เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 01-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 1 - 2 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 3 ? 8 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า

ส่วนในช่วงวันที่ 3 - 6 ก.พ. 66 มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 1 - 6 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในระยะนี้









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 01-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตะลึง! ลูกพะยูนขี่เต่า "ดร.ธรณ์" ไขปริศนาที่มาของภาพสุดมหัศจรรย์


ลูกพะยูนขี่เต่า ภาพมหัศจรรย์สัตว์โลก (ภาพจาก : FB Chananpat Surachaikul)

"ดร.ธรณ์" ออกมาเผยถึงเหตุที่ลูกพะยูนน้อยเกาะหลังเต่าตนุที่อ่าวดงตาล จ.ชลบุรี ว่า เนื่องจากลูกพะยูนพลัดหลงกับแม่จึงต้องหาสัตว์ใหญ่ที่ยอมรับตัวเองให้เข้าไปอยู่ด้วย ซึ่งเป็นภาพมหัศจรรย์สัตว์โลกที่หาชมได้ยากมาก อย่างไรก็ดีแม้ภาพนี้จะดูน่ารัก แต่เบื้องหลังนั้นกลับเป็นเหตุการณ์ที่แสนเศร้าไม่น้อยเลย

จากกรณีที่มีภาพมหัศจรรย์สัตว์โลกหาชมได้ยากมาก ของ "ลูกพะยูน" น้อยเกาะบนหลังเต่าตนุ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชีรายชื่อ Chananpat Surachaikul ได้โพสต์ภาพดังกล่าว พร้อมข้อความว่า

ว้าว?พะยูนน้อยไร้แม่พะยูน คลอเคลียกับเต่าตนุตัวใหญ่
ภารกิจลับ ณ อ่าวดงตาล สัตหีบ?.หนึ่งในล้าน

หลังจากนั้นได้มีผู้แชร์ภาพดังกล่าวในโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก รวมถึงได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง

ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพมหัศจรรย์ดังกล่าว โดยได้โพสต์เฟซบุ๊กผ่านบัญชีรายชื่อ Thon Thamrongnawasawat ว่า


อ.บอยโชว์ภาพลูกพะยูนกับเต่าตนุที่อ่าวดงตาล ลูกพะยูนว่ายเกาะอยู่บนหลังน่ารักมาก ????

ธรรมชาติของลูกพะยูน เมื่ออยู่กับแม่ จะลอยตัวเหนือแม่เพราะภัยอันตรายจะมาจากด้านล่าง เช่น ฉลามจู่โจม ศัตรูทางธรรมชาติจากด้านบนไม่มี เพราะไม่มีนกกินพะยูน

การอยู่ด้านบนยังมีแม่คอยหนุนเวลาโผล่หายใจ เป็นพฤติกรรมของลูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในทะเลทั้งหลาย ตั้งแต่เริ่มเกิด

เมื่อเกิดพลัดหลงกับแม่ด้วยสาเหตุต่างๆ ลูกพะยูนจะหาสัตว์ใหญ่ที่ยอมรับตัวเองให้เข้าไปอยู่ด้วย

ปรกติยากมากครับ พะยูนตัวอื่นก็คงไม่เอาด้วย อีกทั้งภาพนี้มาจากอ่าวดงตาล สัตหีบ แม้มีรายงานเรื่องพะยูนเป็นระยะ แต่ไม่ได้มีมากขนาดนั้น (ตามข้อมูล 5+ ตัว)

สัตว์ใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาหายใจเป็นระยะ คงมีแต่เต่าตัวใหญ่ที่มีอยู่พอสมควร เนื่องจากพื้นที่สัตหีบมีเกาะคราม เกาะแห่งเต่าอันดับหนึ่งของไทย

ลูกพะยูนสับสนในชีวิต กลัวไปหมดทุกอย่าง เมื่อว่ายไปเจอเต่าตนุ จึงขออยู่ด้วย

แม่หนูหายไปไหนก็ไม่รู้ ขอหนูอยู่ด้วยคนได้ไหม ?

