปะการังอ่อน ให้ขยายพันธุ์มากๆ น่าจะเป็นทางออกแก้ปัญหาการลักลอบนำปะการังออกจากทะเล" ผศ.ดร.นิลนาจ กล่าว ในด้านการเพาะเลี้ยงปะการังอ่อน ผศ.ดร.นิลนาจ บอกว่า สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาฯได้รับอนุญาตจากกรมประมงให้นำปะการังอ่อนที่พบที่เกาะสีชังมาใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ขณะนี้ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ปะการังอ่อน 3ชนิด ได้แก่ ปะการังอ่อนหนังดอกเห็ด ปะการังอ่อนนิ้วมือ และปะการังอ่อนนิ้วมือสีดำดังกล่าว โดยสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ ทั้งนี้การเพาะขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศได้นำพ่อแม่พันธุ์ปะการังอ่อนจากทะเลมาเพาะเลี้ยงในบ่อและกระตุ้นให้มีการปล่อยไข่และสเปิร์มเพื่อนำมาผสมพันธุ์จากนั้นเพาะเลี้ยงอนุบาลจนเป็นตัวอ่อนและเติบโตขึ้นเรื่อยๆซึ่งพบว่าปะการังอ่อนทั้งสามชนิดเจริญเติบโตได้ดีสำหรับการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศหรือการแตกหน่อ ทีมวิจัยได้ใช้เทคนิคพิเศษในการตัดเนื้อเยื่อจากพ่อแม่พันธุ์ชิ้นเล็กที่สุดเพียง 0.5 ? 1 ซม. และนำชิ้นเนื้อมาเลี้ยงในบ่อเป็นการเลี้ยงในลักษณะฟาร์มบนบกโดยมีการควบคุมปัจจัยสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมซึ่งพบว่าชิ้นเนื้อปะการังดังกล่าวสามารถเจริญเติบโตจนมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ? 5 ซม. ภายใน 1 ปี ทั้งนี้ปะการังอ่อนจะเจริญเติบโตได้เร็วกว่าปะการังแข็งเนื่องจากไม่ต้องสร้างโครงสร้างหินปูนภายในถือเป็นความสำเร็จของทีมวิจัยที่พัฒนาเทคนิคการตัดชิ้นเนื้อปะการังอ่อนมาเพาะเลี้ยงต่อได้โดยที่พ่อแม่พันธุ์ไม่ตาย ที่สำคัญคือเมื่อชิ้นเนื้อของปะการังอ่อนในพ่อแม่พันธุ์ที่ถูกตัดไปเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ ก็สามารถตัดเพื่อนำไปเพาะขยายพันธุ์ได้อีก "จากปัญหาโลกร้อนซึ่งทำให้เกิดปัญหาปะการังฟอกขาวปะการังอ่อนจะมีสาหร่ายตัวหนึ่งที่อยู่ในเนื้อเยื่อซึ่งสามารถสังเคราะห์แสงได้ อาหารหรือพลังงานทั้งหมดประมาณ 80%ของปะการังอ่อนได้จาก การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายตัวนี้ดังนั้นถ้าเราขยายพันธุ์หรือฟื้นฟูปการังอ่อนในทะเลให้มีจำนวนมากจะมีส่วนช่วยเรื่องของโลกร้อนสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำและในอากาศได้" ผศ.ดร.นิลนาจกล่าว https://www.thaipost.net/news-update/313099/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|