ลูกพะยูนคงร้องขอเต่าด้วยเสียงสะอื้น

เต่าใหญ่คงไม่ว่าอะไร อยากอยู่ก็อยู่ไปนะหนูเอ๊ย

จึงกลายเป็นภาพที่เด็ดขาดมาก การพึ่งพาของ 2 ชีวิต

เต่าตนุกินอาหารหลายอย่าง รวมถึงหญ้าทะเล จึงเป็นเรื่องปรกติที่เราพบเต่าอยู่ในแหล่งหญ้า

ในการสำรวจทางอากาศแทบทุกครั้ง เราพบเต่ามากกว่าพะยูน

ลูกพะยูนจึงคอยพึ่งพิงเต่า อาศัยอยู่ในแหล่งหญ้าทะเลที่เป็นอาหารร่วมกัน

ปัญหาสำคัญคือเธอหย่านมหรือยัง กินแต่หญ้าอย่างเดียวจะรอดไหม จะเรียนรู้พฤติกรรมเพื่อดำรงชีวิตจากใคร

โลกนี้โหดร้าย แต่โลกนี้มีปาฏิหาริย์

แค่ลูกพะยูนมาอยู่เต่าได้ แค่นี้ก็เป็นที่สุดของปาฏิหาริย์ ผมยังไม่เคยเห็นที่ไหน

ในทะเลมีความตาย ในทะเลมีน้ำใจ

อวยพรให้ลูกพะยูนอยู่รอดต่อไปให้นานที่สุด รอดจนเติบใหญ่ กลายเป็นเมาคลีแห่งท้องทะเล
เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า เมื่อไม่ยอมแพ้ ชีวิตย่อมมีหนทาง

แม่หาย กำพร้า หลงทางกลางทะเล ยังสู้ต่อไป

ความหวังแม้ริบหรี่ยิ่งกว่า 1 ในล้าน ก็ยังคงว่ายน้ำ

ไม่มีคำว่ายอมแพ้อยู่ในความคิดลูกพะยูน จวบจนเจอน้ำใจกลางทะเลอันเวิ้งว้าง

เป็นภาพเด็ดสุดในรอบหลายปีของทะเลไทยเลยครับ
????????????

ขอบคุณ อ.บอยและผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่าน สำหรับภาพนี้ครับ


https://mgronline.com/travel/detail/9660000009628


******************************************************************************************************


"ฤดูวางไข่" เต่าหญ้า-เต่ามะเฟือง ยังเสี่ยงสูญพันธุ์ 'กรมทะเล' แนะขั้นตอนช่วยเหลือเต่าเกยตื้น!

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่แม่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ ตามชายหาดทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน สะทัอนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในบ้านเราที่เพิ่มขึ้น แต่เต่าหญ้า-เต่ามะเฟือง ในท้องทะเลไทยยังสุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ ?ดร.ธรณ์? ย้ำทุกคนช่วยเต่าได้ ถ้าลดขยะพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง



กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผยภารกิจหนึ่งที่สำคัญของเต่าทะเล คือ การวางไข่ แม่เต่าทะเลจะขึ้นมาวางไข่บริเวณชายหาดที่เงียบสงบ ซึ่งในช่วงฤดูวางไข่แม่เต่าสามารถขึ้นวางไข่ได้มากถึง 10 ครั้ง ในทุกๆ 10-12 วัน และจะกลับมาวางไข่ในทุกๆ 2-4 ปี โดยมีอัตรารอดของลูกเต่าเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์เต่าทะเลได้เพียง 1 ใน 1,000 ตัวเท่านั้น

จะเห็นว่ากว่าลูกเต่าทะเลตัวน้อยๆ เติบโตจนกลายเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้นั้นมีโอกาสน้อยมาก ด้วยหลากหลายสาเหตุปัจจัยในระบบนิเวศทะเลที่ส่งผลต่อการรอดชีวิตของเต่าทะเล ดังนั้นบทบาทที่สำคัญต่อการอนุรักษ์เต่าทะเล ตกมาอยู่ที่มนุษย์ โดยเฉพาะชุมชน ผู้อยู่อาศัยตลอดแนวชายฝั่งทะเลที่แม่เต่าขึ้นมาวางไข่

กรม ทช. แนะนำการช่วยเหลือเต่าทะเล หากพบว่าแม่เต่าติดอวน เบ็ด หรือเกยตื้น และยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สามารถรีบช่วยได้ทันทีตามวิธีการที่ถูกต้อง และปล่อยคืนสู่ทะเล (ดูภาพ : การช่วยเหลือเต่าทะเลเกยตื้นเบื้องต้น) แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ให้รีบแจ้งกรม ทช. หรือสายด่วน 1362 หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นเพื่อประสานหน่วยงานมาที่กรม ทช. ในแต่ละพื้นที่ต่อไป


เผย "เต่าหญ้า-เต่ามะเฟือง" ยังสุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์

ปัจจุบันเต่าหญ้าและเต่ามะเฟือง เป็น 2 ใน 5 ชนิดในท้องทะเลไทย ยังอยู่ในภาวะวิกฤตที่ใกล้สูญพันธุ์ ส่วนเต่าตนุและเต่ากระมีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากแหล่งวางไข่เต่าตนุและเต่ากระทั้งในอ่าวไทย และเกาะหูยงทางฝั่งทะเลอันดามัน ล้วนอยู่ในความดูแลของทหารเรือ ผู้คนทั่วไปไม่สามารถขึ้นเกาะได้หากไม่ได้รับอนุญาต

นั่นทำให้ปัญหาเรื่องการลักลอบเก็บไข่เต่าทะเลเกิดน้อยมาก แต่ปัญหาใหญ่มาจากการประมงที่หนาแน่นมากในอ่าวไทย และมีการประมงหลายชนิดที่ขาดความรับผิดชอบและเป็นอันตรายต่อเต่าทะเล นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหลายประการที่ทำให้เกิดการเสื่อมโทรมของทรัพยากรชายฝั่งทะเล เช่น ปริมาณของขยะผลิตภัณฑ์พลาสติกในทะเล การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลต่อแหล่งอาศัยและแหล่งอาหารของเต่าทะเลอย่างต่อเนื่องและทำให้กระทบโดยตรงต่อประชากรเต่าทะเล

ส่วนทางฝั่งทะเลอันดามันปัญหาใหญ่ที่สุดในเรื่องของการพัฒนาการท่องเที่ยว ทำให้แหล่งวางไข่เต่าทะเลส่วนใหญ่ ซึ่งมีหาดทรายที่สวยงาม ถูกบุกรุกเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และไม่มีความเหมาะสมในการเป็นแหล่งวางไข่เต่าทะเลอีก นั่นที่ทำให้เต่าทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว


ดร.ธรณ์ ย้ำทุกคนร่วมมือช่วยได้ แค่ "ลดขยะทะเล"

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า ช่วงฤดูเต่าวางไข่ในอันดามันตั้งแต่เดือน ต.ค.-ก.พ. ซึ่งหาดไม้ขาวและหาดท้ายเหมืองนั้นเป็นสองหาดสำคัญของประเทศไทยที่มีเต่าขึ้นมาวางไข่ โดยปัจจุบันเต่าหญ้าคือเต่าทะเลหายากที่สุดของไทย

"เต่าทะเลเกือบทั้งหมดประสบชะตากรรมจากขยะทะเล เช่น เศษอวน พลาสติก ฯลฯ ติดที่ขา รัดบาดลึกที่คอ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะตาย แต่ก่อนตายถามว่าทรมานมั้ย ขอตอบว่ามาก เต่ายังไม่ตายหายใจได้เรื่อยๆ แต่เธอไปไหนไม่ได้ ได้แต่ลอยไปกับเศษขยะ หลายต่อหลายวันแดดแผดเผา แผลบาดลึกลงเรื่อยจนบางครั้งขาแม่เต่าขาด พวกเธอมาถึงหาดที่เธออยากมาให้กำเนิดลูกน้อย แต่มาในสภาพของซากศพหรือใกล้ตายเต็มที สภาพที่จบชีวิตเต่าทะเล คือติดขยะหรือกินขยะจนตาย"

"ถ้าเราช่วยกันเพียงลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง ท่านย่อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ต้องพยายามในส่วนของเราให้ดีที่สุด ช่วยกันลดขยะพลาสติก สนับสนุนสินค้าทางเลือกจากการรีไซเคิลหรือ Upcycling เพื่อให้การตลาดขยับไปข้างหน้าได้ แม้ว่าผลิตภัณฑ์จะหาซื้อยาก แต่เชื่อว่าอีกไม่นานคงมีวางจำหน่ายมากขึ้นครับ"


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000009564

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 01-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


โลมาหัวบาตรหลังเรียบ-โลมากระโดด เกยตื้น พบรอยฉลามกัดบริเวณหลัง



วันที่ 31 มกราคม นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) รักษาราชการแทนอธิบดี ทช.) ได้รับรายงานสถานการณ์ด้านการเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายากจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างว่า พบซากโลมาบริเวณพื้นที่หาดบางหอย อ.สิงหนคร จ.สงขลา ด้านเจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง พร้อมทีมสัตวแพทย์ เข้าตรวจสอบและผ่าชันสูตรซากเพื่อหาสาเหตุการตาย

เบื้องต้นทราบว่า เป็นโลมาหัวบาตรหลังเรียบ เพศผู้ ความยาวลำตัว 1.18 เมตร สภาพซากเน่ามาก สภาพภายนอกไม่พบครีบข้างทั้ง 2 ข้าง พบบาดแผลลักษณะเป็นวงกลมบริเวณลำตัว พบรอยฉลามกัดบริเวณหลัง โดยภายในไม่พบอาหารในกระเพาะอาหาร อวัยวะภายในอื่นๆ เน่าสลาย ส่วนสาเหตุการตายคาดว่าเกิดจากการถูกฉลามกัด

จากนั้นในเวลาถัดมา เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง (ศวทล.) ได้รับแจ้งจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง-แหลมขาม ผ่านทางสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ว่าอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ได้พบซากโลมาเกยตื้น บริเวณโรงแรมโคโค่ วันบีช โฮเต็ลแอนด์ เรสเตอรองท์ หมู่ 1 ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง-แหลมขาม ได้เข้ารับซากโลมาและส่งมอบซากให้กับทาง ศวทล. จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นโลมากระโดดแคระ เพศเมีย โตเต็มวัย ยาว 1.02 เมตร น้ำหนัก 8.2 กิโลกรัม รูปร่างค่อนข้างผอม และพบบาดแผลที่บริเวณด้านข้างลำตัวฝั่งซ้ายและพบรอยฟันทั่วลำตัว จากการชันสูตรพบฟองอากาศในหลอดลม ปอดบวม หัวใจมีลักษณะคล้าย tiger heart disease ม้ามมีเนื้อตาย ทั้งนี้ โลมามีภาวะซีด ส่วนสาเหตุการตายคาดว่าโลมาป่วยจากการติดเชื้อไวรัส จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจทางจุลพยาธิ และพันธุศาสตร์ ต่อไป

นายอภิชัยกล่าวว่า ทช.พร้อมจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนการทำงานระหว่างพี่น้องเครือข่ายในพื้นที่และภาคส่วนต่างๆ ในการช่วยกันสอดส่องดูแลสัตว์ทะเลหายาก พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจด้านการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธีให้กับชุมชนชายฝั่ง อันเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้สัตว์ทะเลหายากเกยตื้น อย่างไรก็ตาม ตนย้ำเสมอว่า ถ้าพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ให้รีบแจ้งมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่จะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือได้ทันท่วงทีต่อไป


https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_3800316

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 01-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


แห่ดูพะยูนโชว์ตัวกินหญ้าทะเล อันซีนแห่งใหม่ของ จ.ตรัง



ตรัง 31 ม.ค.- นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาะมุก อ.กันตัง จ.ตรัง ต่างตื่นเต้นและดีใจ ได้เห็นพะยูนมากินหญ้าทะเลให้เห็นกันชัดๆ แถมยังว่ายน้ำพลิกตัวโชว์หน้าท้องสีขาวอย่างสบายใจ กลายเป็นอันซีนแห่งใหม่ของจังหวัด

ที่บริเวณท่าเรือบ้านเกาะมุก อ.กันตัง จ.ตรัง นักท่องเที่ยวและชาวบ้านจำนวนมากกำลังบันทึกภาพพะยูนเพศผู้ ความยาวประมาณ 2.30 เมตร น้ำหนักตัวประมาณ 200-220 กิโลกรัม กำลังกินหญ้าทะเลอยู่บริเวณท่าเรือ โดยจะขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำทุกๆ 2-3 นาที พร้อมพลิกตัวโชว์หน้าท้องสีขาวอวดนักท่องเที่ยวให้ฮือฮาเป็นระยะ

ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ 2566 คนที่เดินทางไปเที่ยวเกาะมุก มักจะพบพะยูน 1-3 ตัว ว่ายเข้ามากินหญ้าชะเงา ซึ่งเป็นหญ้าทะเลชนิดหนึ่งบริเวณท่าเรือเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00-11.30 น. และในช่วงเย็นเวลาประมาณ 15.00-18.00 น. หรือช่วงเวลาน้ำขึ้น แม้จะมีเรือหางยาวแล่นผ่าน ทำให้พะยูนว่ายหนี แต่สักพักก็จะกลับเข้ามาใหม่ เพื่อกินหญ้าทะเล พร้อมหงายท้องโชว์ตัวใต้น้ำทะเลสวยใส แสดงให้เห็นถึงความร่าเริง สบายใจ และมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านพบเจอได้ทุกวัน จนกลายเป็นอันซีนแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวแชร์ต่อๆ กันในโลกโซเชียล


https://tna.mcot.net/region-1105860

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:03


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger